พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3892/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิครอบครองที่ดินโดยการส่งมอบการครอบครองและการเข้าครอบครอง ย่อมเป็นผลให้จำเลยได้สิทธิในที่ดิน
แม้หนังสือสัญญาซื้อขาย ไม่ได้ปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร แต่จำเลยก็มีพยานบุคคลผู้รู้เห็นการทำสัญญาและเห็นจำเลยจ่ายเงินให้โจทก์และเข้าอยู่อาศัยในบ้านและที่ดินพิพาทส่วนโจทก์ย้ายไปอยู่ที่อื่น จึงฟังได้ว่าโจทก์ได้โอนสิทธิครอบครองเนื่องจากมีการซื้อขายที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1377,1378 ซึ่งไม่ต้องมีแบบ การโอนที่ดินพิพาทโดยข้อเท็จจริงคือโจทก์มอบการครอบครองให้จำเลยและจำเลยก็ได้เข้าครอบครอง ไม่ใช่เป็นการโอนโดยทำตามแบบคือทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์ไม่มีหน้าที่ในทางนิติกรรมที่จะต้องไปใส่ชื่อจำเลยในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามฟ้องแย้ง ดังนี้ศาลพิพากษาบังคับตามคำขอฟ้องแย้งของจำเลยหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3595/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญ การส่งมอบการครอบครองเป็นหลักฐานสิทธิ และสิทธิในการฟ้องขับไล่
จำเลยที่ 1 ขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์และส่งมอบการครอบครองของที่ดินพิพาทให้โจทก์เข้าครอบครองแล้ว ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินย่อมโอนการครอบครองกันได้เพียงการส่งมอบทรัพย์สินที่ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 โจทก์จึงมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทโดยไม่จำต้องไปทำหนังสือหรือจดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองกันต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
แม้หนังสือซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นโมฆะเพราะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท การที่จำเลยบุกรุกเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองได้ และเมื่อจำเลยบุกรุกเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทแต่ละครั้งไม่เกิน 1 ปี โจทก์ย่อมไม่ขาดสิทธิที่จะฟ้องขับไล่เรียกการครอบครองที่ดินพิพาทคืนจากจำเลย
แม้หนังสือซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นโมฆะเพราะมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก็ตาม แต่เมื่อโจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท การที่จำเลยบุกรุกเข้ามาทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอันเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองได้ และเมื่อจำเลยบุกรุกเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทแต่ละครั้งไม่เกิน 1 ปี โจทก์ย่อมไม่ขาดสิทธิที่จะฟ้องขับไล่เรียกการครอบครองที่ดินพิพาทคืนจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1297/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองที่ดินเกิดจากการครอบครองตามกฎหมาย แม้การซื้อขายไม่สมบูรณ์ สิทธิเรียกร้องตามสัญญาซื้อขายจึงไม่บังคับได้
โจทก์และสามีโจทก์ซื้อ ที่ พิพาทซึ่ง มี น.ส. 3 จาก ก. โดยมิได้ ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อ พนักงานเจ้าหน้าที่จึงตกเป็นโมฆะแต่ ที่ พิพาทเป็นที่ดินยังไม่มีหนังสือสำคัญแสดงกรรมสิทธิ์ ก.ผู้ขายมีแต่ สิทธิครอบครอง เมื่อได้ ส่งมอบที่พิพาทให้โจทก์และสามีโจทก์แล้ว ก. ก็สละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือที่ดินพิพาทอีกต่อไป โจทก์และสามีโจทก์ย่อมได้ สิทธิครอบครอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1371378 มิใช่ได้ ตาม สัญญาซื้อขายดังนี้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับให้ จำเลยซึ่ง เป็นทายาทของ ก. ไปจดทะเบียนการโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ตาม สัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับ ก. .
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 166/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีครอบครองที่ดิน: คำฟ้องชัดเจน การครอบครองเดิม และการแย่งการครอบครอง
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดิน ส.ค. 1 ที่โจทก์ครอบครองอยู่เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง โดยบรรยายฟ้องว่า ที่ดินของโจทก์มีอาณาเขตทิศไหนจดที่ดินของใคร และมีพื้นที่เท่าไร โจทก์ได้ครอบครองมาตลอด เช่นนี้ คำฟ้องของโจทก์ดังกล่าวได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ส่วนที่ว่าอาณาเขตที่ดินของโจทก์ด้านไหนมีความกว้างยาวเท่าไร และโจทก์ได้ที่ดินมาตั้งแต่เมื่อไร เป็นรายละเอียดที่โจทก์สามารถสืบในชั้นพิจารณาได้ คำฟ้องของโจทก์จึงสมบูรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 172 วรรคสอง การที่จำเลยคัดค้านการรังวัดที่พิพาทของโจทก์ และห้ามโจทก์ถมที่พิพาทเป็นแต่เพียงการโต้แย้ง สิทธิของโจทก์เท่านั้น เมื่อจำเลยยังไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาท จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยได้แย่งการครอบครอง และต่อมาแม้จำเลยจะได้ล้อมรั้วและปลูกถั่วในที่ พิพาทอันเป็นการแย่งการครอบครองก็ตาม เมื่อโจทก์ฟ้องคดีห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องในที่พิพาทยังไม่เกิน 1 ปีนับแต่วันที่ถูกจำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3520/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ที่ดินมีเงื่อนไขห้ามโอน โจทก์ยังไม่มีสิทธิครอบครอง จึงไม่สามารถโอนสิทธิให้จำเลยได้
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ทางราชการออกให้แก่โจทก์ ตาม ป. ที่ดิน มาตรา 58 ทวิห้ามโอนภายใน 10 ปีนั้น เป็นที่ดินที่รัฐยังไม่มอบสิทธิครอบครองให้แก่โจทก์ จึงยังไม่มีสิทธิครอบครองตาม ป.พ.พ.หรือตาม ป. ที่ดิน ดังนั้นโจทก์ไม่อาจโอนสิทธิครอบครองตามป.พ.พ. มาตรา 1377 หรือมาตรา 1378 ให้ผู้อื่นได้ การที่โจทก์ขายและมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่บิดาโจทก์ภายในกำหนดเวลาห้ามโอน แล้วต่อมาบิดาโจทก์ได้นำไปขายและมอบการครอบครองให้แก่จำเลยครอบครองทำกินโดยจะไปโอนให้จำเลยหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลาห้ามโอนแล้วนั้น จำเลยหาอาจยกสิทธิครอบครองขึ้นต่อสู้โจทก์ได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3379/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายที่ดินและสิทธิในการส่งมอบการครอบครอง
โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบการครองครองที่ดินมือเปล่าตามหนังสือสัญญาซื้อขายและตามเอกสารดังกล่าวมีข้อความว่าจำเลยจะมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อในวันทำสัญญา จึงเป็นสัญญาโอนการครอบครองโดยมีค่าตอบแทน โจทก์มีสิทธิบังคับให้จำเลยส่งมอบการครอบครองที่ดินตามฟ้องได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3379/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือสัญญาซื้อขายที่มีข้อความส่งมอบทรัพย์สินในวันทำสัญญา เป็นสัญญาโอนการครอบครอง มีผลบังคับได้
โจทก์ฟ้องให้จำเลยส่งมอบการครองครองที่ดินมือเปล่าตามหนังสือสัญญาซื้อขายและตามเอกสารดังกล่าวมีข้อความว่าจำเลยจะมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่ผู้ซื้อในวันทำสัญญา จึงเป็นสัญญาโอนการครอบครองโดยมีค่าตอบแทน โจทก์มีสิทธิบังคับให้จำเลยส่งมอบการครอบครองที่ดินตามฟ้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2532 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้บุตรโดยการให้ครอบครอง และสิทธิการครอบครองเหนือที่ดินมรดก
ก่อนเจ้ามรดกถึงแก่ความตายได้ พูดยกที่ดินมือเปล่าให้แก่บุตรแต่ละคน โดยบุตรคนไหนปลูกบ้านอยู่ในที่ดินส่วนใด ก็ยกที่ดินส่วนนั้นให้ โจทก์ซึ่งเป็นบุตรเจ้ามรดกได้ปลูกบ้านในที่ดินพิพาท และได้ครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะไปขอรับมรดกที่ดินพิพาท ซึ่งมี ส.ค.1 แล้วขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลย แต่เมื่อโจทก์ยังคงครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมา จึงหาทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้โดยการบอกกล่าวและการครอบครองปรปักษ์ แม้มี ส.ค.1 ก็ไม่ทำให้สิทธิครอบครองของผู้อื่นสิ้นไป
ก่อนเจ้ามรดกถึงแก่ความตายได้ พูดยกที่ดินมือเปล่าให้แก่บุตรแต่ละคน โดย บุตรคนไหนปลูกบ้านอยู่ในที่ดินส่วนใด ก็ยกที่ดินส่วนนั้นให้ โจทก์ซึ่ง เป็นบุตรเจ้ามรดกได้ ปลูกบ้านในที่ดินพิพาท และได้ครอบครองที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของตลอดมา แม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะไปขอรับมรดกที่ดินพิพาท ซึ่ง มี ส.ค.1 แล้วขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลย แต่ เมื่อโจทก์ยังคงครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมา จึงหาทำให้จำเลยได้ สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2304/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกที่ดินให้บุตรโดยการให้สิทธิครอบครองตามส่วน และสิทธิครอบครองเหนือกว่ามรดก
ก่อนเจ้ามรดกถึงแก่ความตายได้พูดยกที่ดินมือเปล่าให้แก่บุตรแต่ละคน โดยบุตรคนไหนปลูกบ้านอยู่ในที่ดินส่วนใด ก็ยกที่ดินส่วนนั้นให้ โจทก์ซึ่งเป็นบุตรเจ้ามรดกได้ปลูกบ้านในที่ดินพิพาท และได้ครอบครองที่ดินพิพาทอย่าเป็นเจ้าของตลอดมาแม้ต่อมาภายหลังจำเลยจะไปขอรับมรดกที่ดินพิพาท ซึ่งมี ส.ค. 1 แล้วขอให้ทางราชการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ให้แก่จำเลย แต่เมื่อโจทก์ยังคงครอบครองที่ดินพิพาทตลอดมาจึงหาทำให้จำเลยได้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทไม่.