พบผลลัพธ์ทั้งหมด 355 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 279/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิครอบครองสาธารณสมบัติของแผ่นดิน: ผู้ยึดถือไม่มีสิทธิในที่ดิน และไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินนั้น ผู้ใดหามีสิทธิครอบครองและมีกรรมสิทธิ์ไม่ โจทก์ผู้ยึดถือครอบครองอยู่จึงไม่มีสิทธิให้เช่า การที่โจทก์ให้ผู้อื่นเช่า จึงเป็นการมอบการยึดถือครอบครองให้แก่ผู้อื่น และผู้ยึดถือครอบครองที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินจะหวงกันผู้อื่นได้ก็แต่ขณะที่ยึดถือครอบครองอยู่เมื่อโจทก์มิใช่ผู้ยึดถือครอบครองเสียแล้ว จึงไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ผู้ครอบครอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์และการขาดอายุความฟ้องร้องคดีครอบครองที่ดิน
ป.สามีโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจากจำเลยโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ป.ยังค้างชำระราคาส่วนหนึ่งแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา4ทวิประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่96ข้อ2ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงโอนไปเป็นของป.ด้วยผลของกฎหมายไม่จำต้องมอบการครอบครองกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1378การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของป.แต่ต่อมาวันที่31ธันวาคม2524จำเลยไปขอรับเงินค่าที่ดินที่ค้างจากป.แต่ถูกปฏิเสธจำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับป.และว่าจะไม่ยอมออกจากที่พิพาทหากป.ต้องการให้ไปฟ้องเอาดังนี้แม้จะไม่เป็นผลให้สัญญาซื้อขายระหว่างป.กับจำเลยเลิกกันก็ตามแต่ก็เป็นการบอกกล่าวของจำเลยต่อป.ว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนป.ต่อไปอันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจำเลยมิได้ยึดถือที่พิพาทแทนป.ต่อไปตามมาตรา1381ป.ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่16พฤษภาคม2525การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกที่พิพาทอันเป็นการสืบสิทธิจากป.เจ้ามรดกเพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินดังกล่าวจากจำเลยเมื่อวันที่4มกราคม2526ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่31ธันวาคม2524ซึ่งเป็นวันที่จำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนที่พิพาทตามมาตรา1375.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องขับไล่: การครอบครองปรปักษ์และการบอกเลิกสัญญาซื้อขายทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการครอบครอง
ป.สามีโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจากจำเลย โดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แต่ ป. ยังค้างชำระราคาส่วนหนึ่งแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 4 ทวิประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ข้อ 2 ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงโอนไปเป็นของ ป.ด้วยผลของกฎหมาย ไม่จำต้องมอบการครอบครองกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1378 การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของ ป. แต่ต่อมาวันที่ 31 ธันวาคม 2524 จำเลยไปขอรับเงินค่าที่ดินที่ค้างจาก ป.แต่ถูกปฏิเสธ จำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับ ป. และว่าจะไม่ยอมออกจากที่พิพาท หาก ป.ต้องการให้ไปฟ้องเอา ดังนี้ แม้จะไม่เป็นผลให้สัญญาซื้อขายระหว่าง ป.กับจำเลยเลิกกันก็ตาม แต่ก็เป็นการบอกกล่าวของจำเลยต่อ ป.ว่า ไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทน ป.ต่อไป อันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจำเลยมิได้ยึดถือที่พิพาทแทน ป.ต่อไปตาม มาตรา 1381 ป.ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2525 การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกที่พิพาทอันเป็นการสืบสิทธิจาก ป.เจ้ามรดกเพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินดังกล่าวจากจำเลยเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2526 ซึ่งเป็นเวลาเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2524 ซึ่งเป็นวันที่จำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนที่พิพาทตาม มาตรา 1375
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1930/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองปรปักษ์หลังบอกเลิกสัญญาซื้อขายและการขาดอายุความฟ้องคดี
ป. สามีโจทก์ได้ทำสัญญาซื้อที่พิพาทซึ่งเป็นที่ดินมือเปล่ามีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วจากจำเลยโดยทำสัญญาซื้อขายเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ป. ยังค้างชำระราคาส่วนหนึ่งแก่จำเลยตามป.ที่ดินมาตรา4ทวิประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่96ข้อ2ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษสิทธิครอบครองในที่พิพาทจึงโอนไปเป็นของป. ด้วยผลของกฎหมายไม่จำต้องมอบการครอบครองกันตามป.พ.พ.มาตรา1378การที่จำเลยอยู่ในที่พิพาทต่อมาก็โดยอาศัยสิทธิของป. แต่ต่อมาเมื่อจำเลยไปขอรับเงินค่าที่ดินที่ค้างจากป. กลับถูกปฏิเสธจำเลยจึงบอกเลิกสัญญากับป. และว่าจะไม่ยอมออกจากที่พิพาทหากป.ต้องการให้ไปฟ้องเอาดังนี้แม้จะไม่เป็นผลให้สัญญาซื้อขายระหว่างป. กับจำเลยเลิกกันก็ตามแต่ก็เป็นการบอกกล่าวของจำเลยต่อป. ว่าไม่เจตนาจะยึดถือที่พิพาทแทนป. ต่อไปอันเป็นการเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือว่าจำเลยมิได้ยึดถือที่พิพาทแทนป.ต่อไปตามป.พ.พ.มาตรา1381การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกที่พิพาทอันเป็นการสืบสิทธิจากป. เจ้ามรดกเพิ่งนำคดีมาฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งที่ดินดังกล่าวจากจำเลยเมื่อเกินกว่าหนึ่งปีนับแต่วันที่จำเลยแย่งการครอบครองโจทก์จึงขาดสิทธิฟ้องเอาคืนที่พิพาทตามป.พ.พ.มาตรา1375.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละการครอบครองที่ดินและผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์ การครอบครองแทนจำเลย
น.บุตรสาวของโจทก์เอาที่ดินพิพาทมายื่นเรื่องราวขอออกส.ค.1และน.ส.3โดยอ้างว่าได้รับมรดกต่อมาน.ก็นำที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนขายฝากไว้กับส.แล้วน.ได้ไถ่คืนและทำสัญญาจดทะเบียนขายฝากไว้กับจำเลยมีกำหนด1ปีซึ่งครบกำหนดแล้วโดยน.ไม่ได้ไถ่เอาที่ดินพิพาทคืนโจทก์รู้เห็นยินยอมให้น.นำที่ดินพิพาทไปออกน.ส.3และขายฝากที่ดินดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วยเมื่อที่ดินนั้นหลุดเป็นสิทธิของจำเลยแล้วโจทก์ยังเข้าไปเกี่ยวข้องให้ห.บุตรสาวอีกคนหนึ่งทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทอีกซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวพอถือได้แล้วว่าโจทก์ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทไปแล้วเพียงยึดถือครอบครองตามสิทธิในสัญญาเช่าซึ่งเป็นการครอบครองแทนจำเลยเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1009/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสละการครอบครองที่ดินและการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์จากมรดกสู่การขายฝากและเช่า
น.บุตรสาวของโจทก์เอาที่ดินพิพาทมายื่นเรื่องราวขอออก ส.ค.1และ น.ส.3 โดยอ้างว่าได้รับมรดก ต่อมา น. ก็นำที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนขายฝากไว้กับ ส. แล้ว น. ได้ไถ่คืนและทำสัญญาจดทะเบียนขายฝากไว้กับจำเลยมีกำหนด 1 ปีซึ่งครบกำหนดแล้วโดย น. ไม่ได้ไถ่เอาที่ดินพิพาทคืน โจทก์รู้เห็นยินยอมให้ น. นำที่ดินพิพาทไปออก น.ส.3 และขายฝากที่ดินดังกล่าวไว้กับจำเลยด้วย เมื่อที่ดินนั้นหลุดเป็นสิทธิของจำเลยแล้ว โจทก์ยังเข้าไปเกี่ยวข้องให้ ห.บุตรสาวอีกคนหนึ่งทำสัญญาเช่าที่ดินพิพาทอีก ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวพอถือได้แล้วว่า โจทก์ได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทไปแล้วเพียงยึดถือครอบครองตามสิทธิในสัญญาเช่า ซึ่งเป็นการครอบครองแทนจำเลยเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินอันเป็นทางเสียเปรียบแก่ผู้ครอบครองทำประโยชน์อยู่ก่อน และสิทธิของผู้ซื้อฝากที่ไม่สุจริต
จำเลยที่ 1 ได้ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกแล้วจำเลยที่ 1 ได้มอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกเข้าครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทตลอดมา โดยสัญญาว่าจะโอนสิทธิทางทะเบียนให้ในภายหลังซึ่งขณะนั้นที่ดินพิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) แล้ว และต่อมาจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 1 ไม่ไถ่คืนภายในกำหนด โดยจำเลยที่ 2 ไม่เคยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทเลย ทั้งซื้อฝากที่ดินพิพาทโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริตเป็นทางให้โจทก์ทั้งห้าซึ่งอยู่ในฐานะที่จะบังคับให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้ตนได้อยู่ก่อนแล้วเสียเปรียบ โจทก์ทั้งห้ามีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1300 และบังคับให้จำเลยที่1 จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้ตน จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเอาคืนที่ดินพิพาทที่ตนได้มาโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินเนื่องจากจำเลยกระทำโดยไม่สุจริตและเป็นทางให้โจทก์เสียเปรียบ
จำเลยที่1ได้ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกแล้วจำเลยที่1ได้มอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกเข้าครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทตลอดมาโดยสัญญาว่าจะโอนสิทธิทางทะเบียนให้ในภายหลังซึ่งขณะนั้นที่ดินพิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3)แล้วและต่อมาจำเลยที่1ได้จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจำเลยที่2จำเลยที่1ไม่ไถ่คืนภายในกำหนดโดยจำเลยที่2ไม่เคยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทเลยทั้งซื้อฝากที่ดินพิพาทโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริตเป็นทางให้โจทก์ทั้งห้าซึ่งอยู่ในฐานะที่จะบังคับให้จำเลยที่1จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้ตนได้อยู่ก่อนแล้วเสียเปรียบโจทก์ทั้งห้ามีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1300และบังคับให้จำเลยที่1จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้ตนจำเลยที่2ไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเอาคืนที่ดินพิพาทที่ตนได้มาโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1007/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินอันเป็นทางเสียเปรียบต่อผู้ครอบครองทำประโยชน์โดยสุจริต
จำเลยที่1ได้ทำสัญญาขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกแล้วจำเลยที่1ได้มอบที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งห้ากับพวกเข้าครอบครองทำนาในที่ดินพิพาทตลอดมาโดยสัญญาว่าจะโอนสิทธิทางทะเบียนให้ในภายหลังซึ่งขณะนั้นที่ดินพิพาทมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3)แล้วและต่อมาจำเลยที่1ได้จดทะเบียนขายฝากที่ดินพิพาทไว้กับจำเลยที่2จำเลยที่1ไม่ไถ่คืนภายในกำหนดโดยจำเลยที่2ไม่เคยเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทเลยทั้งซื้อฝากที่ดินพิพาทโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริตเป็นทางให้โจทก์ทั้งห้าซึ่งอยู่ในฐานะที่จะบังคับให้จำเลยที่1จดทะเบียนโอนสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้ตนได้อยู่ก่อนแล้วเสียเปรียบโจทก์ทั้งห้ามีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายฝากที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสองได้ตามป.พ.พ.มาตรา1300และบังคับให้จำเลยที่1จดทะเบียนขายที่ดินพิพาทให้ตนจำเลยที่2ไม่มีสิทธิฟ้องแย้งเอาคืนที่ดินพิพาทที่ตนได้มาโดยไม่มีค่าตอบแทนและไม่สุจริต.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแลกเปลี่ยนที่ดินโดยไม่ทำสัญญาและจดทะเบียน การครอบครองปรปักษ์ทำให้ได้สิทธิในที่ดิน
การแลกเปลี่ยนที่ดินแม้มิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่ที่ดินที่ตกลงแลกเปลี่ยนกันเป็นที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3ก.)โจทก์ที่2ได้ครอบครองอย่างเป็นเจ้าของมีเขตแน่นอนอนึ่งข้อเท็จจริงแห่งคดีฟังได้ด้วยว่าโจทก์ได้ครอบครองเกิน1ปีแล้วจำเลยย่อมหมดสิทธิเอาคืนซึ่งการครอบครองตามป.พ.พ.มาตรา1375 การแลกเปลี่ยนที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3)โดยต่างฝ่ายต่างเข้าครอบครองที่ดินของอีกฝ่ายหนึ่งที่แลกเปลี่ยนกันผู้แลกเปลี่ยนไม่มีหน้าที่ทางนิติกรรมที่จะจดทะเบียนแบ่งแยกให้หรือรับโอน.