พบผลลัพธ์ทั้งหมด 46 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่มีความผิดฐานขับรถโดยประมาท และไม่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุจากอุบัติเหตุที่ตนไม่ได้เป็นผู้ก่อ
ขณะเกิดเหตุ จำเลย (มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว) ใช้รถยนต์รับจ้างในกิจการส่วนตัวมิได้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น จึงไม่มีหน้าที่จะต้องหยุดช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น จึงไม่มีหน้าที่จะต้องหยุดช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยไม่มีความผิดฐานขับรถโดยประมาทและไม่มีใบอนุญาตสาธารณะ เนื่องจากไม่ได้เป็นฝ่ายก่อเหตุและไม่ได้ใช้รถรับจ้าง
ขณะเกิดเหตุ จำเลย(มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว)ใช้รถยนต์รับจ้างในกิจการส่วนตัวมิได้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นจึงไม่มีหน้าที่จะต้องหยุดช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3989/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษฐานหลบหนีไม่แจ้งเหตุ ต้องพิสูจน์ว่าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตาย
โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยขับรถยนต์ด้วยความประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายสาหัส เกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนีไม่อยู่ช่วยเหลือ ทั้งไม่ได้แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยมิได้บรรยายอ้างเหตุว่าการหลบหนีดังกล่าวเป็นเหตุให้บุคคลอื่นได้รับอันตรายสาหัสหรือตายด้วยดังนี้ ไม่อาจลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฯ มาตรา 160 วรรคสองได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาโดยมีข้อผิดพลาดเรื่องวันเกิดเหตุ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่ถือเป็นการฟ้องล่วงหน้า
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2524 ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสและกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก ปรากฏในบันทึกคำฟ้องของศาลว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 31 มิถุนายน 2524 อันเป็นวันภายหลังที่โจทก์ฟ้อง แต่ปรากฏตามบันทึกการตกลงชดใช้ค่าเสียหายและคำร้องขอผัดฟ้องและฝากขังว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524 และต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2524 จำเลยมอบตัวต่อพนักงานสอบสวน และให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ในวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็ยังได้ยื่นคำร้องยอมรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริง แสดงว่าจำเลยทราบดีถึงการกระทำความผิดของจำเลยทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ การที่ศาลบันทึกวันกระทำผิดของจำเลยผิดพลาดไปเป็นเรื่องของความพลั้งเผลอจึงหาใช่เป็นการฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดภายหลังวันที่โจทก์ฟ้องไม่ ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2278/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องคดีอาญาด้วยวาจาและการแก้ไขวันกระทำผิดในบันทึก ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยได้
โจทก์ฟ้องด้วยวาจาเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2524 ว่าจำเลยกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัสและกระทำผิดต่อพระราชบัญญัติจราจรทางบก ปรากฏในบันทึกคำฟ้องของศาลว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 31มิถุนายน 2524 อันเป็นวันภายหลังที่โจทก์ฟ้อง แต่ปรากฏตามบันทึกการตกลงชดใช้ค่าเสียหายและคำร้องขอผัดฟ้องและฝากขังว่าจำเลยกระทำผิดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524 และต่อมาเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2524 จำเลยมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนและให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน ในวันที่โจทก์ฟ้องจำเลยก็ยังได้ยื่นคำร้องยอมรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดจริงแสดงว่าจำเลยทราบดีถึงการกระทำความผิดของจำเลย ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ การที่ศาลบันทึกวันกระทำผิดของจำเลยผิดพลาดไปเป็นเรื่องของความพลั้งเผลอจึงหาใช่เป็นการฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดภายหลังวันที่โจทก์ฟ้องไม่ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2255/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาฆ่าจากการกระทำที่เล็งเห็นผลอันตรายถึงชีวิต และความรับผิดตามกฎหมายจราจรทางบก
บรรยายฟ้องว่าจำเลยมีเจตนาจะให้รถยนต์ที่ผู้ตายขับชนกับรถโดยสารประจำทางซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นอยู่แล้วว่า เมื่อรถโดยสารแล่นสวนทางมาในระยะใกล้ หากจำเลยได้หยุดและหักรถหลบเข้ามาทางซ้าย ผู้ตายต้องหลบมาทางขวา จะชนกับรถโดยสารในทันที ผู้ตายและผู้โดยสารต้องถึงแก่ความตายและบาดเจ็บสาหัส และรถทั้งสองชนกันมีคนตายและบาดเจ็บสาหัสดังเจตนาของจำเลย หรือมิฉะนั้นก็ขับรถด้วยความประมาทแสดงว่าฟ้องมีความประสงค์ให้ลงโทษอย่างใดอย่างหนึ่ง หาใช่ขอให้ลงโทษทั้งสองอย่างไม่ ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) และจำเลยเข้าใจฟ้องได้ดี ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 1547/2511)
จำเลยขับรถปิดเส้นทางไม่ยอมให้ผู้ตายซึ่งขับรถตามหลังมาแซงขึ้นหน้า เมื่อรถโดยสารประจำทางแล่นสวนทางมา จำเลยก็แกล้งเบรคให้รถหยุดในทันที การกระทำเช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายต้องหักรถหลบไปทางขวาและชนกับรถโดยสารนั้น ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะมีผู้ได้รับอันตรายบาดเจ็บและตายเกิดขึ้นจากเหตุที่รถชนกันนั้น ฉะนั้นเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยผลแห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าว จงได้ชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย
จำเลยขับรถปิดเส้นทางไม่ยอมให้ผู้ตายซึ่งขับรถตามหลังมาแซงขึ้นหน้า เมื่อรถโดยสารประจำทางแล่นสวนทางมา จำเลยก็แกล้งเบรคให้รถหยุดในทันที การกระทำเช่นนี้จำเลยย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้ตายต้องหักรถหลบไปทางขวาและชนกับรถโดยสารนั้น ซึ่งจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าจะมีผู้ได้รับอันตรายบาดเจ็บและตายเกิดขึ้นจากเหตุที่รถชนกันนั้น ฉะนั้นเมื่อผู้ตายถึงแก่ความตายด้วยผลแห่งการกระทำของจำเลยดังกล่าว จงได้ชื่อว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย