คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 900

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 357 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 41-42/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้ตามเช็ค แม้จะอ้างว่าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน
จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คทั้ง10ฉบับเพื่อชำระหนี้เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์ทั้งสองซึ่งเป็นผู้ทรงพร้อมดอกเบี้ยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900วรรคหนึ่ง,904,914ประกอบมาตรา989,มาตรา224วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7545/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสลักหลังเช็คเพื่อชำระหนี้เดิมและการทำสัญญากู้เงินใหม่ การผิดนัดชำระหนี้ตามเช็คถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. เช็ค
จำเลยเป็นผู้สลักหลังเช็คที่ ย.สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์เมื่อธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินโจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวจำเลยซึ่งเป็นผู้สลักหลังย่อมต้องรับผิดร่วมกับย. ชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อหนี้เดิมจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในหนี้ตามเช็คแต่ต่อมาได้ทำสัญญากู้เงินกันแทนหนี้จำนวนนี้ย่อมเป็นหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายแม้ตอนทำสัญญากู้เงินจำเลยมิได้รับเงินจากโจทก์แต่จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ก่อนแล้วตามจำนวนหนี้ที่ ย.สั่งจ่ายเช็คและจำเลยเป็นผู้สลักหลังโดยจำเลยไม่จำต้องเกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์ร่วมกับ ย. จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้รายนี้เมื่อจำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์และได้มีการทำสัญญากู้เงินกันแทนถือว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และโจทก์สามารถบังคับให้ชำระหนี้ดังกล่าวได้ตามกฎหมายแม้ในวันทำสัญญากู้เงินจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คโดยลงวันที่สั่งจ่ายตรงกับวันที่ครบกำหนดชำระเงินตามสัญญากู้เงินการสั่งจ่ายเช็คดังกล่าวถือว่าเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมายเมื่อธนาคารปฎิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7545/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สลักหลังเช็ค กรณีหนี้เดิมและการทำสัญญากู้เงิน
จำเลยเป็นผู้สลักหลังเช็คที่ ย.สั่งจ่ายเพื่อชำระหนี้ให้โจทก์เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ไม่ได้รับชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าว จำเลยซึ่งเป็นผู้สลักหลังเช็คย่อมต้องรับผิดร่วมกับ ย.ชำระหนี้ให้โจทก์
เมื่อหนี้เดิมจำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ในหนี้ตามเช็คแต่ต่อมาได้ทำสัญญากู้เงินกันแทน หนี้จำนวนนี้ย่อมเป็นหนี้ที่มีอยู่จริง และบังคับได้ตามกฎหมายแม้ตอนทำสัญญากู้เงินจำเลยมิได้รับเงินจากโจทก์ แต่จำเลยเป็นหนี้โจทก์อยู่ก่อนแล้วตามจำนวนหนี้ที่ ย.สั่งจ่ายเช็คและจำเลยเป็นผู้สลักหลัง โดยจำเลยไม่จำต้องเกี่ยวข้องหรือมีผลประโยชน์ร่วมกับ ย. จำเลยต้องรับผิดชำระหนี้รายนี้ เมื่อจำเลยยังไม่ได้ชำระหนี้ให้โจทก์ และได้มีการทำสัญญากู้เงินกันแทน ถือว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์และโจทก์สามารถบังคับให้ชำระหนี้ดังกล่าวได้ตามกฎหมาย แม้ในวันทำสัญญากู้เงินจำเลยได้สั่งจ่ายเช็คโดยลงวันที่สั่งจ่ายตรงกับวันที่ครบกำหนดชำระเงินตามสัญญากู้เงิน การสั่งจ่ายเช็คดังกล่าวถือว่าเป็นการออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็ค การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2809/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คค้ำประกันการเช่าซื้อ: จำเลยต้องนำสืบข้อเท็จจริง หากไม่สามารถพิสูจน์ได้ ต้องรับผิดตามเช็ค
จำเลยที่1เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทส่วนจำเลยที่2เป็นผู้สลักหลังจำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900จำเลยที่1มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่1สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้บริษัทส.เพื่อเป็นการค้ำประกันการเช่าซื้อรถยนต์จำเลยที่1ชำระค่าเช่าซื้อครบแล้วมูลหนี้ตามเช็คพิพาทระงับไปเมื่อนำสืบไม่ได้ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2809/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คค้ำประกันการเช่าซื้อ: จำเลยต้องนำสืบให้ได้ว่าชำระหนี้แล้ว หากไม่สามารถทำได้ ถือว่าต้องรับผิดตามเช็ค
จำเลยที่1เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทส่วนจำเลยที่2เป็นผู้สลักหลังจำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา900จำเลยที่1มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามข้ออ้างที่ว่าจำเลยที่1สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้บริษัทส. เพื่อเป็นการค้ำประกันการเช่าซื้อรถยนต์จำเลยที่1ชำระค่าเช่าซื้อครบแล้วมูลหนี้ตามเช็คพิพาทระงับไปเมื่อนำสืบไม่ได้ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2809/2538 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีหน้าที่พิสูจน์ข้ออ้างการค้ำประกันเพื่อลบล้างหนี้ตามเช็ค หากพิสูจน์ไม่ได้ ศาลไม่ต้องวินิจฉัยพยานโจทก์
จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลัง จำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค ตาม ป.พ.พ มาตรา 900จำเลยที่ 1 มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามข้ออ้างที่ว่า จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้บริษัท ส.เพื่อเป็นการค้ำประกันการเช่าซื้อรถยนต์ จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อครบแล้ว มูลหนี้ตามเช็คพิพาทระงับไป เมื่อนำสืบไม่ได้ ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2809/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้สั่งจ่ายเช็คมีหน้าที่นำสืบข้ออ้างการระงับหนี้ หากไม่สามารถทำได้ ต้องรับผิดตามเช็ค
จำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท ส่วนจำเลยที่ 2เป็นผู้สลักหลัง จำเลยทั้งสองต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 จำเลยที่ 1 มีหน้าที่นำสืบให้ได้ความตามข้ออ้างที่ว่า จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทให้บริษัท ส.เพื่อเป็นการค้ำประกันการเช่าซื้อรถยนต์จำเลยที่ 1 ชำระค่าเช่าซื้อครบแล้ว มูลหนี้ตามเช็คพิพาทระงับไป เมื่อนำสืบไม่ได้ ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยพยานหลักฐานของโจทก์เกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คพิพาทอีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6196/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องเช็ค: คำฟ้องไม่เคลือบคลุม, การแก้ไขวันสั่งจ่ายเช็คโดยสุจริต, และค่าฤชาธรรมเนียม
คดีสำนวนแรกมีจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง จำเลยทั้งสองฎีกาว่าจำเลยทั้งสองชำระเงินตามเช็คจำนวนเงิน 110,000 บาทแก่โจทก์แล้ว และฟ้องโจทก์เกี่ยวกับเช็คฉบับนี้ขาดอายุความเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย คงรับวินิจฉัยเฉพาะข้อกฎหมายและฎีกาของจำเลยที่ 2ในสำนวนหลัง โจทก์บรรยายในคำฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่โจทก์ ครบกำหนดสั่งจ่ายแล้วธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยจึงต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนี้ฟ้องโจทก์ครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง บัญญัติไว้แล้ว ส่วนวันที่โจทก์ได้รับเช็คพิพาทมาจากจำเลยเป็นวันใดและจำเลยมอบเช็คพิพาทชำระหนี้อะไรแก่โจทก์นั้น มิใช่สภาพแห่งข้อหาที่กฎหมายบังคับให้ต้องแสดงไว้ในคำฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์แก้วันสั่งจ่ายเงินในเช็คโดยสุจริตตามความยินยอมที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้แก่โจทก์ วันสั่งจ่ายในเช็คดังกล่าวจึงเป็นวันสั่งจ่ายที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ภายในเวลา 1 ปีนับแต่วันที่เช็คดังกล่าวถึงกำหนดสั่งจ่าย คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ จำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นจำเลยในสำนวนหลัง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ทั้งสองสำนวนจึงไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5766/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้สั่งจ่าย, ผู้สลักหลัง, และผู้รับอาวัลเช็ค แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน
เมื่อเช็คพิพาทมีรายการครบถ้วนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 988 แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้วก็ยังคงเป็นเช็คตามมาตรา 987 จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้สลักหลังยังคงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาทตาม มาตรา 900 เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่โจทก์หรือผู้ถือ จำเลยที่ 4 สลักหลังเช็คพิพาทย่อมเป็นประกัน (อาวัล) สำหรับจำเลยที่ 1 และมีความรับผิดอย่างเดียวกับจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 921,940 ประกอบด้วยมาตรา 989ทั้งต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้รับอาวัลรับผิดตามเช็คพิพาทต่อโจทก์ตามมาตรา 967ประกอบด้วยมาตรา 989 แม้จำเลยที่ 4 สลักหลังเช็คพิพาทหลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 4 หลุดพ้นจากความรับผิดตามเช็คพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5766/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดในเช็คพิพาท: ผู้สั่งจ่าย, ผู้สลักหลัง, ผู้รับอาวัล แม้ปฏิเสธการจ่ายเงินก็ยังคงรับผิด
เมื่อเช็คพิพาทมีรายการครบถ้วนตาม ป.พ.พ.มาตรา 988 แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินแล้วก็ยังคงเป็นเช็คตามมาตรา 987 จำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ที่ 3 ผู้สลักหลังยังคงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คพิพาทตาม มาตรา900 เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่โจทก์หรือผู้ถือ จำเลยที่ 4 สลักหลังเช็คพิพาทย่อมเป็นประกัน (อาวัล) สำหรับจำเลยที่ 1 และมีความรับผิดอย่างเดียวกับจำเลยที่ 1 ตามมาตรา 921, 940 ประกอบด้วยมาตรา 989 ทั้งต้องร่วมกับจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 และที่ 3 ผู้รับอาวัลรับผิดตามเช็คพิพาทต่อโจทก์ตามมาตรา 967 ประกอบด้วยมาตรา 989 แม้จำเลยที่ 4 สลักหลังเช็คพิพาทหลังจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินก็ไม่ทำให้จำเลยที่ 4 หลุดพ้นจากความรับผิดตามเช็คพิพาท
of 36