คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 900

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 357 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4872/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คเพื่อประกันหนี้กู้ยืม การลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คทำให้มีผลผูกพันตามกฎหมาย
จำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทมิใช่ของตนโจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาท และในสำนวนมีลายมือชื่อแท้จริงของจำเลยที่ 2 ในสัญญาจำนอง ใบแต่งทนาย และคำให้การ เมื่อเป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับประเด็นโดยตรง ศาลมีอำนาจอาศัยลายมือชื่อดังกล่าวตรวจเปรียบเทียบ เพื่อชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานว่า เพียงพอให้เชื่อฟังได้หรือไม่
มูลหนี้คดีนี้เป็นหนี้กู้ยืมเงิน 1,000,000 บาท มิได้ทำสัญญากู้กันไว้ แต่มีการจดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงิน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1สั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นเงิน 1,000,000 บาท มอบให้โจทก์อีกโดยตกลงว่าเพื่อเป็นประกัน เช็คพิพาทจึงออกเพื่อประกันการกู้ยืมเงินด้วย โจทก์มีสิทธิฟ้องได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน
การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งจ่ายระบุชื่อ โจทก์ขีดฆ่าคำว่าหรือผู้ถือออก และมุม ซ้ายบนของด้านหน้ามีข้อความว่าเข้าบัญชีผู้รับเงินเท่านั้นห้ามเปลี่ยนมือ และในเช็คไม่ปรากฏว่ามีถ้อยคำสำนวนว่าใช้ได้เป็นอาวัล หรือสำนวนอื่นใดทำนองเดียวกัน จำเลยที่ 2 จึงมิใช่ผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับอาวัลแต่การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คที่จำเลยที่ 1เป็นผู้สั่งจ่ายโดยระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินและจำเลยทั้งสองนำเช็คไปมอบให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คด้วยความสมัครใจที่จะผูกพันต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ในอันที่จะรับผิดตามข้อความในเช็คอย่างเดียวกับจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายด้วยการลงลายมือชื่อของตนในเช็คตามมาตรา 900 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ย
คำขอให้โจทก์ทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ เห็นได้ว่าเป็นการพิมพ์ผิดเพราะโจทก์มีเพียงคนเดียวจะขอให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ย่อมไม่ได้ ทั้งในที่อื่นตามฟ้องทั้งหมดได้ขอให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ย จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ขอให้ชำระดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จนถึงวันที่ชำระเสร็จตามคำพิพากษาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4872/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คเพื่อผูกพันตนตามกฎหมาย และการรับผิดในฐานะผู้สั่งจ่าย
จำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทไม่ใช่ของจำเลยที่ 2 โจทก์นำสืบพยานบุคคลว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาท และในสำนวนมีลายมือชื่อแท้จริงของจำเลยที่ 2ในสัญญาจำนอง ใบแต่งทนายและคำให้การซึ่งเป็นลายมือชื่อที่ปรากฏอยู่ชัดแจ้ง เมื่อเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับประเด็นโดยตรงย่อมเป็นอำนาจของศาลที่จะอาศัยลายมือชื่อตรวจเปรียบเทียบเพื่อชั่ง น้ำหนักของพยานหลักฐานว่าเป็นอันเพียงพอให้เชื่อ ฟังได้หรือไม่เพียงใดไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ศาลเปรียบเทียบลายมือชื่อและรับฟังตามที่ได้ตรวจพิเคราะห์แล้ว เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้เพื่อเป็นประกันการกู้ยืมเงินจึงเป็นการออกเช็คโดยมีมูลหนี้มาจากการกู้ยืมเงินและมีเจตนาที่จะผูกพันบังคับชำระหนี้กันได้ตามกฎหมาย โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีบังคับตามเช็คได้ จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทแล้วร่วมกับจำเลยที่ 1 นำเช็คไปมอบให้โจทก์ ถือว่าจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คด้วยความสมัครใจที่จะผูกพันต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงในอันที่จะรับผิดตามข้อความในเช็คอย่างเดียวกับจำเลยที่ 1ผู้สั่งจ่ายด้วยการลงลายมือชื่อของตนในเช็คตาม ป.พ.พ. มาตรา 900.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4872/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงลายมือชื่อหลังเช็คเพื่อผูกพันตนเองตามกฎหมาย และการบังคับชำระหนี้ตามเช็ค
จำเลยที่ 2 ปฏิเสธว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาทมิใช่ของตนโจทก์นำสืบพยานบุคคลว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาท และในสำนวนมีลายมือชื่อแท้จริงของจำเลยที่ 2 ในสัญญาจำนอง ใบแต่งทนาย และคำให้การ เมื่อเป็นพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับประเด็นโดยตรง ศาลมีอำนาจอาศัยลายมือชื่อดังกล่าวตรวจเปรียบเทียบ เพื่อชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานว่า เพียงพอให้เชื่อฟังได้หรือไม่ มูลหนี้คดีนี้เป็นหนี้กู้ยืมเงิน 1,000,000 บาท มิได้ทำสัญญากู้กันไว้ แต่มีการจดทะเบียนจำนองที่ดินเป็นประกันและให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานในการกู้ยืมเงิน หลังจากนั้นจำเลยที่ 1สั่งจ่ายเช็คพิพาทเป็นเงิน 1,000,000 บาท มอบให้โจทก์อีกโดยตกลงว่าเพื่อเป็นประกัน เช็คพิพาทจึงออกเพื่อประกันการกู้ยืมเงินด้วย โจทก์มีสิทธิฟ้องได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวบังคับจำนองก่อน การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อไว้ด้านหลังเช็คที่สั่งจ่ายระบุชื่อ โจทก์ขีดฆ่าคำว่าหรือผู้ถือออก และมุม ซ้ายบนของด้านหน้ามีข้อความว่าเข้าบัญชีผู้รับเงินเท่านั้นห้ามเปลี่ยนมือ และในเช็คไม่ปรากฏว่ามีถ้อยคำสำนวนว่าใช้ได้เป็นอาวัล หรือสำนวนอื่นใดทำนองเดียวกัน จำเลยที่ 2 จึงมิใช่ผู้ลงลายมือชื่อเป็นผู้รับอาวัลแต่การที่จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คที่จำเลยที่ 1เป็นผู้สั่งจ่ายโดยระบุชื่อโจทก์เป็นผู้รับเงินและจำเลยทั้งสองนำเช็คไปมอบให้โจทก์ถือได้ว่าจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อด้านหลังเช็คด้วยความสมัครใจที่จะผูกพันต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ในอันที่จะรับผิดตามข้อความในเช็คอย่างเดียวกับจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายด้วยการลงลายมือชื่อของตนในเช็คตามมาตรา 900 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ชำระเงินตามเช็คพิพาทพร้อมดอกเบี้ย คำขอให้โจทก์ทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์จนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ เห็นได้ว่าเป็นการพิมพ์ผิดเพราะโจทก์มีเพียงคนเดียวจะขอให้โจทก์ชำระดอกเบี้ยให้โจทก์ย่อมไม่ได้ ทั้งในที่อื่นตามฟ้องทั้งหมดได้ขอให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ย จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์ เมื่อโจทก์ขอให้ชำระดอกเบี้ยถึงวันฟ้อง ศาลมีอำนาจพิพากษาให้จนถึงวันที่ชำระเสร็จตามคำพิพากษาได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4709/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทจากการเล่นแชร์: ผู้รับโอนมีสิทธิเรียกร้องได้แม้มีข้อตกลงจำกัดการเรียกเก็บ
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายเพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ค่าแชร์ที่จำเลยประมูลได้ แต่จำเลยก็มีภาระต้องชำระหนี้ค่าแชร์ตามจำนวนที่ได้รับมา จึงเป็นเช็คที่มีมูลหนี้จากการเล่นแชร์ ข้อต่อสู้ว่าจำเลยได้ชำระเงินให้แก่ผู้ทรงคนก่อนไปแล้วบางส่วนโจทก์และผู้ทรงคนก่อนรู้ดีอยู่ว่าเช็คพิพาทเป็นเช็คที่มีเงื่อนไขในการค้ำประกันการชำระหนี้ค่าแชร์ และผู้ทรงคนก่อนจะไม่นำไปเรียกเก็บเงิน เป็นข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนหาใช่เป็นการโอนด้วยคบคิดกันฉ้อฉลไม่ เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ทรงคนก่อนโจทก์จึงเป็นผู้ทรงโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 900,904,914 ประกอบมาตรา 989.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3915/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทหลังคืนรถเช่าซื้อ: มูลหนี้ยังอยู่ แม้เช็คไม่ผ่าน โจทก์ฟ้องได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 321
เช็คพิพาททั้งสองฉบับจำเลยชำระให้แก่โจทก์ก่อนเลิกสัญญากันถือได้ว่าเป็นค่าเช่าซื้อที่โจทก์ได้รับชำระไว้แล้วด้วยเช็คแทนเงินหาใช่ค่าเช่าซื้อที่โจทก์ยังไม่ได้รับชำระและค้างชำระแม้เช็คดังกล่าวจะรับเงินไม่ได้ มูลหนี้ตามเช็คยังคงมีอยู่ไม่ระงับไปจนกว่าจะได้ใช้เงินตามเช็คนั้นแล้ว ดังนี้ โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 321

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3814/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาท: การออกเช็คเพื่อยืนยันความรักและเจตนาสมรส ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม ผู้รับมีอำนาจฟ้อง
จำเลยออกเช็คพิพาทมอบให้แก่โจทก์เพื่อยืนยันว่า จำเลยรักใคร่โจทก์ จำเลยจะสมรสกับโจทก์เป็นการให้เงินตามเช็คแก่โจทก์โดยมีมูลหนี้บังคับกันได้ การออกเช็คพิพาทของจำเลยในลักษณะเช่นนี้ไม่เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทจึงเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องจำเลยในความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3796/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อบ้านพิพาท: โจทก์ต้องจัดการขออนุญาตก่อสร้างให้ถูกต้องก่อนเรียกเก็บเงิน
จำเลยเช่าซื้อบ้านพิพาทพร้อมที่ดินจากโจทก์ หลังจากชำระค่าเช่าซื้อให้โจทก์แล้วบางส่วน จำเลยจึงทราบว่าโจทก์สร้างบ้านพิพาทโดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตจากทางราชการ ดังนี้คำรับรองของโจทก์ที่ให้ไว้แก่จำเลยว่าจะจัดการขอให้ทางราชการออกใบอนุญาตปลูกสร้างบ้านพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมาย จึงมีความสำคัญสำหรับจำเลยอย่างยิ่งและเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องปฏิบัติตามคำรับรองนั้นการที่จำเลยรับโอนที่ดินที่บ้านพิพาทปลูกอยู่เป็นกรรมสิทธิ์ทั้งที่รู้ว่าบ้านพิพาทยังไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกสร้างก็ดี และจำเลยนำที่ดินและบ้านพิพาทไปจำนองธนาคารก็ดี โจทก์จะถือเอามาเป็นเหตุบอกเลิกหน้าที่ตามคำรับรองหาได้ไม่ แม้จำเลยได้ต่อเติมบ้านพิพาทขัดต่อข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานครแต่ก็ได้ความว่าแม้จำเลยจะมิได้ต่อเติมบ้านพิพาท ทางราชการก็คงไม่ออกใบอนุญาตให้ การที่ทางราชการไม่ออกใบอนุญาตให้จึงมิได้เกิดจากการกระทำของจำเลยเมื่อโจทก์ยังไม่ได้จัดการให้ทางราชการออกใบอนุญาตปลูกสร้างบ้านพิพาทให้ถูกต้องตามกฎหมายตามคำรับรองที่ให้ไว้แก่จำเลย โจทก์จึงยังไม่มีสิทธิจะได้รับชำระเงินตามเช็คที่จำเลยสั่งจ่ายให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2432/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีมูลหนี้จากการหลอกลวงร่วมกันและถือเช็คโดยไม่สุจริต
จำเลยออกเช็คพิพาทเพื่อให้โจทก์นำไปเปลี่ยนเช็คเดิมจากเจ้าหนีด้วยเจตนาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ตามคำลวงของโจทก์ ทั้ง ๆ ที่ได้มีการชำระเงินตามเช็คเดิมแล้ว เช็คพิพาทจึงไม่มีมูลหนี้ โจทก์เป็นผู้ถือเช็คพิพาทไว้โดยไม่สุจริต จะถือว่าโจทก์ซึ่งใช้อุบายให้จำเลยออกเช็คพิพาทเป็นผู้ทรงโดยชอบหรือเป็นผู้รับโอนเช็คพิพาทมาจากเจ้าหนี้หาได้ไม่ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดตามเช็คพิพาทต่อโจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2428/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับผิดชอบตามเช็คของผู้สั่งจ่าย แม้มีการแลกเงินสด และประเด็นดอกเบี้ยเกินอัตรา
จำเลยที่ 1 เป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทมอบให้จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 3 นำมาแลกเงินสดจากโจทก์ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเนื้อความในเช็คตาม ป.พ.พ. มาตรา 900,914,989ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 3 นำเช็คพิพาทและเงินสดจากโจทก์ไปโดยโจทก์หักเป็นค่าดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ก็ตามก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 3 จำเลยที่ 1 จะอ้างมาเพื่อไม่ต้องรับผิดหาได้ไม่ ดังนี้ เมื่อโจทก์ผู้ทรงเรียกเก็บเงินตามเช็คพิพาทไม่ได้ จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้โจทก์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1121/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับเงินฝากโดยไม่ได้รับอนุญาตและการรับผิดในสัญญา แม้ไม่มีข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร
โจทก์นำเงินไปฝาก ณ ที่ทำการของบริษัทเงินทุนจำเลยพนักงานของจำเลยรับฝากเงินจากโจทก์และดำเนินการให้กรรมการผู้มีอำนาจออกเช็คสั่งจ่ายเงินตามจำนวนเงินที่รับจากโจทก์ และกำหนดวันสั่งจ่ายคืนตามเช็คเป็นเวลา 1 ปีแล้วนำเช็คบรรจุในซองพลาสติกมีตราของบริษัทจำเลยแล้วใส่ในซองจดหมายซึ่งมีชื่อบริษัทจำเลยนำมามอบให้แก่โจทก์ มีลักษณะเพื่อเป็นการใช้เงินคืนซึ่งจำเลยเคยปฏิบัติต่อโจทก์เช่นเดียวกันนี้มาก่อน อันเป็นการฝ่าฝืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง การกำหนดให้บริษัทเงินทุนปฏิบัติในการกู้ยืมเงินหรือรับเงินจากประชาชนฯ การที่โจทก์นำเงินไปมอบให้แก่จำเลยก็เพื่อประสงค์จะได้ดอกเบี้ยตามข้อตกลงที่จำเลยให้สัญญา แต่โจทก์มิได้ตกลงกับจำเลยโดยเฉพาะว่าการใช้เงินคืนจำเลยจะต้องทำการออกตั๋วสัญญาใช้เงินหรือออกเช็คให้แก่โจทก์หรือต้องทำในรูปสัญญากู้ยืมหรือประการอื่นใด เมื่อกรรมการผู้มีอำนาจออกเช็คสั่งจ่ายเงินตามจำนวนที่รับมอบจากโจทก์ จึงเป็นกรณีที่ตัวแทนจำเลยปฏิบัติต่อโจทก์ฝ่ายเดียว โจทก์มิได้ตกลงหรือรู้เห็นด้วยว่าเป็นการฝ่าฝืนประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย จึงมิใช่นิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์ขัดต่อกฎหมายพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยเป็นคู่สัญญากับโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินคืนแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย.
of 36