คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 900

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 357 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แคชเชียร์เช็ค: ผู้สั่งจ่ายต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็ค แม้มีการแจ้งหาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991(3) ซึ่งบัญญัติว่าธนาคารจำต้องใช้เงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้ากับธนาคารได้ออกเบิกเงินแก่ตนเว้นแต่ในกรณีที่ได้มีคำบอกกล่าวว่าเช็คหายนั้น เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจธนาคารไม่จำต้องจ่ายเงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้าสั่งจ่ายมาเบิกเงินแก่ตน จึงเป็นคนละกรณีกับการที่ธนาคารซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คผู้ที่นำเช็คมาเรียกเก็บเงินจากธนาคารเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า เช็คพิพาทเป็นแคชเชียร์เช็คซึ่งธนาคารจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบธนาคารจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องผูกพันตนเป็นลูกหนี้ชั้นต้นที่จะต้องจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้แก่ผู้ทรงธนาคารจำเลยที่ 1 จะอ้างมาตรา 991(3) มายกเว้นความรับผิดต่อผู้ทรงหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ แคชเชียร์เช็ค: ผู้สั่งจ่ายมีหน้าที่จ่ายเงินให้ผู้ทรงเช็คโดยชอบ แม้มีการแจ้งหาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 (3) ซึ่งบัญญัติว่าธนาคารจำต้องใช้เงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้ากับธนาคารได้ออกเบิกเงินแก่ตน เว้นแต่ในกรณีที่ได้มีคำบอกกล่าวว่าเช็คหายนั้น เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจธนาคารไม่จำต้องจ่ายเงินตามเช็คซึ่งผู้เคยค้าสั่งจ่ายมาเบิกเงินแก่ตน จึงเป็นคนละกรณีกับการที่ธนาคารซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คจะต้องรับผิดต่อผู้ทรงเช็คผู้ที่นำเช็คมาเรียกเก็บเงินจากธนาคาร เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า เช็คพิพาทเป็นแคชเชียร์เช็คซึ่งธนาคารจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งจ่าย และโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบธนาคารจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องผูกพันตนเป็นลูกหนี้ชั้นต้นที่จะต้องจ่ายเงินตามเช็คดังกล่าวให้แก่ผู้ทรง ธนาคารจำเลยที่ 1 จะอ้างมาตรา 991(3) มายกเว้นความรับผิดต่อผู้ทรงหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีผลผูกพันหากบัญชีปิดก่อนเรียกเก็บเงิน ผู้ทรงเช็คฟ้องได้ แม้มีข้อโต้แย้งมูลหนี้
ในกรณีฟ้องเรียกเงินตามเช็ค แม้ธนาคารจะได้เรียกเก็บเงินตามเช็คก่อนวันที่ลงในเช็ค หากบัญชีของผู้สั่งจ่ายได้ปิดไปก่อนที่ธนาคารเรียกเก็บเงินแล้ว ก็เป็นอันว่าเช็คนั้นไม่มีผลเป็นการชำระหนี้ได้ไม่จำต้องนำเช็คไปยื่นเพื่อให้ธนาคารเรียกเก็บเงินซ้ำอีกในกรณีเช่นนี้ผู้ทรงเช็คย่อมนำเช็คมาฟ้องร้องผู้สั่งจ่ายเช็คให้รับผิดในทางแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และ 989
จำเลยต่อสู้คดีว่าเช็คตามฟ้อง 400,000 บาท มีมูลหนี้จากการกู้เงินเพียง 100,000 บาท เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คระหว่างจำเลยซึ่งเป็นผู้ออกเช็คกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ชอบที่จะให้จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2589/2522)
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำนวนเงิน 400,000 บาท โดยมีมูลหนี้เพียง 100,000 บาท จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงจำนวนเงินตามมูลหนี้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คไม่มีผลเมื่อบัญชีผู้สั่งจ่ายปิดก่อนเรียกเก็บ แม้ฟ้องตามเช็คได้ ผู้สั่งจ่ายจำกัดความรับผิดตามมูลหนี้จริง
ในกรณีฟ้องเรียกเงินตามเช็ค แม้ธนาคารจะได้เรียกเก็บเงินตามเช็คก่อนวันที่ลงในเช็ค หากบัญชีของผู้สั่งจ่ายได้ปิดไปก่อนที่ธนาคารเรียกเก็บเงินแล้ว ก็เป็นอันว่าเช็คนั้นไม่มีผลเป็นการชำระหนี้ได้ ไม่จำต้องนำเช็คไปยื่นเพื่อให้ธนาคารเรียกเก็บเงินซ้ำอีกในกรณีเช่นนี้ผู้ทรงเช็คย่อมนำเช็คมาฟ้องร้องผู้สั่งจ่ายเช็คให้รับผิดในทางแพ่งได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 959 และ 989
จำเลยต่อสู้คดีว่าเช็คตามฟ้อง 400,000 บาท มีมูลหนี้จากการกู้เงินเพียง 100,000 บาท เป็นการโต้เถียงเกี่ยวกับมูลหนี้ตามเช็คระหว่างจำเลยซึ่งเป็นผู้ออกเช็คกับโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง ชอบที่จะให้จำเลยนำสืบตามข้อต่อสู้ได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2589/2522)
จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทจำนวนเงิน 400,000 บาท โดยมีมูลหนี้เพียง 100,000 บาท จำเลยย่อมต้องรับผิดต่อโจทก์เพียงจำนวนเงินตามมูลหนี้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีเช็คพิพาท: จำเลยต้องแสดงเหตุแห่งการต่อสู้ชัดเจนตามมาตรา 177 วรรคสอง เพื่อมีสิทธิสืบพยาน
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยให้การว่าจำเลยเพียงแต่ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทโดยไม่ได้กรอกข้อความแล้วมอบให้ อ.ไปชำระหนี้แทนมารดาสามีจำเลยปรากฏว่ามีผู้ไปชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงขอเช็คพิพาทคืนจาก อ.แต่ อ.แจ้งว่าเช็คพิพาทหายไป ตามคำให้การของจำเลยไม่ได้ระบุว่ามอบเช็คพิพาทให้ อ.ไปชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งเป็นสารสำคัญเพราะถ้า อ.หรือผู้ใดก็ตามกรอกจำนวนเงินลงในเช็คพิพาทเท่ากับจำนวนเงินที่เป็นหนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการปลอมเอกสารคำให้การของจำเลยในข้อนี้จึงไม่ชัดแจ้งและที่จำเลยให้การต่อไปว่าได้มีการกรอกข้อความในข้อสำคัญลงในเช็คพิพาทโดยปราศจากอำนาจโดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยจำเลยก็ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าจำเลยมีคำสั่งอย่างไร ไม่อาจทราบได้ว่าการกรอกข้อความในเช็คพิพาทนั้นฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยหรือไม่คำให้การของจำเลยจึงไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งเหตุแห่งการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานมาสืบตามที่ให้การต่อสู้ไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 534/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้คดีเช็คพิพาท จำเลยต้องแสดงเหตุแห่งการต่อสู้ชัดเจนตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
เช็คพิพาทเป็นเช็คที่ออกให้แก่ผู้ถือ จำเลยให้การว่าจำเลยเพียงแต่ลงลายมือชื่อในเช็คพิพาทโดยไม่ได้กรอกข้อความแล้วมอบให้ อ. ไปชำระหนี้แทนมารดาสามีจำเลย ปรากฏว่ามีผู้ไปชำระหนี้ดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงขอเช็คพิพาทคืนจาก อ. แต่ อ. แจ้งว่าเช็คพิพาทหายไป ตามคำให้การของจำเลยไม่ได้ระบุว่ามอบเช็คพิพาทให้ อ. ไปชำระหนี้เป็นจำนวนเงินเท่าใด ซึ่งเป็นสารสำคัญ เพราะถ้า อ.หรือผู้ใดก็ตามกรอกจำนวนเงินลงในเช็คพิพาทเท่ากับจำนวนเงินที่เป็นหนี้ ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการปลอมเอกสาร คำให้การของจำเลยในข้อนี้จึงไม่ชัดแจ้งและที่จำเลยให้การต่อไปว่าได้มีการกรอกข้อความในข้อสำคัญลงในเช็คพิพาทโดยปราศจากอำนาจ โดยจำเลยมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลย จำเลยก็ไม่ได้ระบุให้ชัดแจ้งว่าจำเลยมีคำสั่งอย่างไร ไม่อาจทราบได้ว่าการกรอกข้อความในเช็คพิพาทนั้นฝ่าฝืนคำสั่งของจำเลยหรือไม่ คำให้การของจำเลยจึงไม่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งเหตุแห่งการนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสองจำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานมาสืบตามที่ให้การต่อสู้ไว้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ การโอนเช็คและการต่อสู้สิทธิของผู้ทรง
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ซึ่งได้รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ทรงคนก่อนจึงมีฐานะเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย ในกรณีเช่นนี้จำเลยผู้ถูกฟ้องในมูลเช็คพิพาทหาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ไม่เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989
โจทก์ฟ้องให้จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทรับผิดชำระเงินตามเช็คซึ่งโจทก์ในฐานะเป็นผู้ทรงนำไปขึ้นเงินไม่ได้จำเลยให้การว่า จำเลยนำเช็คพิพาทไปเล่นการพนันไฮโลว์อันเป็นการพนันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้เสียเช็คพิพาทให้แก่ ต. ซึ่งเป็นเจ้ามือโดยมีข้อตกลงว่าจะไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงินแต่จะรอให้ผู้สั่งจ่ายนำเงินสดมาแลกเช็คคืนไป โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้คำให้การของจำเลยเพียงแต่กล่าวถึงความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับ ต.ผู้ทรงคนก่อนเท่านั้นหาได้กล่าวถึงว่าโจทก์กับต.ได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยไม่จำเลยย่อมไม่มีประเด็นสืบจำเลยซึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ศาลล่างทั้งสองให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 265/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนเช็คและสิทธิของผู้ทรง ผู้สั่งจ่ายไม่สามารถต่อสู้ได้หากไม่มีเจตนาฉ้อฉล
เช็คพิพาทเป็นเช็คสั่งจ่ายให้แก่ผู้ถือ โจทก์ซึ่งได้รับโอนเช็คพิพาทมาจากผู้ทรงคนก่อนจึงมีฐานะเป็นผู้ทรงตามกฎหมาย ในกรณีเช่นนี้จำเลยผู้ถูกฟ้องในมูลเช็คพิพาท หาอาจจะต่อสู้ผู้ทรงด้วยข้อต่อสู้อันอาศัยความเกี่ยวพันกันเฉพาะบุคคลระหว่างตนกับผู้ทรงคนก่อนนั้นได้ไม่เว้นแต่การโอนจะมีขึ้นด้วยคบคิดกันฉ้อฉล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916 ประกอบด้วยมาตรา 989
โจทก์ฟ้องให้จำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาทรับผิดชำระเงินตามเช็คซึ่งโจทก์ในฐานะเป็นผู้ทรงนำไปขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยให้การว่า จำเลยนำเช็คพิพาทไปเล่นการพนันไฮโลว์อันเป็นการพนันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้เสียเช็คพิพาทให้แก่ ต. ซึ่งเป็นเจ้ามือโดยมีข้อตกลงว่าจะไม่นำเช็คไปเรียกเก็บเงิน แต่จะรอให้ผู้สั่งจ่ายนำเงินสดมาแลกเช็คคืนไป โจทก์จึงมิได้เป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายดังนี้ คำให้การของจำเลยเพียงแต่กล่าวถึงความเกี่ยวพันระหว่างจำเลยกับ ต. ผู้ทรงคนก่อนเท่านั้น หาได้กล่าวถึงว่าโจทก์กับ ต. ได้คบคิดกันฉ้อฉลจำเลยไม่ จำเลยย่อมไม่มีประเด็นสืบ จำเลยซึ่งลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาทจึงต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็คนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 ศาลล่างทั้งสองให้งดสืบพยานโจทก์จำเลยและพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3934/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เช็คพิพาทหลังเลิกสัญญาเช่าซื้อ: ผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิเรียกร้องเงินจากผู้ทำเช็ค
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์แต่แล้วผิดสัญญา เจ้าของยึดรถคืนเมื่อจำเลยได้ออกเช็คพิพาทชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างก่อนเลิกสัญญาเช่าซื้อ และเจ้าของรถสลักหลังเช็คให้โจทก์ก่อนบอกเลิกสัญญา โจทก์ได้รับโอนเช็คมาเป็นการชำระหนี้จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3809/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระหนี้ค่าขายลดเช็คที่ไม่สมบูรณ์ และผลกระทบต่อสิทธิของผู้ทรงเช็ค
จำเลยที่ 1 สั่งจ่ายเช็คพิพาทชำระหนี้แก่จำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สลักหลังแล้วมอบให้ ช. พนักงานของจำเลยที่ 2 นำไปขายลดแก่โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ช. นำเช็คพิพาทไปเสนอต่อบริษัทโจทก์แล้วบอกแก่พนักงานของโจทก์ว่า จะออกไปข้างนอกสักครู่แล้วจะกลับมารับเงินค่าขายลดเช็ค ระหว่างนั้นมีผู้ปลอมตัวแต่งเครื่องแบบเป็นพนักงานของจำเลยที่ 2 นำดอกเบี้ยค่าขายลดเช็คมาชำระและขอรับเงินค่าขายลดเช็ค เมื่อ ช. กลับมาที่บริษัทโจทก์ปรากฏว่าโจทก์มอบเช็คค่าขายลดเช็คให้แก่บุคคลผู้นั้นไปและมีผู้นำเช็คนั้นไปขึ้นเงินไปแล้ว ดังนี้โจทก์ขาดความระมัดระวังเช่นบุคคลผู้ประกอบธุรกิจการเงินจะต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นผู้ผิดในการชำระหนี้ค่าขายลดเช็คพิพาทให้แก่ผู้ไม่มีอำนาจรับ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้จ่ายเงินค่าขายลดเช็คให้แก่จำเลยที่ 2 ไปแล้ว การขายลดเช็คพิพาทไม่สมบูรณ์โจทก์จึงไม่ใช่ผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทเพราะจำเลยที่ 1 แจ้งอายัดไว้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ใช้เงินตามเช็คนั้น
(ตามแนวคำพิพากษาฎีกาที่ 1024/2525)
of 36