พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1988/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยป้องกันตนเองจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธร้ายแรง โดยใช้ปืนยิงตอบโต้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ไม้ที่ผู้ตายจะใช้ตีจำเลยมีขนาดใหญ่และยาวพอสมควรที่จะใช้เป็นอาวุธตีจำเลยให้ถึงแก่ความตายได้ และขณะนั้นผู้ตายมีอาการมึนเมาสุราย่อมขาดความยับยั้ง จำเลยกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นยามป้องกันทรัพย์สินของโรงงาน และสัญชาตญาณป้องกันตนเองจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงไปทางผู้ตายโดยกะทันหันทันที แม้กระสุนจะถูกผู้ตายที่หน้าอกก็ยังไม่พอฟังว่าจำเลยเลือกยิงตรงหน้าอกเพราะเป็นเวลาฉุกละหุกไม่มีโอกาสที่จำเลยจะเลือกยิงส่วนใดของผู้ตายหรือยิงขู่ได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1152/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทะเลาะวิวาทและการใช้มีดทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ผู้กระทำไม่อาจอ้างป้องกันตัวได้
จำเลยกับผู้ตายทะเลาะและชกต่อยกัน เมื่อ ด. ห้ามจำเลยกับผู้ตายให้เลิกทะเลาะและชกต่อยกันแล้ว จำเลยออกไปเอามีดปลายแหลมที่บ้าน แล้วกลับไปร้องถามผู้ตายว่าทำไมทำกับจำเลยอย่างนี้อันเป็นการท้าทายผู้ตาย พฤติการณ์ของจำเลยเช่นนี้แสดงว่าจำเลยยังคงสมัครใจทะเลาะวิวาทกับผู้ตายอีก จำเลยย่อมไม่อาจยกเอาการป้องกันตัวขึ้นอ้างได้ อาวุธมีดปลายแหลมที่จำเลยใช้แทงผู้ตายมีตัวมีดยาวถึง 7นิ้วฟุต ใบมีดกว้าง 1 นิ้วฟุต และแทงถูกบริเวณเหนือไหปลาร้าด้านซ้ายอันเป็นอวัยวะส่วนสำคัญผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะเสียเลือดมากแม้จำเลยจะแทงผู้ตายเพียงครั้งเดียว จำเลยก็ย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าอาจทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1035/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจับกุมในที่รโหฐานต้องมีหมายค้น เว้นแต่เจ้าบ้านมีหมายจับ หรือจับตามอำนาจกฎหมาย การต่อสู้เพื่อป้องกันสิทธิเป็นเหตุสมควร
คำว่า "เจ้าบ้าน" ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 92(5) หมายความถึงผู้เป็นหัวหน้าของบุคคลที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นและรวมตลอดถึงคู่สมรสของผู้เป็นหัวหน้าเท่านั้นเพราะบุคคลดังกล่าวเป็นผู้รับผิดชอบในการครอบครองบ้านและปกครองผู้อยู่อาศัยในบ้านหลังนั้น หาได้รวมถึงผู้อยู่ในบ้านทุกคนไม่ ตามทะเบียนบ้านหลังเกิดเหตุมี บ. บิดาจำเลยเป็นหัวหน้ามีชื่อจำเลยอยู่ในฐานะเป็นบุตร จำเลยจึงมิได้อยู่ในฐานะเป็นเจ้าบ้านตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 92(5) การที่ผู้เสียหายกับพวกเข้าไปจับกุมจำเลยในบ้านดังกล่าวตามหมายจับแต่ไม่มีหมายค้น ทั้งผู้เสียหายกับพวกมิใช่เจ้าพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่จะทำการค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น จึงเป็นการจับกุมโดยไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 81 และเป็นการจับกุมโดยไม่มีอำนาจ จำเลยจึงชอบที่จะป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการจับกุมโดยไม่ชอบเช่นนั้นได้หากจำเลยจะชกต่อยผู้เสียหายจริงก็เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ และไม่มีความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่และทำร้ายร่างกาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายโดยมีเหตุป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การช่วยเหลือภริยาจากการถูกโจทก์กอดปล้ำ
โจทก์กอดปล้ำภริยาจำเลย จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์ 1 ครั้งเพื่อช่วยภริยาจำเลยมิให้โจทก์ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำภริยาจำเลยต่อไป เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 752/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้ความรุนแรงเพื่อช่วยเหลือภริยาจากการถูกทำร้าย
โจทก์กอดปล้ำภริยาจำเลย จำเลยใช้ไม้ตีโจทก์เพื่อช่วยภริยาจำเลยมิให้โจทก์ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำภริยาจำเลยต่อไปเพียง1 ครั้ง เป็นการกระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4185/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในสถานการณ์คับขัน: การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายจากการเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้าย
เหตุเกิดเวลากลางคืน บริเวณที่เกิดเหตุมีต้นไม้ขึ้นอยู่ข้างทางมืดครึ้ม บ้านจำเลยเคยถูกคนร้ายปล้นทรัพย์และลักทรัพย์หลายครั้งการที่ผู้เสียหายมาเดินอยู่ข้างบ้านจำเลยในยามวิกาลเวลาเกือบเที่ยงคืนโดยปราศจากผู้คนสัญจรไปมา เมื่อจำเลยร้องถามว่าใครก็ไม่ตอบย่อมทำให้จำเลยสำคัญผิดว่าเป็นคนร้าย ครั้นจำเลยวิ่งออกมาจากบ้านเห็นเพียงตัวคนดำ ๆ เคลื่อนไหวไปมา ไม่อาจรู้ได้ว่าจะมีอาวุธหรือไม่ จึงยิงผู้เสียหายไปเพียง 1 นัด แต่เมื่อผู้เสียหายลุกขึ้นวิ่งหนีก็มิได้ยิงซ้ำนั้น เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายจึงใช้ปืนยิง จึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ประกอบด้วยมาตรา 62 วรรคแรก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1697/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนทางอาญา: การประเมินภยันตรายและความเหมาะสมของการป้องกัน
แม้ลักษณะบาดแผลตามคำเบิกความของจำเลยในชั้นพิจารณาจะต่างกับรายงานผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ แต่ได้ความว่าผู้เสียหายและ ข. ได้บุกรุกขึ้นมาบนบ้านจำเลย ผู้เสียหายได้กระทำอนาจาร ส.ส. ร้องให้จำเลยช่วยเหลือพอจำเลยลุกขึ้นจากที่นอนก็ถูก ข.ใช้ขวดสุราตีจนจำเลยล้มลงไปอีก จำเลยจึงใช้ขวานฟันไปทันที 1 ครั้ง ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันตนและบุตรสาวของตนให้พ้นจากภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายพอสมควรแก่เหตุ ทั้งมิใช่เป็นเรื่องบันดาลโทสะ เพราะขณะที่จำเลยได้กระทำลงไปนั้นจำเลยก็ดีบุตรสาวของจำเลยก็ดี ยังไม่พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการกระทำของผู้เสียหายและ ข..
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัว: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภัยอันตรายจากอาวุธปืน ย่อมเป็นเหตุป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านของจำเลยซึ่งขณะนั้นจำเลยกับนางพ.ภริยากำลังนั่งรับประทานอาหาร กระสุนปืนถูกนาง พ. ล้มฟุบลงจำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายยิงปืนอีก 1 นัด แต่ไม่ถูกจำเลย จำเลยจึงใช้มีดฟันไป และผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็ได้หันหลังจะขึ้นบันไดบ้านซึ่งจำเลยเข้าใจว่า ผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก ดังนั้นจำเลยจึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอ ผู้ตายเซมาทางด้านหลัง จำเลยจึงฟันซ้ำอีก 1 ที ถูกบริเวณใบหน้าแสดงว่าขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้น ผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลา และสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายไปจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตาย ย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใดภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น และเป็นเรื่องที่ผู้ตายตั้งใจมาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตัวได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กำลังเพื่อป้องกันภยันตรายจากอาวุธปืนของผู้ถูกทำร้าย
ผู้ตายเดินไปที่ข้างรั้วบ้านจำเลย แล้วใช้ปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านจำเลย ซึ่งขณะนั้นจำเลยกับภริยากำลังนั่งกินอาหารกระสุนปืนถูกภริยาจำเลยล้มฟุบลงไป จำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายวิ่งหนีเข้าไปในบ้านผู้ตาย จำเลยวิ่งไล่ตามแล้วผู้ตายหันหน้ามาทางจำเลย พร้อมกับใช้ปืนยิงสวนมาทันที 1 นัดไม่ถูกจำเลย จำเลยใช้มีดฟันไป ผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็หันหลังจะขึ้นบันไดบ้าน จำเลยเข้าใจว่าผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก จึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอและฟันซ้ำถูกบริเวณใบหน้า ผู้ตายล้มลง แสดงว่าขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้น ผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลาและสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตาย ย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใด ภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1648/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวและการใช้กำลังพอสมควรแก่เหตุ เมื่อถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืน
ผู้ตายเดินไปที่ข้างรั้วบ้านจำเลย แล้วใช้ปืนลูกซองสั้นยิงไปบริเวณชานบ้านของจำเลย ซึ่งขณะนั้นจำเลยกับภริยากำลังนั่งกินอาหาร กระสุนปืนถูกภริยาจำเลยล้มฟุบลงไป จำเลยคว้ามีดโต้กระโดดจากบ้านลงไปเพื่อฟันผู้ตาย ผู้ตายวิ่งหนีเข้าไปในบ้านผู้ตายจำเลยวิ่งไล่ตาม แล้วผู้ตายหันหน้ามาทางจำเลย พร้อมกับใช้ปืนยิงสวนมาทันที 1 นัด ไม่ถูกจำเลย จำเลยใช้มีดฟันไป ผู้ตายยกแขนทั้งสองข้างขึ้นรับ แล้วผู้ตายก็ได้หันหลังจะขึ้นบันไดบ้านจำเลยเข้าใจว่าผู้ตายจะขึ้นไปเอากระสุนปืนมายิงจำเลยอีก จึงใช้มีดฟันทางด้านหลังถูกที่ต้นคอและฟันซ้ำถูกบริเวณใบหน้า ผู้ตายจึงล้มลง ข้อเท็จจริงดังกล่าวแสดงว่า ขณะที่จำเลยไล่ฟันผู้ตายนั้นผู้ตายยังถือปืนอยู่ตลอดเวลาและสามารถยิงมายังจำเลยได้ การที่จำเลยใช้มีดฟันผู้ตายไปจนอาวุธปืนจะหลุดไปจากมือของผู้ตายย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เพราะหากปืนยังอยู่ในมือผู้ตายตราบใด ภยันตรายก็จะมีแก่จำเลยอยู่จนตราบนั้น และเป็นเรื่องที่ผู้ตายตั้งใจมาทำร้ายจำเลย จำเลยมีสิทธิป้องกันตัวได้