พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 578/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: จำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันภัยจากการถูกทำร้ายจากทั้งผู้ตายและบิดา
โจทก์และโจทก์ร่วมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าโจทก์ร่วมและฆ่าเด็กชายป.โดยเจตนา ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ จำคุก 2 ปีริบของกลางคำขอนอกจากนี้ให้ยก ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องคืนของกลางแก่เจ้าของ ดังนี้ ความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์ จึงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ในส่วนที่เด็กชาย ป. ถูกฆ่า โจทก์ร่วมซึ่งเป็นบิดาเด็กชายป. เข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในฐานะผู้เข้าจัดการแทนเด็กชายป. ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 5(2)ต่อมาโจทก์ร่วมตายลง ว.พี่ชายเด็กชายป.ซึ่งเป็นบุตรของโจทก์ร่วมหามีสิทธิเข้าดำเนินคดีต่างผู้ตายตามมาตรา 29 ไม่เพราะโจทก์ร่วมเป็นเพียงผู้จัดการแทนเด็กชายป.ซึ่งเป็นผู้เสียหายเท่านั้น ไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานฆ่าเด็กชายป. โจทก์ร่วมมีอาวุธเหล็กแหลมเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยเดินถอยหลังเมื่อโจทก์ร่วมเข้าไปหาห่างประมาณ 5-6 เมตร จำเลยยิงปืนขึ้นฟ้า1 นัด และยิงลงที่พื้นอีก 1 นัด เด็กชายป. ผู้ตายถือไม้ขนาดเท่าแขนวิ่งเข้าไปจะตีจำเลย เหตุเกิดในเวลากลางคืน ภยันตรายที่ละเมิดต่อกฎหมายใกล้จะเกิดกับจำเลยทั้งสองด้าน ในขณะนั้นจำเลยตัวคนเดียวในเวลาที่คับขันไม่อาจคาดหมายได้ว่าภยันตรายจะเกิดขึ้นกับตนนั้นมีมากน้อยเพียงใด จำเลยใช้อาวุธปืนที่อยู่ในมือยิงไปทางเด็กชาย ป. ซึ่งเป็นผู้ที่จะทำให้เกิดภยันตรายต่อจำเลยที่ใกล้ชิดที่สุดก่อนเพื่อป้องกันภยันตรายที่จะเกิดขึ้นโดยไม่มีโอกาสเลือกที่จะป้องกันโดยวิธีอื่นได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 510/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน การป้องกันสิทธิ และเหตุแห่งการกระทำผิด
จำเลยและ อ. โต้เถียงกันก่อนแล้วใช้อาวุธทำร้ายกัน จำเลยชกต่อยแล้วใช้มีดฟันและแทง อ.จนได้รับบาดเจ็บจึงถูกอ. ตีจนได้รับบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยมิใช่เกิดจากการที่จำเลย กระทำโดยป้องกันสิทธิของตน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 223/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามตามมาตรา 218: การโต้แย้งข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมาย ถือเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 72 ลงโทษจำคุก 5 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุก 3 ปี ตามบทกฎหมายที่ศาลชั้นต้นวางมา เช่นนี้ เป็นการแก้เฉพาะโทษที่ลงแก่จำเลยไม่ได้แก้บทมาตราด้วย จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อยและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแทงผู้เสียหายหลังจากจำเลยถูกผู้เสียหายยิงและใช้ปืนตีผ่านพ้นไปแล้วและขณะผู้เสียหายวิ่งหนีไป จึงไม่ใช่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงเพราะเป็นภยันตรายที่ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยฎีกาว่าจำเลยแทงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายตามเข้ามาตีจำเลยหลังจากยิงจำเลยแล้ว และเมื่อผู้เสียหายวิ่งหนีจำเลยวิ่งไล่ตามไปกอดปล้ำผู้เสียหายโดยจำเลยไม่ได้ถือมีดไล่ตามไปแทง การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนี้ ฎีกาของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยยกขึ้นอ้างจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามตาม บทกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3374/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยใช้อาวุธมีดทำร้ายผู้ตายที่อยู่ในอาการเมาและไม่มีอาวุธ
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับเพื่อคนหนึ่งได้พากันดื่มสุราจนเมาจากนั้นได้ไปเล่นไฮโลซึ่งจำเลยเป็นเจ้ามือ ผู้ตายยักเงินผู้อื่นจึงเกิดทะเลาะกับจำเลย ผู้ตายชกจำเลยก่อนหนึ่งถูกที่หัวไหล่เมื่อมีผู้เข้ารัดคอผู้ตายไว้จำเลยก็เดินหนีไป แต่พอผู้ตายดิ้นหลุดได้วิ่งเข้าไปหาจำเลยเพื่อจะทำร้าย จำเลยจึงใช้มีดซึ่งยาวทั้งตัวและด้ามประมาณ 1 ฟุต แทงผู้ตายหนึ่งทีแล้วหนีไป ผู้ตายถึงแก่ความตายการที่ผู้ตายอยู่ในลักษณะเมาสุรามากประกอบกับทั้งไม่มีอาวุธแทบจะช่วยตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว ตามไปทำร้ายจำเลยก็เพียงทำไปตามประสาคนเมา มิใช่ภัยร้ายแรงแต่อย่างใด เพียงจำเลยใช้เท้าเตะหรือใช้มือผลักผู้ตายก็สู้จำเลยไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการที่จำเลยใช้มีดยาว 1 ฟุต แทงอวัยวะที่สำคัญย่อมถือว่าเป็นการป้องกันสิทธิของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3353/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิป้องกันตัว: การกระทำเพื่อหยุดยั้งการทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย ถือเป็นการป้องกันตัวโดยชอบธรรม
ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นโดยใช้เหล็กแป๊ปขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว ยาวประมาณ 1 ฟุตครึ่งตีทำร้ายจำเลยก่อนและจะตีซ้ำอีก จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงไม่มีเหตุผลใดที่จำเลยจะต้องหลบหนีผู้ตาย การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไป 1 ทีเพื่อหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายและบังเอิญมีดไปถูกอวัยวะสำคัญทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ตายจะยังคงมีภยันตรายอยู่ การยิงหลายนัดหลังผู้ตายบาดเจ็บสาหัส ถือเกินกว่าเหตุ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจวิ่งไล่ตามผู้ตายซึ่งจำเลยสงสัยว่าเป็นคนร้าย ผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงมาทางจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะที่ผู้ตายหันหลังให้และกำลังวิ่งหนีจำเลย แต่ไม่แน่ว่าผู้ตายจะหันกลับมายิงจำเลยอีกหรือไม่ ภยันตรายที่จะเกิดจากผู้ตายจึงยังไม่หมดไป จำเลยมีอำนาจป้องกันได้ แต่ปรากฏว่ากระสุนปืนนัดแรกที่จำเลยยิงถูกผู้ตายบริเวณโคนขาซ้ายด้านหลังจนผู้ตายต้องวิ่งหนีในลักษณะขากะเผลกอยู่ แล้ว จึงไม่มีเหตุผลที่จำเลยจะต้องใช้อาวุธปืนไล่ยิงผู้ตายต่อไปอีกหลายนัดโดยเฉพาะก่อนที่จำเลยจะยิงผู้ตายนัดสุดท้าย ผู้ตายได้รับบาดเจ็บสาหัสเพราะถูกจำเลยยิงที่โคนขาซ้ายและที่ชายโครงซ้าย แม้จะได้ความว่าผู้ตายใช้อาวุธปืนยิงมาทางจำเลยอีกก็ตาม ผู้ตายก็ไม่อยู่ในสภาพที่จะใช้อาวุธปืนได้อย่างคนปกติ จำเลยมีโอกาสใช้ดุลพินิจได้ว่าในสภาพของผู้ตายขณะนั้นจำเลยควรเลือกยิงผู้ตายบริเวณอวัยวะที่ไม่สำคัญได้ การที่จำเลยยิงผู้ตายอีก 1 นัด ที่บริเวณด้านหลังศีรษะจนถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1016/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดฐานพยายามฆ่า หลังการทะเลาะวิวาท การกระทำเพื่อป้องกันต้องมีเหตุอันตรายใกล้จะถึง
หลังจากจำเลยกับผู้เสียหายเลิกทะเลาะและกอดปล้ำต่อสู้กันแล้ว มีผู้พาจำเลยไปส่งบ้าน ส่วนผู้เสียหายเข้าไปนั่งอยู่ในเต็นท์ จากนั้นประมาณ 10-30 นาที จำเลยกลับเข้ามาในเต็นท์โดยลอบเข้ามาทางด้านหลังผู้เสียหายและใช้มีดปลายแหลมแทงผู้เสียหายเช่นนี้มิใช่กระทำเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแต่อย่างใด ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 494/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองโดยชอบด้วยกฎหมาย: ผู้ถูกทำร้ายมีสิทธิป้องกันสิทธิของตนได้หากการกระทำเป็นไปเพื่อป้องกันภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้าย
ผู้เสียหายเมาสุราหาเรื่องเข้าชกจำเลยที่ 2 ก่อนจำเลยที่ 2 จึงชกสวนผู้เสียหายชกพลาดเนื่องจากเมาสุราจึงล้มคว่ำกับพื้นได้รับอันตรายแก่กาย การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นเพียงการกระทำเพื่อป้องกันมิให้ผู้เสียหายทำร้ายเท่านั้น ซึ่งจำเลยที่ 2 จำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากภยันตราย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และได้กระทำพอสมควรแก่เหตุจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2534
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: กรณีถูกรัดคอและถูกทำร้ายก่อน
พวกผู้เสียหายได้เข้ามาชกต่อยทำร้ายจำเลยที่ 2 ก่อน เมื่อจำเลยที่ 1 จะเข้าช่วยก็ถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 รัดคอและเอวไว้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกับฝ่ายผู้เสียหายสมัครใจวิวาททำร้ายซึ่งกันและกันจำเลยที่ 1 ถูกรัดคอและเอวจนหายใจไม่ออก จึงใช้มีดตัดหญ้าที่ติดตัวมากวัดแกว่งไปเพื่อให้ผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3ปล่อยตน โดยไม่มีโอกาสที่จะทำให้พ้นภยันตรายที่กำลังได้รับอยู่โดยวิธีอื่น แม้มีดจะแทงถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ใต้รักแร้ขวากับหน้าท้อง และถูกผู้เสียหายที่ 3 ที่หน้าท้องก็ตามแต่เมื่อจำเลยที่ 1ถูกปล่อยเป็นอิสระแล้วก็ไม่ได้ทำร้ายผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 เป็นการซ้ำเติมอีก การกระทำของจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าเป็นการป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายพอสมควรแก่เหตุตามพฤติการณ์ที่ประสบอยู่ จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 385/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนตามกฎหมายอาญา: การใช้มีดเพื่อป้องกันการถูกรัดคอและรัดเอวจนหายใจไม่ออก
พวกผู้เสียหายเข้าชกต่อยทำร้ายจำเลยที่ 2 ก่อน จำเลยที่ 1 จะเข้าช่วย จำเลยที่ 2 จึงถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 รัดคอและรัดเอวไว้จนหายใจไม่ออก จึงใช้มีดตัดหญ้าที่ติดตัวมากวัดแกว่ง ไปทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีดถูกผู้เสียหายที่ 2 ที่ 3 ล้มลง จำเลยที่ 1 กระทำดังกล่าวก็เพื่อให้คนที่รัดคอและรัดเอวปล่อย โดยไม่มีโอกาสที่จะทำให้พ้นภยันตรายโดยวิธีอื่น หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 คงยืนถือมีดอยู่เฉย ๆ ไม่ได้เข้าไปแทงซ้ำ การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1จึงถือได้ว่าเป็นการป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายพอสมควรแก่เหตุตามพฤติการณ์ที่ประสบอยู่ การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายไม่มีความผิด.