คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 68

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุและการห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69 ลงโทษจำคุก 4 เดือนดังนี้คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 1 ใช้แป๊บน้ำตีโจทก์ร่วมที่ 1 เพราะโจทก์ร่วมที่ 1 ก่อเหตุจะทำร้ายจำเลยที่ 1 ก่อนและจำเลยที่ 2เข้าช่วยเหลือจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการป้องกันตัวแต่เกินสมควรแก่เหตุการที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นการป้องกันตัวเพราะข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนโดยใช้แป๊บน้ำตีโจทก์ร่วมที่ 1 ขณะโจทก์ร่วมที่ 1 เข็นรถเข็นออกจากประตูร้านโดยมิได้รู้ตัว ขณะโจทก์ร่วมที่ 1 เข้ายื้อแย่งแป๊บน้ำจากจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ก็เข้ามาชกต่อยโจทก์ร่วมที่ 1 นั้นเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์รับฟังมา ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว
การที่จะเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68 นั้นต้องมีองค์ประกอบข้อสุดท้ายว่าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1828/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษ แต่คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 จำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 69 ลงโทษจำคุก 4 เดือน ดังนี้คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219
ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยที่ 1 ใช้แป๊บน้ำตีโจทก์ร่วมที่ 1 เพราะโจทก์ร่วมที่ 1 ก่อเหตุจะทำร้ายจำเลยที่ 1 ก่อนและจำเลยที่ 2 เข้าช่วยเหลือจำเลยที่ 1 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการป้องกันตัวแต่เกินสมควรแก่เหตุการที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นการป้องกันตัว เพราะข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนโดยใช้แป๊บน้ำตีโจทก์ร่วมที่ 1ขณะโจทก์ร่วมที่ 1 เข็นรถเข็นออกจากประตูร้านโดยมิได้รู้ตัว ขณะโจทก์ร่วมที่ 1 เข้ายื้อแย่งแป๊บน้ำจากจำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 ก็เข้ามาชกต่อยโจทก์ร่วมที่ 1 นั้นเป็นฎีกาโต้เถียงข้อเท็จจริงซึ่งศาลอุทธรณ์รับฟังมา ฎีกาของโจทก์จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติดังกล่าว
การที่จะเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา68 นั้นต้องมีองค์ประกอบข้อสุดท้ายว่าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1826/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวในคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย: ภยันตรายยังไม่หมดไป การใช้กำลังป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายลากจำเลยเข้าไปในป่าข้างทางเพื่อจะข่มขืนและขู่ว่าจะฆ่าจำเลยจึงใช้มีดแทงผู้ตายที 1 แล้วทั้งจำเลยและผู้ตายต่างวิ่งออกมาจากที่เกิดเหตุห่างประมาณ 100 เมตร แล้วจึงเกิดปลุกปล้ำกัน โดยผู้ตายพยายามแย่งมีดจากจำเลยเพื่อทำร้ายจำเลยจำเลยจึงแทงผู้ตายอีกหลายที เช่นนี้ถือว่าภยันตรายยังไม่หมดไปการที่จำเลยซึ่งเป็นหญิงและอยู่ในภาวะเช่นนั้นใช้มีดแทงผู้ตายจึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1816/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงกันโดยสมัครใจและการป้องกันตัว: ศาลพิจารณาเหตุแห่งการกระทำและลดโทษตามสมควร
น. เป็นพี่สาวของจำเลย ผู้ตายทะเลาะกับ น. จำเลยเข้าไปห้ามทำให้ผู้ตายไม่พอใจ แล้วผู้ตายกับจำเลยใช้อาวุธปืนยิงซึ่งกันและกันในทันทีทันใดนั้นหลายนัด แสดงว่าต่างสมัครใจทำร้ายซึ่งกันและกัน และขณะนั้นพี่น้องและหลานของจำเลยวิ่งออกจากร้านที่เกิดเหตุแล้ว จำเลยจะอ้างว่าผู้ตายยิงจำเลยก่อนจำเลยจึงยิงผู้ตายเพื่อป้องกันตัวจำเลย พี่น้องและหลานของจำเลยหาได้ไม่
พฤติการณ์ก่อนเกิดเหตุที่ผู้ตายถืออาวุธปืนข่มขู่ชวนวิวาทตลอดเวลานับว่าผู้ตายมีส่วนในการก่อเหตุคดีนี้ด้วย ประกอบกับจำเลยก็ให้การรับในชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริง อันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณานับเป็นเหตุบรรเทาโทษ สมควรวางโทษและลดโทษจำเลยให้เบาลงตามความเหมาะสมของพฤติการณ์แห่งคดี.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าจากการย้อนกลับมาพร้อมอาวุธ แม้มีเหตุโต้เถียงก่อนหน้า ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์สามล้อรับจ้าง บ.กับพวกจะว่าจ้างรถของจำเลยให้ไปส่ง แต่ได้เกิดโต้เถียงกับจำเลย บ.ได้ตบท้ายทอยจำเลยทำให้จำเลยโกรธ จำเลยขับรถยนต์สามล้อออกไปห่าง40 เมตรแล้ว แต่กลับไปหยุดรถแล้วลงจากรถเอาอาวุธปืนสั้นเดินเข้าไปหา บ.กับพวกแล้วยิงบ. 2 นัด จากนั้นจำเลยวิ่งหนีไปที่รถยนต์สามล้อของจำเลย ผู้ตายและบ.กับพวกวิ่งตามไปโดยไม่มีอาวุธ จำเลยยิงปืนมาอีก 2 นัด ถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายเช่นนี้เหตุที่จำเลยถูก บ.ตบท้ายทอยและการถกเถียงได้สิ้นสุดกันไปแล้ว จำเลยก็ได้ขับรถออกไปห่างไกลจนไม่มีภยันตรายแล้ว การที่จำเลยย้อนกลับมาโดยมีอาวุธปืนติดมือมาด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจมาทำร้าย บ.กับพวกเนื่องจากมีสาเหตุกันมาก่อน การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเองจะอ้างว่ากระทำไปโดยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1764/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฆ่าโดยเจตนา: การย้อนกลับมาก่อเหตุด้วยอาวุธปืนหลังการโต้เถียง ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยมีอาชีพขับรถยนต์สามล้อรับจ้าง บ. กับพวกจะว่าจ้างรถของจำเลยให้ไปส่ง แต่ได้เกิดโต้เถียง กับจำเลย บ. ได้ตบท้ายทอยจำเลยทำให้จำเลยโกรธ จำเลยขับรถยนต์สามล้อออกไปห่าง40 เมตรแล้ว แต่กลับไปหยุดรถแล้วลงจากรถเอาอาวุธปืนสั้นเดิน เข้าไปหา บ. กับพวกแล้วยิง บ. 2 นัด จากนั้นจำเลยวิ่งหนีไปที่รถยนต์สามล้อของจำเลยผู้ตายและ บ. กับพวกวิ่งตามไปโดยไม่มีอาวุธ จำเลยยิงปืนมาอีก 2 นัด ถูกผู้ตายล้มลงถึงแก่ความตายเช่นนี้เหตุที่จำเลยถูก บ. ตบ ท้ายทอยและการถกเถียง ได้สิ้นสุดกันไปแล้ว จำเลยก็ได้ขับรถออกไปห่างไกลจนไม่มีภยันตรายแล้ว การที่จำเลยย้อน กลับมาโดยมีอาวุธปืนติดมือมาด้วยแสดงให้เห็นว่าจำเลยตั้งใจมาทำร้าย บ. กับพวกเนื่องจากมีสาเหตุกันมาก่อน การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงเป็นการฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยเป็นผู้ก่อเหตุขึ้นเองจะอ้างว่ากระทำไปโดยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย: ศาลฎีกาตัดสินว่าการกระทำไม่ใช่การป้องกัน แต่เป็นการพยายามฆ่า
ผู้เสียหายและจำเลยทะเลาะกัน เมื่อผู้เสียหายกำลังจะลุกขึ้นกลับบ้าน จำเลยใช้ไม้ไผ่ที่ถือติดตัวมาตีที่บริเวณก้านคอผู้เสียหายขณะที่กำลังเผลอตัว จนล้มลงแล้วจำเลยได้ใช้ไม้ไผ่แทงที่บริเวณลำคออีก 1 ครั้งเป็นแผลลึกถึงกระดูกไขสันหลังส่วนหน้า ผ่านกล้ามเนื้อบริเวณคอและต่อมไทรอยด์ตัดเส้นประสาทขาด โดยที่ผู้เสียหายมิได้โต้ตอบเช่นนี้การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า แต่ไม่เป็นการป้องกัน.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1360/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผลและการพิจารณาพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์เหตุแห่งการกระทำ
ในฎีกาของจำเลยยอมรับเป็นปริยายว่า นาง ว.และนางร. อยู่ที่บ้านของ ท.โดยอ้างคำเบิกความของนางว.ในข้อที่ว่าถูกท.เอาปืนจี้ห้ามมิให้ขานรับคำร้องเรียกของ ส. ด้วยเกรงว่าหญิงทั้งสองจะเป็นหน้าม้าให้คนร้ายมาปล้นทรัพย์ อันเป็นการอ้างเอาคำเบิกความของนาง ว. เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายตนว่ามีความระแวงว่าจะมีคนร้ายมาปล้นแต่แรก ดังนี้คำเบิกความของนาง ว.และนางร. พยานโจทก์รับฟังได้
การที่ จ. ผู้ตายถูกกระสุนปืนที่ขมับขวาจนมันสมองไหล และ อ.ผู้ตายถูกกระสุนปืนกลางศีรษะกระสุนทะลุกระโหลกศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์มาก ผู้ตายทั้งสองน่าจะสิ้นสติฟุบอยู่กับที่คือในเรือตรงที่พบศพผู้ตาย ไม่มีเหตุผลให้เชื่อได้ว่าผู้ตายทั้งสองขึ้นมาบนฝั่ง เมื่อถูกยิงแล้วจึงกระโดดกลับลงไปในเรือ กรณีน่าจะเป็นว่าผู้ตายทั้งสองถูกยิงขณะเรือลอยลำอยู่ภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยซึ่งอยู่ที่บ้านบนฝั่งและเกรงว่าฝ่ายผู้ตายจะมาปล้นทรัพย์จึงหามีไม่ การยิงของจำเลยจึงไม่ใช่การป้องกันตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แม้ท้องที่ที่เกิดเหตุจะมีการปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์กันบ่อยก็ตามอย่างไรก็ดีพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวศาลย่อมลงโทษจำเลยขั้นต่ำสุดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้
เมื่อปรากฏว่าการกระทำของจำเลยไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 กรณีจึงไม่ต้องวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำไปด้วยความตื่นเต้น ตกใจหรือกลัวตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา69 หรือไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 859/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ: กรณีถูกรุมทำร้ายและยิงก่อน จำเลยมีสิทธิป้องกันตัวได้
บ. และ ถ. ผู้เสียหายเมาสุรารุมตีทำร้ายจำเลย และใช้อาวุธปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้อาวุธปืนที่ติดตัวมายิงไปหลายนัดถูกผู้เสียหายทั้งสองในขณะกอดปล้ำทำร้ายกัน การกระทำของจำเลย เป็นการกระทำให้พ้นจากภยันตรายร้ายแรงซึ่งใกล้จะถึง จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 740/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงต่อสู้และการป้องกันตัว: จำเลยประสงค์ร้ายยิงผู้ตาย แม้ผู้ตายยิงขึ้นฟ้าก่อน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องกับการยกฟ้อง
จำเลยกับผู้ตายขับรถยนต์มาประจัญหน้ากันและหลีกกันไม่พ้นเพราะซอยแคบ จำเลยกับผู้ตายเกิดโต้เถียงกัน เมื่อขับรถสวนพ้นกันไปแล้วจำเลยกับผู้ตายก็ยังโต้เถียงกันอีก ต่างคนต่างหยุดรถและลงมาจากรถ ผู้ตายถือปืนลงมาและยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการระบายอารมณ์โกรธที่โต้เถียงกับจำเลยโดยมิได้แสดงกิริยาอาการว่าจะใช้ปืนยิงจำเลยแต่อย่างใด การที่จำเลยหยิบปืนในรถออกมาแล้วยิงไปที่ผู้ตายในลักษณะประสงค์ร้ายต่อชีวิตในขณะนั้นเป็นเหตุให้เกิดการยิงกันจนผู้ตายถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงถึงแก่ความตายจึงเป็นเรื่องที่จำเลยและผู้ตายสมัครใจต่อสู้กัน จำเลยจะอ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหาได้ไม่.(ที่มา-เนติ)
of 80