คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 68

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: กรณีถูกกลุ่มผู้มีอาวุธเข้าทำร้าย
ขณะที่จำเลยกับเพื่อนคนหนึ่งกำลังยืนคุยกัน ถูก ต. กับพวก3 - 4 คนวิ่งเข้ามาทำร้ายแล้วพากันวิ่งหนีไป จำเลยถือปืนวิ่งไล่ตาม แต่เมื่อไล่ไม่ทัน จำเลยก็วิ่งกลับมาที่เดิม นำเพื่อนขึ้นไปนั่งบนรถยนต์สองแถวเพื่อจะกลับบ้าน แสดงว่าจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาทกับ ต. และพวกต่อไปแล้ว ต. กับพวกแจ้งให้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุทราบ ผู้เสียหายพร้อมด้วย ต. กับพวกรวม 7 - 8 คน มีมีดเป็นอาวุธพากันวิ่งไปหาจำเลยซึ่งยืนอยู่ท้ายรถยนต์สองแถว จำเลยร้องห้ามไม่ให้ผู้เสียหายกับพวกเข้ามาผู้เสียหายกับพวกไม่ฟังเสียง พวกผู้เสียหายกลับพูดว่าลุยเข้าไปเลยกระสุนปืนหมดแล้วจำเลยชักปืนออกมาถือจ้องไว้ ผู้เสียหายกับพวกก็ยังวิ่งเข้ามา จำเลยจึงยิงปืนออกไป 1 นัด ในขณะที่ผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลย 10 เมตร และ ต. อยู่ห่าง 5 เมตร ดังนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ปืนและมีดในสถานการณ์คับขัน
ขณะที่จำเลยกับเพื่อนคนหนึ่งกำลังยืนคุยกันถูกต.กับพวก3-4คนวิ่งเข้ามาทำร้ายแล้วพากันวิ่งหนีไปจำเลยถือปืนวิ่งไล่ตามแต่เมื่อไล่ไม่ทันจำเลยก็วิ่งกลับมาที่เดิมนำเพื่อนขึ้นไปนั่งบนรถยนต์สองแถวเพื่อจะกลับบ้านแสดงว่าจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาทกับต.และพวกต่อไปแล้วต.กับพวกแจ้งให้ผู้เสียหายซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุทราบผู้เสียหายพร้อมด้วยต.กับพวกรวม7-8คนมีมีดเป็นอาวุธพากันวิ่งไปหาจำเลยซึ่งยืนอยู่ท้ายรถยนต์สองแถวจำเลยร้องห้ามไม่ให้ผู้เสียหายกับพวกเข้ามาผู้เสียหายกับพวกไม่ฟังเสียงพวกผู้เสียหายกลับพูดว่าลุยเข้าไปเลยกระสุนปืนหมดแล้วจำเลยชักปืนออกมาถือจ้องไว้ผู้เสียหายกับพวกก็ยังวิ่งเข้ามาจำเลยจึงยิงปืนออกไป1นัดในขณะที่ผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลย10เมตรและต.อยู่ห่าง5เมตรดังนี้ถือได้ว่าเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2508/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันภัยอันตรายใกล้ถึงจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีด
ต. กับพวกเข้าชกต่อยทำร้ายจำเลยกับเพื่อนแล้ววิ่งหนีไปจำเลยกับเพื่อนวิ่งไล่ตามโดยจำเลยถือปืนไปด้วยแต่เมื่อไล่ไม่ทันจำเลยก็วิ่งกลับนำเพื่อนขึ้นนั่งบนรถยนต์สองแถวเพื่อจะกลับบ้านแสดงว่าจำเลยไม่สมัครใจที่จะวิวาททำร้ายกับต. และพวกต่อไปแล้วเมื่อต. ไปตามผู้เสียหายกับพวก7-8คนซึ่งมีมีดเป็นอาวุธติดตัวทุกคนวิ่งกรูกันกลับมายังจำเลยซึ่งกำลังอยู่บนรถสองแถวจำเลยพูดห้ามไม่ให้เข้ามาแต่ผู้เสียหายกับพวกไม่ฟังเสียงกลับถือมีดเข้ามาจะทำร้ายจำเลยจำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหายกับพวกในขณะที่จำเลยอยู่ห่างผู้เสียหายประมาณ10เมตรและอยู่ห่างต. ประมาณ5เมตรเท่านั้นหากผู้เสียหายกับพวกวิ่งเข้ามาถึงตัวอาจทำร้ายจำเลยถึงตายได้นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้จึงเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าและฐานยิงปืนโดยใช่เหตุในเมืองหมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2267/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกาย: การสมัครใจวิวาททำให้ไม่สามารถอ้างป้องกันตนเองได้ และข้อจำกัดในการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงใหม่
การที่จำเลยทั้งสองทำร้ายกันมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากจำเลยที่2มีเรื่องโต้เถียงกันกับย.ซึ่งเดินมากับจำเลยที่1ก่อนต่อมาจำเลยทั้งสองได้มาพบกันอีกและโต้เถียงกันก่อนที่จะลงมือทำร้ายกันตามพฤติการณ์ถือได้ว่าต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาททำร้ายแม้ฝ่ายใดจะลงมือทำร้ายก่อนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเมื่อสมัครใจวิวาทกันแล้วจะอ้างว่าตนทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อป้องกันสิทธิของตนไม่ได้. คดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลฎีกาจะมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงได้เพราะผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้รับรองว่าเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดแต่ข้อเท็จจริงที่คู่ความฎีกานั้นจะต้องเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้ยกปัญหาที่ฎีกาขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย. จำเลยเพียงแต่ชกต่อยกอดปล้ำกันมิได้ใช้อาวุธทำร้ายและเหตุที่ทำร้ายกันก็เกิดจากการวิวาทโต้เถียงไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อนพิเคราะห์ถึงพฤติกาณณ์แห่งคดีสิ่งแวดล้อมของจำเลยทั้งสองและสภาพความผิดแล้วศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา56ได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2267/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิวาททำร้ายร่างกาย: การสมัครใจวิวาททำให้ไม่อ้างป้องกันตนเองได้ และข้อจำกัดในการฎีกาเรื่องข้อเท็จจริง
การที่จำเลยทั้งสองทำร้ายกันมีสาเหตุสืบเนื่องมาจากจำเลยที่2มีเรื่องโต้เถียงกันกับย. ซึ่งเดินมากับจำเลยที่1ก่อนต่อมาจำเลยทั้งสองได้มาพบกันอีกและโต้เถียงกันก่อนที่จะลงมือทำร้ายกันตามพฤติการณ์ถือได้ว่าต่างฝ่ายต่างสมัครใจวิวาททำร้ายแม้ฝ่ายใดจะลงมือทำร้ายก่อนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเมื่อสมัครใจวิวาทกันแล้วจะอ้างว่าตนทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเพื่อป้องกันสิทธิของตนไม่ได้ คดีที่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงแม้ศาลฎีกาจะมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดข้อเท็จจริงได้เพราะผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาของศาลชั้นต้นได้รับรองว่าเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดแต่ข้อเท็จจริงที่คู่ความฎีกานั้นจะต้องเป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เมื่อปรากฏว่าจำเลยมิได้ยกปัญหาที่ฎีกาขึ้นว่ากล่าวในชั้นศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยฎีกาของจำเลย จำเลยเพียงแต่ชกต่อยกอดปล้ำกันมิได้ใช้อาวุธทำร้ายและเหตุที่ทำร้ายกันก็เกิดจากการวิวาทโต้เถียงไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยรับโทษจำคุกมาก่อนพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีสิ่งแวดล้อมของจำเลยทั้งสองและสภาพความผิดแล้วศาลรอการลงโทษจำเลยไว้ตามป.อ.มาตรา56ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวสำหรับหญิงสาวที่ถูกทำร้าย: การกระทำเพื่อหยุดยั้งการคุกคามทางเพศเป็นเหตุป้องกันโดยชอบธรรม
จำเลยเป็นหญิงสาวแม้จะเคยเป็นคู่รักของผู้เสียหายมาก่อนแต่เมื่อจำเลยไม่ยินยอมผู้เสียหายย่อมไม่มีสิทธิที่จะกอดปล้ำทำมิดีมิร้ายจำเลยได้ได้ความว่าขณะที่จำเลยยืนหั่นหัวหอมอยู่ผู้เสียหายเข้ามาข้างหลังโอบกอดจำเลยสะบัดและพูดห้ามพร้อมกับแกว่งมีดผู้เสียหายไม่ยอมฟังเมื่อจำเลยใช้มีดแทงผู้เสียหายครั้งที่สองถูกที่ทอ้งน้อยและผู้เสียหายล้มลงแล้วจำเลยก็ไม่ได้แทงซ้ำทั้งๆที่มีโอกาสแทงได้อีกคงปล่อยให้มีดปักคาท้องผู้เสียหายแล้ววิ่งลงจากบ้านไปดังนี้การกระทำของจำเลยถือได้ว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุจำเลยไม่มีความผิด.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลฎีกาตัดสินว่าการใช้มีดแทงหลายครั้งเกินกว่าการป้องกัน
แม้จำเลยกับผู้ตายจะเป็นสามีภรรยากันผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะทำร้ายจำเลยฉะนั้นเมื่อผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุด่าและตบเตะทำร้ายจำเลยก่อนจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายอันเป็นการประทุษร้ายจำเลยฝ่ายเดียวจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวได้ดังนั้นการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายดังกล่าวเพื่อยับยั้งผู้ตายมิให้ทำร้ายจำเลยอีกจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากการถูกทำร้ายแต่ขณะเกิดเหตุผู้ตายเพียงแต่ตบเตะจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่อย่างใดการที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายหลายครั้งจนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง5แผลเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควร การกระทำเกินกว่าเหตุ การฆ่าโดยเจตนา
แม้จำเลยกับผู้ตายจะเป็นสามีภรรยากัน ผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะทำร้ายจำเลย ฉะนั้น เมื่อผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุ ด่าและตบเตะทำร้ายจำเลยก่อนจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กาย อันเป็นการประทุษร้ายจำเลยฝ่ายเดียว จำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวได้ ดังนั้น การที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายดังกล่าวเพื่อยับยั้งผู้ตายมิให้ทำร้ายจำเลยอีก จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากการถูกทำร้าย แต่ขณะเกิดเหตุผู้ตายเพียงแต่ตบเตะจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่อย่างใด การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายหลายครั้ง จนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง 5 แผล เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1579/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ แม้ถูกทำร้ายก่อน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการใช้มีดแทงหลายครั้งเกินกว่าป้องกันตัว
แม้จำเลยกับผู้ตายจะเป็นสามีภรรยากันผู้ตายก็ไม่มีอำนาจอันชอบธรรมที่จะทำร้ายจำเลยฉะนั้นเมื่อผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุด่าและตบเตะทำร้ายจำเลยก่อนจนเป็นเหตุให้จำเลยได้รับอันตรายแก่กายอันเป็นการประทุษร้ายจำเลยฝ่ายเดียวจำเลยย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวได้ดังนั้นการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายดังกล่าวเพื่อยับยั้งผู้ตายมิให้ทำร้ายจำเลยอีกจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากการถูกทำร้ายแต่ขณะเกิดเหตุผู้ตายเพียงแต่ตบเตะจำเลยโดยไม่มีอาวุธแต่อย่างใดการที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายหลายครั้งจนปรากฏบาดแผลที่ตัวผู้ตายถึง5แผลเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันการกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องฐานพยายามฆ่า เนื่องจากจำเลยถูกรุมทำร้ายและพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้
ผู้เสียหายกับพวก 4-5 คนกำลังดื่มสุราอยู่ในซอย เห็นจำเลยเดินมาหาว่าจำเลยถอดเสื้ออวดรอยสัก ได้เรียกจำเลยเข้าไปถามและช่วยกันรุมทำร้ายจำเลย จำเลยวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกได้วิ่งไล่ตาม จำเลยวิ่งหนีมาถึงทางสามแยกหนีต่อไปไม่ทัน จึงได้หันกลับมาและยกปืนขึ้นขู่ผู้เสียหายว่า อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาจะยิง ผู้เสียหายก็ไม่เชื่อ ยังทำท่าจะวิ่งเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหาย เห็นได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายจำเลยก่อน และจำเลยได้พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว ขณะเกิดเหตุทางฝ่ายจำเลยก็มีแต่ตัวจำเลยคนเดียว หากผู้เสียหายกับพวกวิ่งเข้ามาถึงตัวอาจทำร้ายจำเลยถึงตายได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัดในขณะนั้น จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
of 80