พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1136/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้าย: ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องฐานพยายามฆ่า เนื่องจากจำเลยถูกรุมทำร้ายและพยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้
ผู้เสียหายกับพวก 4-5 คนกำลังดื่มสุราอยู่ในซอย เห็นจำเลยเดินมาหาว่าจำเลยถอดเสื้ออวดรอยสัก ได้เรียกจำเลยเข้าไปถามและช่วยกันรุมทำร้ายจำเลย จำเลยวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกได้วิ่งไล่ตาม จำเลยวิ่งหนีมาถึงทางสามแยกหนีต่อไปไม่ทัน จึงได้หันกลับมาและยกปืนขึ้นขู่ผู้เสียหายว่า อย่าเข้ามา ถ้าเข้ามาจะยิง ผู้เสียหายก็ไม่เชื่อ ยังทำท่าจะวิ่งเข้ามาทำร้ายจำเลยอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหาย เห็นได้ว่าผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเหตุทำร้ายจำเลยก่อน และจำเลยได้พยายามหลีกเลี่ยงการต่อสู้จนถึงที่สุดแล้ว ขณะเกิดเหตุทางฝ่ายจำเลยก็มีแต่ตัวจำเลยคนเดียว หากผู้เสียหายกับพวกวิ่งเข้ามาถึงตัวอาจทำร้ายจำเลยถึงตายได้ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัดในขณะนั้น จึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 850/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตำรวจ การใช้กำลังพอสมควรแก่เหตุ
จำเลยที่2เป็นเจ้าพนักงานตำรวจเห็นจำเลยที่1กับพวกขับรถจักรยานยนต์วนเวียนไปมาและไปจอดรถที่ปากซอยที่เกิดเหตุมีพฤติการณ์เป็นที่น่าสงสัยจำเลยที่2จึงเข้าสอบถามและขอตรวจค้นแต่จำเลยที่1กับพวกติดเครื่องจะขับรถออกไปและใช้ปืนยิงมายังจำเลยที่2การที่จำเลยที่2ใช้ปืนยิงโต้ตอบถูกจำเลยที่1กับพวกได้รับบาดเจ็บถือว่าเป็นการป้องกันตัวในการปฏิบัติหน้าที่และได้กระทำไปพอสมควรแก่เหตุแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์-ป้องกันตัว: พยานขัดแย้ง-หลักฐานไม่ชัดเจน ศาลยกฟ้อง
จำเลยนัดพบผู้เสียหายที่ที่เกิดเหตุแล้วผู้เสียหายยอมให้สร้อยคอกับจี้แก่จำเลยเพื่อนำไปขายเอาเงินมาให้พ่อแม่ผู้เสียหายตามข้อตกลงกรณีที่จำเลยเข้าห้องนอนผู้เสียหายก่อนเกิดคดีนี้4-5วันเพราะผู้เสียหายรักใคร่อยู่กับจำเลยส่วนที่จำเลยใช้มีดแทงว.พี่ชายของผู้เสียหายก็เพราะว. วิ่งไล่ทำร้ายจำเลยก่อนเป็นการป้องกันตนเองพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 702/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานชิงทรัพย์ต้องมีพยานหลักฐานชัดเจน การต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเป็นเหตุยกฟ้องได้
จำเลยนัดพบผู้เสียหายที่ที่เกิดเหตุแล้วผู้เสียหายยอมให้สร้อยคอกับจี้แก่จำเลยเพื่อนำไปขายเอาเงินมาให้พ่อแม่ผู้เสียหายตามข้อตกลงกรณีที่จำเลยเข้าห้องนอนผู้เสียหายก่อนเกิดคดีนี้4-5วันเพราะผู้เสียหายรักใคร่อยู่กับจำเลยส่วนที่จำเลยใช้มีดแทงว.พี่ชายของผู้เสียหายก็เพราะว.วิ่งไล่ทำร้ายจำเลยก่อนเป็นการป้องกันตนเองพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโต้แย้งข้อเท็จจริงในชั้นฎีกาและการพิจารณาบาดแผลสาหัสเพื่อลงโทษอาญา
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายก่อน ผู้เสียหายแย่งมีด จำเลยสะบัดหลุด แล้วแทงหน้าท้องผู้เสียหายและดึงปืนไปจากเอวผู้เสียหายและวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน การที่จำเลยฎีกาว่า ผู้เสียหายชักปืนออกก่อนแล้วกระชากลูกเลื่อน จำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและแทงหน้าท้องผู้เสียหายเป็นการป้องกัน จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต แทงมีบาดแผล 3 แห่ง คือ ที่ชายโครงขวา 2 แผล ขอบเรียบ 5 เซนติเมตร ลึกกล้ามเนื้อขาดเป็นรูปปากฉลาม ที่ด้านหลังซ้ายขอบเรียบ 1 เซนติเมตร แผลลึกที่หัวไหล่ซ้ายขอบเรียบ 1 เซนติเมตร แผลตื้นแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่า บาดแผลที่ 1 ลึกมากเป็นแผลสำคัญ ถูกกล้ามเนื้อและเส้นเลือด มีอาการเลือดออกมาก ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 7 - 8 วัน ก็ไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ระหว่างรักษาตัวผู้เสียหายว่า ไม่สามารถไปทำนาได้ตามปกติผู้เสียหายไปให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุ 25 วัน ว่าบาดแผลภายนอกหายแล้วแต่ยังรู้สึกเจ็บข้างในแถวลิ้นปี่กับเอว เชื่อว่าผู้เสียหายมีอาการป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ซึ่งเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
ผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต แทงมีบาดแผล 3 แห่ง คือ ที่ชายโครงขวา 2 แผล ขอบเรียบ 5 เซนติเมตร ลึกกล้ามเนื้อขาดเป็นรูปปากฉลาม ที่ด้านหลังซ้ายขอบเรียบ 1 เซนติเมตร แผลลึกที่หัวไหล่ซ้ายขอบเรียบ 1 เซนติเมตร แผลตื้นแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่า บาดแผลที่ 1 ลึกมากเป็นแผลสำคัญ ถูกกล้ามเนื้อและเส้นเลือด มีอาการเลือดออกมาก ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ 7 - 8 วัน ก็ไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ระหว่างรักษาตัวผู้เสียหายว่า ไม่สามารถไปทำนาได้ตามปกติผู้เสียหายไปให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุ 25 วัน ว่าบาดแผลภายนอกหายแล้วแต่ยังรู้สึกเจ็บข้างในแถวลิ้นปี่กับเอว เชื่อว่าผู้เสียหายมีอาการป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ซึ่งเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัส และการโต้แย้งเรื่องเหตุป้องกันตัว ศาลฎีกายืนตามศาลล่าง
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายก่อนผู้เสียหายแย่งมีดจำเลยสะบัดหลุดแล้วแทงหน้าท้องผู้เสียหายและดึงปืนไปจากเอวผู้เสียหายและวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันการที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายชักปืนออกก่อนแล้วกระชากลูกเลื่อนจำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและแทงหน้าท้องผู้เสียหายเป็นการป้องกันจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีจำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวประมาณ1ฟุตแทงมีบาดแผล3แห่งคือที่ชายโครงขวา2แผลขอบเรียบ5เซนติเมตรลึกกล้ามเนื้อขาดเป็นรูปปากฉลามที่ด้านหลังซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลลึกที่หัวไหล่ซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลตืนแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่าบาดแผลที่1ลึกมากเป็นแผลสำคัญถูกกล้ามเนื้อและเส้นเลือดมีอาการเลือดออกมากผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ7-8วันก็ไปรักษาตัวต่อที่บ้านระหว่างรักษาตัวผู้เสียหายว่าไม่สามารถไปทำนาได้ตามปกติผู้เสียหายไปให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุ25วันว่าบาดแผลภายนอกหายแล้วแต่ยังรู้สึกเจ็บข้างในแถวลิ้นปี่กับเอวเชื่อว่าผู้เสียหายมีอาการป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันซึ่งเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 602/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัสและการป้องกันตัวที่ไม่สมเหตุสมผล
ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยแทงผู้เสียหายก่อนผู้เสียหายแย่งมีดจำเลยสะบัดหลุดแล้วแทงหน้าท้องผู้เสียหายและดึงปืนไปจากเอวผู้เสียหายและวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันการที่จำเลยฎีกาว่าผู้เสียหายชักปืนออกก่อนแล้วกระชากลูกเลื่อนจำเลยจึงเข้ากอดปล้ำและแทงหน้าท้องผู้เสียหายเป็นการป้องกันจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปีจำเลยจึงฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา218. ผู้เสียหายถูกจำเลยใช้มีดพกปลายแหลมยาวประมาณ1ฟุตแทงมีบาดแผล3แห่งคือที่ชายโครงขวา2แผลขอบเรียบ5เซนติเมตรลึกกล้ามเนื้อขาดเป็นรูปปากฉลามที่ด้านหลังซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลลึกที่หัวไหล่ซ้ายขอบเรียบ1เซนติเมตรแผลตืนแพทย์ผู้ตรวจรักษาเบิกความว่าบาดแผลที่1ลึกมากเป็นแผลสำคัญถูกกล้ามเนื้อและเส้นเลือดมีอาการเลือดออกมากผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลประมาณ7-8วันก็ไปรักษาตัวต่อที่บ้านระหว่างรักษาตัวผู้เสียหายว่าไม่สามารถไปทำนาได้ตามปกติผู้เสียหายไปให้การในชั้นสอบสวนหลังเกิดเหตุ25วันว่าบาดแผลภายนอกหายแล้วแต่ยังรู้สึกเจ็บข้างในแถวลิ้นปี่กับเอวเชื่อว่าผู้เสียหายมีอาการป่วยเจ็บจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวันซึ่งเป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา297.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 234/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนายิงทำร้ายร่างกาย แม้ยิงลงพื้น ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นการทำร้ายร่างกาย ผู้ยิงเล็งเห็นผลได้
จำเลยใช้ปืนยิงไปที่พื้นดินหนึ่งนัดในขณะที่ผู้เสียหายกำลังเดินไปหาจำเลยและอยู่ห่างจำเลยประมาณสองวาจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่ากระสุนปืนอาจถูกผู้เสียหายได้เมื่อกระสุนปืนถูกขาผู้เสียหายบาดเจ็บต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาทำร้ายผู้เสียหายหาใช่เป็นการยิงขู่ไม่การกระทำของจำเลยดังกล่าวไม่เป็นการป้องกันโดยชอบเพราะขณะนั้นผู้เสียหายยังไม่สามารถจะทำร้ายจำเลยได้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและการใช้สิทธิป้องกันตนเมื่อถูกประทุษร้าย
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า"วันนี้เป็นวันตายของมึง"และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนในกรณีถูกข่มขู่ด้วยอาวุธและมีเหตุให้เชื่อว่าภัยอันตรายใกล้ถึงตัว ศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง
ผู้ตายกับจำเลยเป็นข้าราชการตำรวจสถานีเดียวกันมีเรื่องโกรธเคืองกันอย่างรุนแรงมาก่อนคืนเกิดเหตุมีงานเลี้ยงที่หอประชุมเมื่องานเลิกแล้วผู้ตายพบจำเลยที่หน้าหอประชุมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยโดยประสงค์ร้ายพร้อมกับพูดว่า'วันนี้เป็นวันตายของมึง'และมีตำรวจด้วยกันเดินเข้าไปด้วยจำเลยเดินถอยหลังผู้ตายเดินตามและชักปืนพกออกมาจำเลยเดินถอยหลังไปจนติดหอประชุมจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย1นัดถือได้ว่าจำเลยได้กระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนให้พ้นจากภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงพอสมควรแก่เหตุส่วนที่มีการด่าทอและกล่าวคำผรุสวาทกันก่อนเมื่อจำเลยมิได้เป็นฝ่ายก่อเหตุวิวาทและไม่มีเจตนาจะวิวาทกับผู้ตายการป้องกันดังกล่าวจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย.