พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3952/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเองจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ: การกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่ใกล้จะถึงและสมควร
ขณะนั่งดื่มสุราอยู่ด้วยกัน ผู้เสียหายมีอาการเมาสุราเข้าใจว่าจำเลยที่ 1 กีดกันไม่ยอมให้ปักเสาไฟฟ้าผ่านที่ดิน เมื่อจำเลยที่ 1 ไล่ให้กลับไปนอนผู้เสียหายกลับพูดว่า "ไอ้แก่อยากจะให้รู้มือสักที"แล้วทำท่าจะลุกขึ้นพร้อมกับชักมีดที่เหน็บไว้ที่เอวเผยออกมา จำเลยที่ 1 เข้าใจว่าผู้เสียหายจะทำร้าย จึงชกหน้าผู้เสียหายไป1 ที แล้วผลักล้มลงถูกผาลไถนาเป็นบาดแผลที่หางคิ้วขวาเป็นการกระทำเพื่อให้พ้นจากภยันตรายที่ใกล้จะถึงและพอสมควรแก่เหตุ เข้าลักษณะเป็นการป้องกันจำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและการใช้กำลังเกินสมควร การทำร้ายร่างกายจนเป็นอันตรายสาหัส
ผู้เสียหายเป็นชู้กับภริยาจำเลยซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกันในระหว่างที่ จำเลยต้องโทษจำคุกเมื่อจำเลยพ้นโทษแล้ววันใดที่จำเลยไม่อยู่บ้านผู้เสียหาย ก็มาหลับนอนกับภริยาจำเลยที่บ้านจำเลยเช้าวันเกิดเหตุในขณะที่จำเลย กำลังเดิน เข้าบ้านผู้เสียหายได้เตะต่อยจำเลยก่อนจำเลยซึ่งมีอายุมากกว่า ผู้เสียหายมากสู้ผู้เสียหายไม่ได้จึงวิ่งไป คว้ามีดมาฟันผู้เสียหายการกระทำ ของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการ ประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแต่จำเลย ใช้มีดทั้งด้ามและใบมีดยาว 1 ฟุต ใบมีดกว้าง 4 นิ้ว ฟันผู้เสียหาย หลายทีจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่ กายเป็นบาดแผลรวม 8 แห่ง แต่ไม่ถึงแก่ความตายบาดแผลที่สำคัญคือท้ายทอยยาว 15 เซนติเมตร ลึก 7 เซนติเมตรที่หน้าผากยาว 5 เซนติเมตรลึกถึงกะโหลกศีรษะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าและเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2777/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินเหตุและการเจตนาฆ่า กรณีชู้กับภรรยา
ผู้เสียหายเป็นชู้กับภริยาจำเลยซึ่งมิได้จดทะเบียนสมรสกันในระหว่างที่ จำเลยต้องโทษจำคุก เมื่อจำเลยพ้นโทษแล้ววัน ใดที่จำเลยไม่อยู่บ้านผู้เสียหาย ก็มาหลับนอนกับภริยา จำเลย ที่บ้านจำเลย เช้าวันเกิดเหตุในขณะที่จำเลยกำลังเดินเข้าบ้านผู้เสียหายได้เตะต่อยจำเลยก่อน จำเลยซึ่งมีอายุมากกว่าผู้เสียหายมากสู้ผู้เสียหายไม่ได้จึงวิ่งไป คว้ามีดมาฟันผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแต่จำเลย ใช้มีดทั้งด้ามและใบมีดยาว 1 ฟุต ใบมีดกว้าง 4 นิ้ว ฟันผู้เสียหายหลายทีจนผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายเป็นบาดแผลรวม 8 แห่ง แต่ไม่ถึงแก่ความตายบาดแผลที่สำคัญคือท้ายทอยยาว 15 เซนติเมตร ลึก 7 เซนติเมตรที่หน้าผากยาว 5 เซนติเมตรลึกถึงกะโหลกศีรษะ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าและเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2717/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สินเกินสมควรแก่เหตุ การยิงผู้บุกรุกที่ไม่ได้เป็นอันตราย
ผู้ตายเข้ามาลักลอบตัดฟันต้นข้าวโพดของมารดาจำเลยใน เวลากลางคืนจำเลยซึ่งอาศัยอยู่กับมารดาได้ไปพบเห็น ย่อมมีสิทธิกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของมารดา ได้ แต่ขณะที่จำเลยยิงผู้ตายนั้นปรากฏว่าผู้ตายถือมีดอยู่ห่างประมาณ 2 วา ยังไม่อยู่ในลักษณะพร้อมที่จะ ฟันทำร้ายจำเลยจำเลยยังมีทางหลบหลีกและยิงขู่ผู้ตาย ได้ เมื่อผู้ตายรู้ว่าจำเลยกับพวกมีอาวุธปืนย่อมจะอาศัย ความมืดหลบหนีไปดังนั้นการที่จำเลยด่วนยิงผู้ตายเสีย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2717/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สินเกินสมควร การยิงผู้ลักลอบตัดข้าวโพด
ผู้ตายเข้ามาลักลอบตัดฟันต้นข้าวโพดของมารดาจำเลยใน เวลากลางคืนจำเลยซึ่งอาศัยอยู่กับมารดาได้ไปพบเห็น ย่อมมีสิทธิกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของมารดาได้ แต่ขณะที่จำเลยยิงผู้ตายนั้นปรากฏว่าผู้ตายถือมีดอยู่ห่างประมาณ 2 วา ยังไม่อยู่ในลักษณะพร้อมที่จะฟันทำร้ายจำเลยจำเลยยังมีทางหลบหลีกและยิงขู่ผู้ตายได้ เมื่อผู้ตายรู้ว่าจำเลยกับพวกมีอาวุธปืนย่อมจะอาศัย ความมืดหลบหนีไปดังนั้นการที่จำเลยด่วนยิงผู้ตายเสีย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2714/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้ผู้ถูกทำร้ายมีรูปร่างใหญ่โตกว่าและเป็นฝ่ายเริ่มทำร้าย การกระทำเพื่อป้องกันตนเองจึงเป็นเหตุให้ไม่มีความผิด
ผู้เสียหายอายุ 18 ปี ส่วนจำเลยอายุเพียง 16 ปี ผู้เสียหายรูปร่างล่ำสันและมีลักษณะเป็นผู้ใหญ่กว่าจำเลยวันเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเรื่องโดยเข้าชกและขึ้นเข่าเอาแก่จำเลยที่ท้องหลายทีในลักษณะข่มเหงรังแก ในชั้นแรกจำเลยได้ใช้มือเปล่าป้องกันตัว แต่ก็ถูกผู้เสียหาย ทำร้ายต่อมาจำเลยจึงใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมที่มีติดตัว แทงถูกที่ชายโครงผู้เสียหาย 1 ที ในขณะกำลังถูกผู้เสียหาย ทำร้ายติดพันอยู่ดังนี้เป็นเรื่องที่จำเลยจำเป็นต้องป้องกันตัวให้พ้นจากภยันตรายที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อขึ้นการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2714/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่พอสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ถูกทำร้ายมีรูปร่างใหญ่กว่าและเป็นผู้เริ่มทำร้ายก่อน
ผู้เสียหายอายุ 18 ปีส่วนจำเลยอายุเพียง 16 ปีผู้เสียหายรูปร่างล่ำสันและมีลักษณะเป็นผู้ใหญ่กว่าจำเลยวันเกิดเหตุผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อเรื่องโดยเข้าชกและขึ้นเข่าเอาแก่จำเลยที่ท้องหลายทีในลักษณะข่มเหงรังแกในชั้นแรกจำเลยได้ใช้มือเปล่าป้องกันตัว แต่ก็ถูกผู้เสียหาย ทำร้ายต่อมาจำเลยจึงใช้เหล็กตะไบสามเหลี่ยมที่มีติดตัวแทงถูกที่ชายโครงผู้เสียหาย1ที ในขณะกำลังถูกผู้เสียหาย ทำร้ายติดพันอยู่ดังนี้เป็นเรื่องที่จำเลยจำเป็นต้อง ป้องกันตัวให้พ้นจากภยันตรายที่ผู้เสียหายเป็นฝ่ายก่อขึ้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุไม่เป็นความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย: กรณีชักปืนข่มขู่ก่อน และถูกป้องกัน
ผู้ตายตามไปพบจำเลยและพูดขอแบ่งวัวจากจำเลย จำเลยไม่ยอมแบ่งและชวนให้ไปตกลงกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหรือที่บ้านกำนัน แต่ผู้ตายไม่ยอมไป กลับชักปืนออกมาจากเอว จำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะใช้ปืนนั้นยิงจำเลยอันเป็น ภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายไป 1 นัดและผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2285/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย: การยิงเพื่อป้องกันภัยอันตรายใกล้ถึงจากการถูกทำร้าย
ผู้ตายตามไปพบจำเลยและพูดขอแบ่งวัวจากจำเลย จำเลยไม่ยอมแบ่งและชวนให้ไปตกลงกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้านหรือที่บ้านกำนันแต่ผู้ตายไม่ยอมไป กลับชักปืนออกมาจากเอว จำเลยย่อมเข้าใจว่าผู้ตายจะใช้ปืนนั้นยิงจำเลยอันเป็น ภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็น ภยันตรายที่ใกล้จะถึงการที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายไป 1 นัด และผู้ตายถึงแก่ความตายจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนพอสมควรแก่เหตุการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2046/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยเปิดประตูร้านออกไปเผชิญหน้ากับผู้ตายซึ่งมีเรื่องทะเลาะกันมาก่อน ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
ย. ผู้ตายมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับจำเลยในตอนบ่ายของวันเกิดเหตุ. ครั้นตอนกลางคืน ย. กับพวกมาเรียกจำเลยที่หน้าร้านจำเลยซึ่งปิดแล้วให้ออกไปปรับความเข้าใจกัน.จำเลยย่อมทราบดีว่า ย. มาเพื่อก่อเรื่องชวนวิวาท. การที่จำเลยเปิดประตูและนำเอาอาวุธปืนออกไปพบกับ ย. กับพวกแล้วเกิดปากเสียงทะเลาะกัน และจำเลยใช้อาวุธปืนที่ตระเตรียมมายิง ย.กับว. ถึงแก่ความตายเช่นนี้. แสดงว่าจำเลยกับพวกผู้ตายสมัครใจเข้าวิวาทและต่อสู้กัน. แม้จำเลยจะถูกพวกของผู้ตายยิงและทำร้ายได้รับบาดเจ็บ. จำเลยก็จะอ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายมิได้.