พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2737/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ: การยิงเพื่อป้องกันชีวิตและร่างกาย
ผู้ตายทั้งสองขึ้นไปลักทรัพย์บนเรือในเวลากลางคืนโดยมีพวกหลายคน จำเลยซึ่งเป็นยามเฝ้าเรือร้องถาม ผู้ตายคนหนึ่งชักมีดโถมเข้าจะแทง จำเลยจึงใช้ปืนยิงไปทางผู้ตายหลายนัดในช่วงเวลาอันกระชั้นชิดนั้น ถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวิวาทและการป้องกันตน: แม้มีอาวุธ การสมัครใจวิวาททำให้การอ้างป้องกันตนไม่สำเร็จ
จำเลยโต้เถียงกับผู้ตายแล้วสมัครใจเข้าวิวาทต่อสู้กันผู้ตายและผู้เสียหายมีอาวุธในมือจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยยิงผู้ตายและผู้เสียหาย จำเลยอ้างว่าป้องกันไม่ได้
จำเลยโดดขึ้นรถสามล้อเครื่องที่ขับผ่านมาบังคับให้ขับเร็ว ๆ คนขับขับเร็วขึ้นกว่าปกติไม่ได้ เพราะสภาพการจราจรในขณะนั้น เป็นความผิดฐานพยายามซึ่งไม่บรรลุผลตาม มาตรา 309,80
จำเลยโดดขึ้นรถสามล้อเครื่องที่ขับผ่านมาบังคับให้ขับเร็ว ๆ คนขับขับเร็วขึ้นกว่าปกติไม่ได้ เพราะสภาพการจราจรในขณะนั้น เป็นความผิดฐานพยายามซึ่งไม่บรรลุผลตาม มาตรา 309,80
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุและการเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นในคดีทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายจะยิงจำเลย จำเลยจึงเอามีดปัดปืนจนปืนลั่นแล้วฟันผู้ตายถูกที่หน้าอกเมื่อผู้ตายถูกฟันแล้วยืนเซ่ออยู่มีอาการสาหัสมาก จำเลยรู้ว่าปืนของผู้ตายบรรจุกระสุนได้ทีละนัด หากจะยิงก็ต้องบรรจุกระสุนใหม่ จำเลยกลับฟันซ้ำอีกถูกคอผู้ตายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกถึงจุดศูนย์กลางประสาทต้นคอขาดถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ การกระทำของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2409/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ การกระทำเกินกว่ากรณีจำเป็นนำไปสู่ความตาย
ผู้ตายจะยิงจำเลย จำเลยจึงเอามีดปัดปืนลั่นแล้วฟันผู้ตายที่หน้าอก เมื่อผู้ตายถูกฟันแล้วยืนเซ่ออยู่มีอาการสาหัสมาก จำเลยรู้ว่าปืนของผู้ตายบรรจุกระสุนได้ทีละนัด หากจะยิงก็ต้องบรรจุกระสุนใหม่ จำเลยกลับฟันซ้ำอีกถูกคอผู้ตายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ลึกถึงกระดูกถูกจุดศูนย์กลางประสาทต้นคอขาด ถึงแก่ความตายทันที ดังนี้ การกระทำของจำเลยเกินสมควรแก่เหตุและเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็นตามกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: เหตุจำเป็นในการใช้กำลังเพื่อป้องกันชีวิตและร่างกายจากการถูกรุกราน
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุขึ้น รุกรานเข้าไปยิงโดยเจตนาฆ่าจำเลยที่ 1 ถึงในบ้าน (โดยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิง 1 นัด จากลานบ้านขึ้นไปบนบ้าน) จำเลยที่ 1 จึงกระโดดจากชานลงไปที่โคนต้นมะม่วง ห่างจำเลยที่ 2 ประมาณ 2 เมตร จำเลยที่ 2 บรรจุกระสุนปืนอีก และจ้องปืนมาที่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงขักอาวุธปืนที่ติดตัวอยู่ยิงจำเลยที่ 2 ไป 3 นัด กระสุนปืนถูกโคนแขนจำเลยที่ 2 นัดเดียว ดังนี้ จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และไม่จำเป็นต้องหนีผู้ที่เข้ามากระทำผิดกฎหมายแก่ตน ในเหตุการณ์ฉุกละหุกเฉพาะหน้า ไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะยิงจำเลยที่ 1 อีกหรือไม่ จำเลยที่ 1 ไม่มีโอกาสคิดเป็นอย่างอื่น นอกจากยิงเพื่อป้องกันตนให้พ้นอันตรายเฉพาะหน้า เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2200/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: การกระทำเพื่อป้องกันอันตรายจากผู้รุกราน
จำเลยที่ 2 เป็นผู้ก่อเหตุขึ้น รุกรานเข้าไปยิงโดยเจตนาฆ่าจำเลยที่ 1 ถึงในบ้าน (โดยใช้อาวุธปืนลูกซองสั้นยิง 1 นัด จากลานบ้านขึ้นไปบนบ้าน) จำเลยที่ 1 จึงกระโดดจากชานลงไปที่โคนต้นมะม่วง ห่างจำเลยที่ 2 ประมาณ 2 เมตร จำเลยที่ 2 บรรจุกระสุนปืนอีก และจ้องปืนมาที่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงชักอาวุธปืนที่ติดตัวอยู่ยิงจำเลยที่ 2 ไป 3 นัดกระสุนปืนถูกโคนแขนจำเลยที่ 2 นัดเดียว ดังนี้จำเลยที่ 1 ย่อมมีสิทธิที่จะทำการป้องกันตัวได้โดยชอบด้วยกฎหมายและไม่จำเป็นต้องหนีผู้ที่เข้ามากระทำผิดกฎหมายแก่ตน ในเหตุการณ์ฉุกละหุกเฉพาะหน้า ไม่แน่ว่าจำเลยที่ 2 จะยิงจำเลยที่ 1 อีกหรือไม่ จำเลยที่1 ไม่มีโอกาสคิดเป็นอย่างอื่น นอกจากยิงเพื่อป้องกันตนให้พ้นอันตรายเฉพาะหน้า เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1796/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ (ฆ้อน) และการชกต่อย
ป. กับจำเลยโต้เถียงกัน แล้วจำเลยถูก ป. กับพวกรุมชก ส.ถือฆ้อนเข้าช่วยป. จำเลยยิงส.1 นัดถูกต้นคอและใบหูขวา เป็นป้องกันสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281-282/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตายระหว่างวิวาท ศาลพิจารณาเจตนาของผู้กระทำและเหตุแห่งการกระทำ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 83 ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ 1 เจตนาฆ่าผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 2 มีเจตนาทำร้ายเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดตามมาตรา 288 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามมาตรา 290 โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิด พิพากษายกฟ้อง ดังนี้ ข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามมาตรา 288 เฉพาะจำเลยที่ 2 จึงเป็นอันถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยอาศัยข้อเท็จจริงโจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงในข้อหานี้ไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 8 คงฎีกาได้เฉพาะข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนาตามมาตรา 290 เท่านั้น
ผู้ตายกับ ส.ขึ้นไปบนเรือนดูดทรายและผู้ตายถือไม้พายติดมือขึ้นไปด้วยโดยมีเจตนาจะก่อการวิวาท เพราะผู้ตายเคยมีสาเหตุกับชาวเรือดูดทรายมาก่อน ทันทีที่ฝ่ายผู้ตายขึ้นไปบนเรือ ฝ่ายจำเลยซึ่งอยู่ในเรือดูดทรายและมีประมาณ 4 คนก็กรูกันเข้ามาหาและเกิดการต่อสู้ชกต่อยกันขึ้น ดังนี้ แสดงว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน ฉะนั้นการที่จำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายถูกที่ราวนม 2 แผล ระหว่างวิวาทต่อสู้กันนั้น จำเลยจะอ้างว่าแทงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนหาได้ไม่
ผู้ตายกับ ส.ขึ้นไปบนเรือนดูดทรายและผู้ตายถือไม้พายติดมือขึ้นไปด้วยโดยมีเจตนาจะก่อการวิวาท เพราะผู้ตายเคยมีสาเหตุกับชาวเรือดูดทรายมาก่อน ทันทีที่ฝ่ายผู้ตายขึ้นไปบนเรือ ฝ่ายจำเลยซึ่งอยู่ในเรือดูดทรายและมีประมาณ 4 คนก็กรูกันเข้ามาหาและเกิดการต่อสู้ชกต่อยกันขึ้น ดังนี้ แสดงว่าทั้งสองฝ่ายสมัครใจวิวาทต่อสู้กัน ฉะนั้นการที่จำเลยใช้เหล็กแหลมแทงผู้ตายถูกที่ราวนม 2 แผล ระหว่างวิวาทต่อสู้กันนั้น จำเลยจะอ้างว่าแทงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: ผู้เสียหายมีพฤติกรรมคุกคาม จำเลยมีสิทธิป้องกันตนเองได้ แต่ต้องไม่เกินความจำเป็น
ผู้เสียหายกับจำเลยเคยรักใคร่กัน ต่อมาจำเลยเลิกติดต่อกับผู้เสียหายผู้เสียหายโกรธเคยตบหน้าจำเลยและมีหนังสือแจ้งว่าจะทำลายล้างจำเลยและ มารดาจำเลยจะเอาน้ำกรดสาดหน้าจำเลย วันเกิดเหตุผู้เสียหายมาที่ประตูบ้านจำเลย จำเลยร้องบอกให้มารดาผู้เสียหายมาเอาตัวผู้เสียหายไป มารดาผู้เสียหายบอกให้ผู้เสียหายกลับบ้านแต่ผู้เสียหายกลับเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยบอกให้ออกไปผู้เสียหายกลับพูดว่าไม่มีใครช่วยมึงได้ พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้เสียหายเข้าไปเพื่อจะทำร้ายจำเลยแต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงเป็นการพยายามฆ่าโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: พฤติการณ์ข่มขู่และความจำเป็นในการใช้ปืน
ผู้เสียหายกับจำเลยเคยรักใคร่กัน ต่อมาจำเลยเลิกติดต่อกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายโกรธเคยตบหน้าจำเลยและมีหนังสือแจ้งว่าจะทำลายล้างจำเลยและมารดาจำเลยจะเอาน้ำกรดสาดหน้าจำเลย วันเกิดเหตุผู้เสียหายมาที่ประตูบ้านจำเลย จำเลยร้องบอกให้มารดาผู้เสียหายมาเอาตัวผู้เสียหายไป มารดาผู้เสียหายบอกให้ผู้เสียหายกลับบ้านแต่ผู้เสียหายกลับเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยบอกให้ออกไป ผู้เสียหายกลับพูดว่าไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้เสียหายเข้าไปเพื่อจะทำร้ายจำเลย แต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงเป็นการพยายามฆ่าโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ