พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ภยันตรายใกล้ถึงและการใช้กำลังพอสมควร
ผู้เสียหายใช้ไม้แก่นกลมเสันผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ1 เมตรเป็นอาวุธทำร้ายจำเลยหลายครั้ง และขณะจำเลยล้มลงไปที่พื้นดิน ผู้เสียหายจะใช้ไม้นั้นตีซ้ำอีก นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและยากที่จะหนีให้พ้นภยันตรายนั้นได้ทันท่วงที เพราะผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลยประมาณ2-3 เมตรเท่านั้น จำเลยจึงยิงผู้เสียหายเพียง 1 นัดในขณะนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย แม้เกิดจากบันดาลโทสะ แต่การลงมือโดยเจตนาและใช้อาวุธอันตราย ถือเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่น
กรณีเกิดจากเป็นปากเสียงแล้วบันดาลโทสะสมัครใจวิวาทจะเข้าทำร้ายกันและจำเลยเป็นฝ่ายลงมือแทงผู้ตายแล้ววิ่งหนีถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัว
การที่จำเลยใช้มีดพับสปริงปลายแหลมยาว 1 คืบ เป็นอาวุธแทงตรงๆ ไปที่หน้าอกของผู้ตาย บาดแผลรอยแทงยาว 2.51 เซนติเมตร ลึก 8 เซนติเมตร ทะลุปอดและเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ แสดงว่าจำเลยแทงไปโดยแรงตรงส่วนสำคัญของร่างกายโดยสำนึกและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
การที่จำเลยใช้มีดพับสปริงปลายแหลมยาว 1 คืบ เป็นอาวุธแทงตรงๆ ไปที่หน้าอกของผู้ตาย บาดแผลรอยแทงยาว 2.51 เซนติเมตร ลึก 8 เซนติเมตร ทะลุปอดและเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ แสดงว่าจำเลยแทงไปโดยแรงตรงส่วนสำคัญของร่างกายโดยสำนึกและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2661/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา: การแทงด้วยอาวุธอันตรายโดยเล็งเห็นผลถึงชีวิต ไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
กรณีเกิดจากเป็นปากเสียงแล้วบันดาลโทสะสมัครใจวิวาทจะเข้าทำร้ายกัน และจำเลยเป็นฝ่ายลงมือแทงผู้ตายแล้ววิ่งหนีไป ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันตัว
การที่จำเลยใช้มีดพับสปริงปลายแหลมยาว 1 คืบ เป็นอาวุธแทงตรง ๆ ไปที่หน้าอกของผู้ตาย บาดแผลรอยแทงยาว 2.51 เซนติเมตร ลึก 8 เซนติเมตร ทะลุปอดและเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ แสดงว่าจำเลยแทงไปโดยแรงตรงส่วนสำคัญของร่างกายโดยสำนึกและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
การที่จำเลยใช้มีดพับสปริงปลายแหลมยาว 1 คืบ เป็นอาวุธแทงตรง ๆ ไปที่หน้าอกของผู้ตาย บาดแผลรอยแทงยาว 2.51 เซนติเมตร ลึก 8 เซนติเมตร ทะลุปอดและเส้นเลือดแดงใหญ่ที่หัวใจ แสดงว่าจำเลยแทงไปโดยแรงตรงส่วนสำคัญของร่างกายโดยสำนึกและย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของจำเลยได้ว่าเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำความผิดต่อเนื่อง: การกลุ้มรุมทำร้ายแล้วยิงไม่ถือเป็นการป้องกันตัว
จำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนเข้ามากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายกับพวกที่ใต้ถุนเรือนแล้วออกวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไป จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน เพราะจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน การที่ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามจำเลยไป แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกของจำเลยกับพวกยังไม่ขาดตอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2154/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยิงเพื่อป้องกันตัวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นผู้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายก่อน การกระทำต่อเนื่องเป็นเหตุผลลบล้าง
จำเลยกับพวกอีกคนหนึ่งเข้ามากลุ้มรุมชกต่อยผู้เสียหายกับพวกที่ใต้ถุนเรือนแล้วออกวิ่งหนี ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไป จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกัน เพราะจำเลยกับพวกเป็นฝ่ายก่อเรื่องก่อน การที่ผู้เสียหายกับพวกไล่ตามจำเลยไป แล้วจำเลยยิงผู้เสียหาย เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการกระทำผิดครั้งแรกของจำเลยกับพวกยังไม่ขาดตอน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การติดตั้งเครื่องป้องกันทรัพย์สินและการกระทำของผู้บุกรุก
โรงเก็บของของจำเลยอยู่ในบริเวณสวนของจำเลย มีรั้วต้นพู่ระหงปลูกเป็นแนวเขต จำเลยเก็บของอันมีค่าเช่นเครื่องยนต์สูบน้ำและอุปกรณ์อื่น ๆ ไว้ ทรัพย์สินที่จำเลยเก็บไว้ในโรงเก็บของเคยถูกคนร้ายลักไป ในตำบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม จำเลยเอาเส้นลวดขึงที่โรงเก็บของและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านไว้เพื่อป้องกันคนร้าย ผู้ตายกับพวกอีก 3 คนบุกรุกเข้าไปที่โรงเก็บของในเวลาวิกาล โดยเจตนาจะลักทรัพย์ ในมือผู้ตายมีเหล็กไขควง 1 อัน แต่ผู้ตายไปถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นผู้ตายกับพวกย่อมลักทรัพย์ของจำเลยไปได้ นับได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของจำเลยใกล้จะถึงแล้ว ถ้าจำเลยไปพบเห็นเข้า จำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายกับพวกเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1923/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์สินโดยชอบด้วยกฎหมาย: การใช้กระแสไฟฟ้าป้องกันการลักทรัพย์
โรงเก็บของของจำเลยอยู่ในบริเวณสวนของจำเลย มีรั้วต้นพู่ระหงปลูกเป็นแนวเขต จำเลยเก็บของอันมีค่าเช่นเครื่องยนต์สูบน้ำและอุปกรณ์อื่นๆไว้ ทรัพย์สินที่จำเลยเก็บไว้ในโรงเก็บของเคยถูกคนร้ายลักไปในตำบลที่เกิดเหตุมีคนร้ายชุกชุม จำเลยเอาเส้นลวดขึงที่โรงเก็บของและปล่อยกระแสไฟฟ้าจากบ้านไว้เพื่อป้องกันคนร้ายผู้ตายกับพวกอีก 3 คนบุกรุกเข้าไปที่โรงเก็บของในเวลาวิกาล โดยเจตนาจะลักทรัพย์ ในมือผู้ตายมีเหล็กไขควง 1 อัน แต่ผู้ตายไปถูกเส้นลวดที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าไว้ถึงแก่ความตายเสียก่อน มิฉะนั้นผู้ตายกับพวกย่อมลักทรัพย์ของจำเลยไปได้ นับได้ว่าภยันตรายที่จะเกิดแก่ทรัพย์สินของจำเลยใกล้จะถึงแล้ว ถ้าจำเลยไปพบเห็นเข้า จำเลยย่อมมีสิทธิทำร้ายผู้ตายกับพวกเพื่อป้องกันทรัพย์สินของจำเลยได้ ดังนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิของตนโดยชอบด้วยกฎหมาย และพอสมควรแก่เหตุ จำเลยจึงไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1556/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกระทำโดยบันดาลโทสะจากการถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงของผู้ตาย แม้ไม่ใช่การป้องกันตัว
ผู้ตายซึ่งไม่เคยรู้จักกับจำเลยมาก่อน ได้มาซื้อสุราจากร้านจำเลยดื่ม ดื่มสุราแล้วเข้าไปแย่งตะไกรจากภรรยาจำเลยซึ่งกำลังตัดผมให้จำเลยอยู่หน้าร้ายจะตัดผมให้จำเลยเอง ทั้งผู้ตายขอเงินจากจำเลยโดยไม่ปรากฏเหตุที่จำเลยจะต้องให้เงินแก่ผู้ตายกับผู้ตายยังอ้างว่าผู้ตายซื้อสลากกินรวบจากจำเลยแล้วถูกรางวัด แต่จำเลยไม่จ่ายเงินให้ จึงเกิดโต้เถียงกัน และผ้าขาวม้าที่จำเลยนุ่งหลุด จำเลยวิ่งเข้าห้อง ขณะนั้นเองผู้ตายจับแขนและล้วงกระเป๋าเสื้อภรรยาจำเลยและขอเงินอีก จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ ไม่เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีด ศาลยืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยเป็นน้องเขยผู้ตาย คืนก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายและจำเลยต่างไปงานแต่งงานรายเดียวกัน จำเลยช่วยเป็นผู้ลงบัญชีผู้ออกเงินช่วยงาน และได้เกิดเป็นปากเสียงกัน ผู้ตายโดยผู้ตายหาว่าได้ออกเงินช่วยในงานแล้วจำเลยไม่ลงชื่อในบัญชีให้ คืนนั้นผู้ตายอยู่บ้านงานตลอดคืน ดื่มสุราเมา รุ่งเช้าเดินกลับบ้าน มาสวนทางกับจำเลยซึ่งเดินอยู่คนละฝั่งคันคู เนื่องจากผู้ตายมีนิสัยเมาแล้วมักอาละวาด เมื่อพบจำเลยซึ่งผู้ตายข้องใจเรื่องไม่ลงชื่อในบัญชีคนช่วยงานให้ จึงต่อว่าและชักมีดโดยข้ามคูไปแทงทำร้ายจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตาย 1 นัด เป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1362/2519
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวจากการถูกทำร้ายด้วยอาวุธ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการยิงเพื่อป้องกันตัวเป็นเหตุสมควร
จำเลยเป็นน้องเขยผู้ตาย คืนก่อนเกิดเหตุผู้ตายและจำเลยต่างไปงานแต่งงานรายเดียวกันจำเลยช่วยเป็นผู้ลงบัญชีผู้ออกเงินช่วยงานและได้เกิดเป็นปากเสียงกับผู้ตายโดยผู้ตายหาว่าได้ออกเงินช่วยในงานแล้วจำเลยไม่ลงชื่อในบัญชีให้คืนนั้นผู้ตายอยู่บ้านงานตลอดคืน ดื่มสุราเมา รุ่งเช้าเดินกลับบ้าน มาสวนทางกับจำเลยซึ่งเดินอยู่คนละฝั่งคันคู เนื่องจากผู้ตายมีนิสัยเมาแล้วมักอาละวาดเมื่อพบจำเลยซึ่งผู้ตายข้องใจเรื่องไม่ลงชื่อในบัญชีคนช่วยงานให้จึงต่อว่าและชักมีดโดดข้ามคูไปแทงทำร้ายจำเลย จำเลยจึงยิงผู้ตาย 1 นัดเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด