คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 68

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2143/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ แม้ผู้ถูกทำร้ายเป็นผู้ก่อเหตุก่อนและมีอาวุธ
ผู้เสียหายมีเจตนาทำร้ายจำเลยให้ถึงตาย ใช้เหล็กแหลมยาว12 นิ้วฟุตแทงจำเลยในขณะที่จำเลยนอนหงาย จำเลยใช้มุ้งปัดป้องเหล็กแหลมหลุดจากมือผู้เสียหายติดกับมุ้งจำเลยจึงถือเหล็กแหลมนั้นไว้ ผู้เสียหายเอาเหล็กแหลมอีกอันหนึ่งตรงเข้าหาจำเลยแล้วกอดปล้ำกัน การที่จำเลยแทงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายมีอาวุธอยู่ในมือขณะกอดปล้ำกันเช่นนี้ แม้จำเลยจะแทงผู้เสียหายหลายแผล บางแผลลึกเข้าช่องท้อง การกระทำของจำเลยดังนี้ นับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2143/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย แม้จะทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ หากเป็นการกระทำเพื่อให้พ้นภัยอันตรายจากผู้ก่อเหตุ
ผู้เสียหายมีเจตนาทำร้ายจำเลยให้ถึงตาย ใช้เหล็กแหลมยาว 12 นิ้วฟุตแทงจำเลยในขณะที่จำเลยนอนหงาย จำเลยใช้มุ้งปัดป้องเหล็กแหลมหลุดจากมือผู้เสียหายติดกับมุ้งจำเลยจึงถือเหล็กแหลมนั้นไว้ ผู้เสียหายเอาเหล็กแหลมอีกอันหนึ่งตรงเข้าหาจำเลยแล้วกอดปล้ำกัน การที่จำเลยแทงผู้เสียหายในขณะที่ผู้เสียหายมีอาวุธอยู่ในมือขณะกอดปล้ำกันเช่นนี้ แม้จำเลยจะแทงผู้เสียหายหลายแผล บางแผลลึกเข้าช่องท้อง การกระทำของจำเลยดังนี้นับได้ว่าเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ป้องกันเกินสมควร: การใช้กำลังป้องกันตัวต้องสมเหตุสมผล แม้ถูกทำร้ายก่อน การตอบโต้ต้องไม่เกินความจำเป็น
ผู้ตายก่อเหตุก่อนด่าว่าจำเลย ถือเหล็กไขควงบุกรุกขึ้นไปบนเรือนจำเลยแล้วใช้เหล็กไขควงแทงจำเลย แต่แทงไม่ถูกเพราะจำเลยหลบทัน จำเลยจึงใช้มีดดาบฟันผู้ตายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ถึง 4 แห่ง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ เพราะจำเลยฟันผู้ตายเพียงครั้งเดียวก็จะหยุดยั้ง การกระทำของผู้ตายไม่ให้เข้าทำร้ายจำเลยได้ต่อไปอีกแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2106/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การใช้กำลังป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้าย และการประเมินความร้ายแรงของการตอบโต้
ผู้ตายก่อเหตุก่อนด่าว่าจำเลย ถือเหล็กไขควงบุกรุกขึ้นไปบนเรือน จำเลยแล้วใช้เหล็กไขควงแทงจำเลย แต่แทงไม่ถูกเพราะจำเลยหลบทัน จำเลยจึงใช้มีดดาบฟันผู้ตายเป็นบาดแผลฉกรรจ์ถึง 4 แห่ง เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ เพราะจำเลยฟันผู้ตายเพียงครั้งเดียวก็จะหยุดยั้งการกระทำของผู้ตายไม่ให้เข้าทำร้ายจำเลยได้ต่อไปอีกแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนทางอาญา: ภาระการพิสูจน์และการใช้พยานหลักฐาน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยให้การว่าทำร้ายผู้ตายเพราะผู้ตายกับพวกเข้าปล้นบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้กระทำผิด ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความจริง แต่การนำสืบในกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานมาเบิกความเสมอไป ถ้อยคำพยานและเหตุผลแวดล้อมอาจมีน้ำหนักพอให้วินิจฉัยได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2019/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนและการพิสูจน์ความผิดในคดีอาญา: โจทก์ต้องพิสูจน์การกระทำความผิด แม้ไม่มีพยานรู้เห็น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา จำเลยให้การว่าทำร้ายผู้ตายเพราะผู้ตายกับพวกเข้าปล้นบ้านจำเลย จำเลยไม่ได้กระทำผิด ดังนี้ เป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องนำสืบให้เห็นว่าการกระทำของจำเลยเป็นความจริง แต่การนำสืบในกรณีเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีประจักษ์พยานมาเบิกความเสมอไป ถ้อยคำพยานและเหตุผลแวดล้อมอาจมีน้ำหนักพอให้วินิจฉัยได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันหรือไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1957/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตนเกินสมควรแก่เหตุ กรณีถูกทำร้ายด้วยมีดและจอบ
ผู้ตายถือมีดไล่ฟันจำเลย จำเลยจึงใช้จอบตีผู้ตายจนมีดหลุดมือแล้วต่างคนต่างเข้าแย่งมีดกันล้มลงไปทั้งคู่ จำเลยแย่งมีดได้แล้วกลับใช้ฟันผู้ตายไปในขณะที่ล้มอยู่หลายทีจนผู้ตายถึงแก่ความตาย เมื่อปรากฏว่าบาดแผลที่ผู้ตายได้รับบริเวณหน้า ศีรษะ และคอซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญเป็นบาดแผลทำให้ถึงตายได้เกือบทุกแผล แขนขวาส่วนล่างของผู้ตายถูกตีหักจนไม่อาจใช้มือขวาถือมีดฟันทำร้ายจำเลยได้ต่อไปอีก เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1957/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแย่งมีดจากผู้โจมตีและใช้ทำร้ายจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายถือมีดไล่ฟันจำเลย จำเลยจึงใช้จอบตีผู้ตายจนมีดหลุดมือแล้วต่างคนต่างเข้าแย่งมีดกันล้มลงไปทั้งคู่ จำเลยแย่งมีดได้แล้วกลับใช้ฟันผู้ตายไปในขณะที่ล้มอยู่หลายทีจนผู้ตายถึงแก่ความตาย เมื่อปรากฏว่าบาดแผลที่ผู้ตายได้รับบริเวณหน้า ศีรษะ และคอซึ่งเป็นอวัยวะส่วนสำคัญเป็นบาดแผลทำให้ถึงตายได้เกือบทุกแผล แขนขวาส่วนล่างของผู้ตายถูกตีหักจนไม่อาจใช้มือขวาถือมีดฟันทำร้ายจำเลยได้ต่อไปอีก เช่นนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2514

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย: การแทงตอบโต้เพื่อป้องกันการถูกทำร้ายและการขัดขวางโดยมิชอบ
โจทก์ขึ้นไปบนรถจำเลยและพยายามให้ผู้โดยสารซึ่งซื้อตั๋วรถจำเลยแล้วไปโดยสารรถโจทก์ จำเลยขัดขวางมิให้ผู้โดยสารไปกับรถโจทก์โจทก์ใช้มือผลักอกจำเลยและใช้มีดแทงจำเลยใช้มือปัดแขนโจทก์พร้อมกับเอี้ยวตัวหลบ มีดจึงไม่ถูกจำเลย แล้วจำเลยจึงใช้มีดแทงโจทก์ไป 1 ที ถูกที่สีข้างด้านขวาในขณะที่โจทก์เซเอี้ยวไปทางซ้ายการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1944/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความรุนแรงเพื่อป้องกันสิทธิและข่มเหงน้ำใจ: การป้องกันตัวที่ชอบด้วยกฎหมาย
โจทก์ขึ้นไปบนรถจำเลยและพยายามให้ผู้โดยสารซึ่งซื้อตั๋วรถจำเลยแล้วไปโดยสารรถโจทก์ จำเลยขัดขวางมิให้ผู้โดยสารไปกับรถโจทก์โจทก์ใช้มือผลักอกจำเลยและใช้มีดแทงจำเลยใช้มือปัดแขนโจทก์พร้อมกับเอี้ยวตัวหลบ มีดจึงไม่ถูกจำเลย แล้วจำเลยจึงใช้มีดแทงโจทก์ไป 1 ที ถูกที่สีข้างด้านขวาในขณะที่โจทก์เซเอี้ยวไปทางซ้ายการกระทำของจำเลยดังกล่าวเป็นการป้องกันสิทธิพอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด
of 80