พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: จำเลยยิงผู้ตายขณะวิ่งหนีหลังชักปืน แต่ไม่มีท่าทีหันกลับมาต่อสู้
จำเลยติดตามคนร้ายที่ลักเหล้าไปพบผู้ตายนั่งกินเหล้าอยู่ผู้ตายลุกขึ้นก้าวถอยหลังหนีแล้วควักปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วหันหลังวิ่ง แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว 3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋า ซึ่งปรากฏภายหลังว่ามีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ พอห่างจำเลย 16-17 วา จำเลยก็ยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้ กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตายดังนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1943/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงผู้ที่วิ่งหนีโดยไม่มีท่าทีจะหันกลับมาต่อสู้
จำเลยติดตามคนร้ายที่ลักเหล้าไปพบผู้ตายนั่งกินเหล้าอยู่ผู้ตายลุกขึ้นก้าวถอยหลังหนีแล้วควักปืนยิงจำเลย 1 นัด แล้วหันหลังวิ่ง แม้ขณะผู้ตายวิ่งไปได้ราว 3 วาเศษ ผู้ตายจะหักลำกล้องปืนและเอามือล้วงกระเป๋า ซึ่งปรากฏภายหลังว่ามีกระสุนปืนอยู่ในกระเป๋ากางเกงผู้ตาย 4 ลูก แต่ผู้ตายก็มิได้แสดงกิริยาว่าจะหันกลับมาต่อสู้ พอห่างจำเลย 16 - 17 วา จำเลยก็ยิงผู้ตายขณะผู้ตายกำลังวิ่งหันหลังให้ กระสุนปืนถูกผู้ตายด้านหลังถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายและการป้องกันสิทธิ: การใช้ความรุนแรงหลังพ้นจากภยันตรายไม่ใช่การป้องกัน
น. ไม่มีอำนาจตามกฎหมายจับกุมจำเลยใช้ปืนขู่บังคับจำเลยเพื่อจะพาไปหาผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างทางมีคนแย่งเอาปืนจาก น. ไปได้แล้ว จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟัน น. ถูกที่ศีรษะกลางหลังและบั้นเอวดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นป้องกัน
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยชิงทรัพย์โดยใช้มีดขอฟันทำร้ายจนเกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่มีเจตนาเอาทรัพย์ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยชิงทรัพย์โดยใช้มีดขอฟันทำร้ายจนเกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่มีเจตนาเอาทรัพย์ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1941/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายร่างกายและการป้องกันสิทธิ: การประเมินภยันตรายเฉพาะหน้าและการใช้สิทธิป้องกันตนเอง
น. ไม่มีอำนาจตามกฎหมายจับกุมจำเลยใช้ปืนขู่บังคับจำเลยเพื่อจะพาไปหาผู้ใหญ่บ้าน ระหว่างทางมีคนแย่งเอาปืนจาก น.ไปได้แล้ว จำเลยจึงใช้มีดพร้าฟัน น. ถูกที่ศีรษะกลางหลังและบั้นเอวดังนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นป้องกัน
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยชิงทรัพย์โดยใช้มีดขอฟันทำร้ายจนเกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่มีเจตนาเอาทรัพย์ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้
ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยชิงทรัพย์โดยใช้มีดขอฟันทำร้ายจนเกิดอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยไม่มีเจตนาเอาทรัพย์ ศาลย่อมมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดฐานทำร้ายร่างกายได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การแย่งมีดและการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากผู้ที่ยังคงมีเจตนาทำร้าย
ผู้ตายเมาสุราใช้มีดปลายแหลมแทงด้วยเจตนาฆ่า ถูกจำเลยทางด้านหลังก่อนจำเลยจึงเข้าแย่งมีดมาได้ แล้วผู้ตายกลับเข้ากอดปล้ำแย่งมีดจากจำเลยอีก เช่นนี้ แสดงว่าผู้ตายยังติดตามคิดจะทำร้ายจำเลยให้ถึงตายตามที่มีเจตนาแต่แรก ดังนั้น การที่จำเลยเสือกมีดไปถูกผู้ตายเกิดบาดแผล 3 แผล ลึก 5 เซนติเมตร ถึงแก่ความตายในขณะที่ผู้ตายกับจำเลยกำลังแย่งมีดกันอย่างชุลมุนในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ เป็นการที่จำเลยกระทำไปเพื่อให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จึงเป็นการกระทำป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1831/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การแย่งมีดและการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงภยันตรายจากผู้ที่ยังคงมีเจตนาทำร้าย
ผู้ตายเมาสุราใช้มีดปลายแหลมแทงด้วยเจตนาฆ่า ถูกจำเลยทางด้านหลังก่อนจำเลยจึงเข้าแย่งมีดมาได้ แล้วผู้ตายกลับเข้ากอดปล้ำแย่งมีดจากจำเลยอีก เช่นนี้ แสดงว่าผู้ตายยังติดตามคิดจะทำร้ายจำเลยให้ถึงตายตามที่มีเจตนาแต่แรก ดังนั้น การที่จำเลยเสือกมีดไปถูกผู้ตายเกิดบาดแผล 3 แผล ลึก 5 เซนติเมตรถึงแก่ความตายในขณะที่ผู้ตายกับจำเลยกำลังแย่งมีดกันอย่างชุลมุนในระยะกระชั้นชิดเช่นนี้ เป็นการที่จำเลยกระทำไปเพื่อให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จึงเป็นการกระทำป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การกระทำเพื่อสกัดกั้นการทำร้ายจากผู้ที่อายุและรูปร่างใหญ่กว่า ถือเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายไม่พอใจจำเลยที่จำเลยยั่วเย้าผู้ตายในการเล่นมอญซ่อนผ้าจึงได้ต่อว่าจำเลยและเตะจำเลย 1 ทีก่อน แล้วชักเหล็กแหลมยาว 1 คืบวิ่งไล่ทำร้ายจำเลยซึ่งมีอายุ 17 ปีและรูปร่างเล็กกว่าผู้ตาย จำเลยเอี้ยวตัวหลบแล้วใช้มีดพกปลายแหลมยาว 1 คืบแทงผู้ตายเพื่อสกัดกั้นมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยไป 1 ที ถูกราวนมซ้ายใต้รักแร้ทะลุเข้าภายในช่องอกแล้ววิ่งหนีไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: การใช้กำลังเพื่อสกัดกั้นการประทุษร้ายจากผู้ที่ร่างกายแข็งแรงกว่า
ผู้ตายไม่พอใจจำเลยที่จำเลยยั่วเย้าผู้ตายในการเล่นมอญซ่อนผ้าจึงได้ต่อว่าจำเลยและเตะจำเลย 1 ทีก่อน แล้วชักเหล็กแหลมยาว 1 คืบ วิ่งไล่ทำร้ายจำเลยซึ่งมีอายุ 17 ปี และรูปร่างเล็กกว่าผู้ตาย จำเลยเอี้ยวตัวหลบแล้วใช้มีดพกปลายแหลมยาว 1 คืบแทงผู้ตายเพื่อสกัดกั้นมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยไป 1 ที ถูกราวนมซ้ายใต้รักแร้ทะลุเข้าภายในช่องอกแล้ววิ่งหนีไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวในกรณีถูกบุกรุกทำร้าย: การกระทำพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนบ้านและเข้าไปในห้องนอนของจำเลยซึ่งเป็นหญิงที่อยู่บ้านแต่ลำพังคนเดียวในเวลาวิกาลและมืดเมื่อจำเลยวิ่งหนีออกมา ผู้ตายก็เข้ากอดปล้ำจนกระทำมิดีมิร้ายจำเลยจำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปในขณะนั้นเพื่อให้ปล่อยผู้ตายไม่ปล่อย จำเลยแทงซ้ำจนผู้ตายปล่อยจำเลย เป็นบาดแผลที่หน้าอก 2 แผล ที่ชายโครง 3 แผล ลึก 2 เซ็นติเมตร ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1747/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวในกรณีถูกบุกรุกทำร้ายร่างกายในเวลากลางคืน ศาลวินิจฉัยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายบุกรุกขึ้นไปบนบ้านและเข้าไปในห้องนอนของจำเลยซึ่งเป็นหญิงที่อยู่บ้านแต่ลำพังคนเดียวในเวลาวิกาลและมืด เมื่อจำเลยวิ่งหนีออกมา ผู้ตายก็เข้ากอดปล้ำจนกระทำมิดีมิร้ายจำเลยจำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายไปในขณะนั้นเพื่อให้ปล่อยผู้ตายไม่ปล่อย จำเลยแทงซ้ำจนผู้ตายปล่อยจำเลย เป็นบาดแผลที่หน้าอก 2 แผล ที่ชายโครง 3 แผล ลึก 2 เซ็นติเมตร ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันพอสมควรแก่เหตุ