คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 68

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 794 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยในคดีอาญา มีสิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แม้ไม่ต่อสู้คดี หรือซักค้านพยานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคน แม้ว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธลอย ๆ และจำเลยไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องป้องกันตัว จำเลยก็นำสืบในเรื่องป้องกันตัวได้ เพราะกระบวนพิจารณาความในคดีอาญาต่างกับในคดีแพ่ง ในคดีอาญา จำเลยไม่ยอมให้การอย่างใดเลย ก็ไม่เป็นไรและไม่ว่าจำเลยจะให้การต่อสู้อย่างไร หรือไม่ให้การเลย ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องก่อนเสมอไป และหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว จำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ เมื่อเป็นดังนี้ จำเลยในคดีอาญาจึงมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ของจำเลยได้โดยไม่จำเป็นต้องให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้ และไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบต่อไปไว้เลยก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยในคดีอาญา มีสิทธิพิสูจน์ความบริสุทธิ์ แม้ไม่ให้การต่อสู้ หรือซักค้านพยานโจทก์
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าคน แม้ว่าจำเลยจะให้การปฏิเสธลอยๆ และจำเลยไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องป้องกันตัว จำเลยก็นำสืบในเรื่องป้องกันตัวได้ เพราะกระบวนพิจารณาความในคดีอาญาต่างกับในคดีแพ่ง ในคดีอาญาจำเลยไม่ยอมให้การอย่างใดเลย ก็ไม่เป็นไรและไม่ว่าจำเลยจะให้การต่อสู้อย่างไรหรือไม่ให้การเลย ก็เป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยตามฟ้องก่อนเสมอไป และหลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วจำเลยมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ เมื่อเป็นดังนี้จำเลยในคดีอาญาจึงมีอำนาจนำพยานเข้าสืบเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ โดยไม่จำเป็นต้องให้การต่อสู้เป็นประเด็นไว้และไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ในเรื่องที่จำเลยจะนำพยานเข้าสืบต่อไปไว้เลยก็ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยเด็กอายุ 16 ปี ต่อผู้ใหญ่ที่แสดงความอันธพาล ศาลเห็นว่าเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ผู้ตายเป็นผู้ใหญ่อายุ 34 ปี และสูงกว่าจำเลย จำเลยเป็นเด็กอายุ 16 ปี ผู้ตายแสดงความอันธพาลเที่ยวเตะคนเล่นเนื่องจากเมาสุราแล้วมาเตะจำเลยก่อน เตะแล้วเตะอีก จำเลยจึงใช้มีดซุยแทงไป 1 ที เพื่อป้องกันตัว ถูกที่ท้องผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 425/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวสำหรับเด็กเมื่อถูกทำร้ายโดยผู้ใหญ่: การใช้กำลังเพื่อป้องกันตนเองที่สมควรแก่เหตุ
ผู้ตายเป็นผู้ใหญ่อายุ 34 ปีและสูงกว่าจำเลย จำเลยเป็นเด็กอายุ 16 ปี ผู้ตายแสดงความอันธพาลเที่ยวเตะคนเล่นเนื่องจากเมาสุราแล้วมาเตะจำเลยก่อน เตะแล้วเตะอีก จำเลยจึงใช้มีดซุยแทงไป 1 ทีเพื่อป้องกันตัวถูกที่ท้องผู้ตายถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้าย: ขนาดรูปร่างและสถานการณ์เป็นเหตุให้การกระทำไม่ผิด
จำเลยเป็นคนขาเป๋เดินไม่ถนัดร่างกายเตี้ยสูงเพียง 147 เซนติเมตรผู้ตายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ การที่ผู้ตายรูปร่างสูงใหญ่กว่าตรงเข้ามาจะฟันแล้วหกล้มจำเลยจึงฟันผู้ตายหลายที เพราะกลัวผู้ตายจะฟันเอาดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 257/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ขนาดรูปร่างและเหตุการณ์ที่ทำให้เกรงกลัวต่อการถูกทำร้าย
จำเลยเป็นคนขาเป๋เดินไม่ถนัดร่างกายเตี้ยสูงเพียง 147 เซนติเมตร ผู้ตายเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ การที่ผู้ตายรูปร่างสูงใหญ่กว่าตรงเข้ามาจะฟังแล้วหกล้ม จำเลยจึงฟันผู้ตายหลานที เพราะกลัวผู้ตายจะฟันเอา ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้เพื่อป้องกันอันตรายต่อตนเองและน้องสาว มิใช่การทำร้ายร่างกายโดยสมัครใจ
ผู้ตายฉุดน้องสาวจำเลยไปจำเลยติดตามไปทัน ผู้ตายเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยจึงต้องต่อสู้และได้รับบาดเจ็บถึง 7 แห่ง เหตุที่เกิดขึ้นจึงมิใช่จำเลยหาเหตุสมัครใจเข้าทำร้ายผู้ตาย ในเมื่อมีเหตุที่จำเลยต้องติดตามมาเอาน้องสาวคืน จึงเป็นการจำต้องทำเพื่อป้องกันอันตรายต่อร่างกายและชีวิตพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การต่อสู้เพื่อป้องกันตัวและช่วยเหลือผู้อื่นจากการถูกทำร้าย โดยมีเหตุมาจากผู้กระทำฉุดตัวบุคคลไป
ผู้ตายฉุดน้องสาวจำเลยไป จำเลยติดตามไปทัน ผู้ตายเข้าทำร้ายจำเลย ๆ จึงต้องต่อสู้และได้รับบาดเจ็บถึง 7 แห่ง เหตุที่เกิดขึ้นจึงมิใช่จำเลยหาเหตุสมัครใจเข้าทำร้ายผู้ตาย ในเมื่อมีเหตุที่จำเลยต้องติดตามมาเอาน้องสาวคืน จึงเป็นการจำต้องทำเพื่อป้องกันอันตราย ต่อร่างกายและชีวิตพอสมควรแก่เหตุ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยิงผู้ต้องสงสัยลักทรัพย์ ไม่เข้าข่ายป้องกันสิทธิโดยชอบธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68
ตอนกลางคืนก่อนเกิดเหตุ ยางแผ่น 4 - 5 แผ่น ของจำเลยหายไป แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้าย จำเลยจึงไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้านไว้
รุ่งเช้าจำเลยพบยางซ่อนอยู่ในป่าและดักซุ่มรอคอยอยู่ห่างกองยาง 10 วา นาน 3 - 4 ชั่วโมง ผู้ตายก็มาเอายางออกจากที่ซ่อนเดินไปได้ 3 - 4 วา จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย
ดังนี้ถือว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิของตน ให้พ้นจากอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 จำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา
ประชุมใหญ่ครั้งที่ 16/2502

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1250/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การดักซุ่มรอและยิงขโมยยาง ไม่ถือเป็นการป้องกันโดยชอบธรรม
ตอนกลางคืนก่อนเกิดเหตุ ยางแผ่น 4-5 แผ่น ของจำเลยหายไป แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนร้าย จำเลยจึงไปแจ้งความต่อผู้ใหญ่บ้านไว้ รุ่งเช้าจำเลยพบยางซ่อนอยู่ในป่าและดักซุ่มรอคอยอยู่ห่างกองยาง 10 วา นาน 3-4 ชั่วโมงผู้ตายก็มาเอายางออกจากที่ซ่อนเดินไปได้ 3-4 วา จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ถือว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นจากอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68 จำเลยจึงมีผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 16/2502)
of 80