พบผลลัพธ์ทั้งหมด 316 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 805/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุจากการถูกคุกคามในเคหสถานและการใช้กำลังป้องกัน
จำเลยกับพวกเกิดวิวาทชกต่อยกับโจทก์ร่วมและพวกในวงสุราหน้าบ้านโจทก์ร่วมมีผู้ห้ามก็เลิกกัน จำเลยพกปืนกลับมาที่วงสุราอีก แต่ถูกโจทก์ร่วมค้นตัวจนหนีกลับบ้านการที่โจทก์ร่วมกับพวกตามไปถึงใต้ถุนบ้านจำเลย จึงเป็นเพราะอยากหาเรื่องกับจำเลย เป็นการตามไปคุกคามจะทำร้ายจำเลยถึงในบ้าน จำเลยใช้ปืนยิงโจทก์ร่วมกับพวกจึงเป็นการป้องกันตัว แต่โจทก์ร่วมกับพวกไม่มีอาวุธอะไรหากจำเลยยิงปืนเพียงนัดเดียวก็น่าจะเป็นเหตุให้หลบหนีไปแล้ว แต่จำเลยยิงปืนถึง 4 นัด กระสุนปืนถูก ว.ถึงแก่ความตาย และถูกโจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3661/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายและการใช้กำลังป้องกันตัวเกินสมควร
ผู้ตายถือเหล็กแหลมไล่แทงจำเลยเนื่องจากโต้เถียงกันเรื่องรถยนต์ของผู้ตายที่ให้จำเลยเป็นคนขับ ถึงแม้จำเลยจะทะเลาะโต้เถียงกับผู้ตายก็ยังฟังไม่ได้ว่าสมัครใจวิวาทกัน การที่ผู้ตายถือเหล็กแหลมไล่แทงจำเลย จึงเป็นการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย ซึ่งจำเลยมีสิทธิที่จะป้องกันสิทธิของตนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2442/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันทรัพย์สินเกินกว่าเหตุ การยิงผู้ตายที่เข้าใจผิดว่าลักทรัพย์ ศาลลดโทษตามมาตรา 69
กระบือของจำเลยถูกลักไปหลายครั้งคงเหลืออยู่ตัวเดียวคืนเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้ตายเดินผ่านหน้าบ้านจำเลยตามทางที่มีคนเดินประจำ จำเลยยิงผู้ตายเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นคนร้ายมาลักกระบือ มีเหตุให้จำเลยต้องป้องกันทรัพย์ แต่ก็เป็นการกระทำที่เกินกว่ากรณีที่จำเป็นต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วย มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 507/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวสำหรับหญิงสาวที่ถูกคุกคามทางเพศและการใช้กำลังเพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง
จำเลยเป็นหญิงสาวอายุ 15 ปี ผู้ตายเป็นชายหนุ่มอายุ 18 ปี ไม่มีภรรยา ขณะเกิดเหตุเป็นยามวิกาล ผู้ตายซึ่งดื่มสุราตั้งแต่ตอนเย็นคงจะเห็นโอกาสเหมาะที่จำเลยอยู่ ตามลำพังกับน้องสาวเล็กๆ จึงเข้าไปหาเพื่อแสดงความรักใคร่ ฉันชู้สาวจำเลยไม่ยินยอม จึงเกิดการขู่เข็ญและปลุกปล้ำกันขึ้น การที่มีดผู้ตายตกลงที่พื้น และจำเลยแย่งได้แล้วเหวี่ยงไปข้างหลัง 1 ที มีบาดแผลเพียงเล็กน้อยไม่ ทำให้ถึงตาย ย่อมเป็นการป้องกันสิทธิของตนซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่พอสมควรแก่เหตุเพราะหากไม่ กระทำ อาจถูกข่มขืนกระทำชำเราได้ แม้ผู้ตายจะเสียหลักพลัดตกลงไปในน้ำหมดสติจมน้ำถึงแก่ความตาย จำเลยก็ไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3045/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้กำลังป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุของเจ้าพนักงาน การใช้อาวุธปืนทำร้ายผู้ที่ไม่มีอาวุธ
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่จับกุม พ. เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน ระหว่างทางผู้เสียหายกับพวกรุมทำร้าย พ. ครั้นจำเลยห้ามปรามผู้เสียหายกลับชกจำเลยล้มลง จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้เสียหาย 1 นัด ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส เมื่อฟังไม่ได้ว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย นับได้ว่าเป็นการกระทำเกินสมควรแก่เหตุ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแทงซ้ำผู้ที่หมดสภาพต่อสู้
ผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยปัดปืนหลุดจากมือผู้ตาย ขณะแย่งปืนกันจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายครั้งแรกเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจะแย่งปืนได้อีก แต่จำเลยก็ยังใช้มีดแทงฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนผู้ตายมีบาดแผลรวม 6 แผลล้วนเป็นแผลฉกรรจ์ ขณะผู้ตายไม่มีอาวุธและผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2635/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การแย่งปืนและการแทงซ้ำจนถึงแก่ความตาย
ผู้ตายจะใช้ปืนยิงจำเลยก่อน จำเลยปัดปืนหลุดจากมือผู้ตาย ขณะแย่งปืนกันจำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายครั้งแรกเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ผู้ตายได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถจะแย่งปืนได้อีก แต่จำเลยก็ยังใช้มีดแทงฟันซ้ำอีกหลายครั้งจนผู้ตายมีบาดแผลรวม 6 แผลล้วนเป็นแผลฉกรรจ์ ขณะผู้ตายไม่มีอาวุธและผู้ตายถึงแก่ความตาย เช่นนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ: การทำร้ายตอบโต้หลังถูกแทง และการเลือกใช้กำลังที่ไม่สมเหตุสมผล
ผู้ตายกับจำเลยเป็นพี่น้องกันอยู่บ้านเดียวกัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน เกิดทะเลาะโต้เถียงกันแล้วหยุดไป ต่อมาผู้ตายใช้มีดปลายแหลมตัวมีดยาว 1 คืบ กว้าง 1 นิ้ว แทงจำเลยก่อน แล้วเดินเข้าหาจำเลยอีก จำเลยจึงเอาไม้กระดานใช้ปิดฝาท่อระบายน้ำซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุตีผู้ตายที่ศีรษะครั้งเดียวถึงตาย ดังนี้ ยังฟังไม่ได้ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่าผู้ตาย แต่ไม้นั้นยาว 99 เซนติเมตร หนา 1 นิ้ว กว้าง 10 เซนติเมตร แทนที่จะตีที่มือเพื่อให้มีดหลุด หรืออวัยวะส่วนอื่นเพื่อมิให้ผู้ตายเข้าทำอันตรายจำเลยได้กลับตีไปที่ศีรษะ จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2031/2525
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การทำร้ายก่อนโดยผู้ตายและพยาน ทำให้จำเลยต้องป้องกันตนเอง
ผู้ตายและ ส. โกรธจำเลยอย่างมากที่จำเลยอ้างว่ามีคนบอกว่าผู้ตายมีเฮโรอีนขายแต่หาตัวคนบอกไม่พบ จึงได้รุมทำร้ายจำเลยจนมีบาดแผลโลหิตไหลที่ปาก จำเลยได้ใช้เหล็กขูดชาฟท์แทงผู้ตายเพื่อให้รอดพ้นจากอันตรายที่ถูกรุมทำร้าย แต่จำเลยแทงผู้ตายหลายที มีบาดแผลฉกรรจ์ ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 186/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในฐานะนายเรือที่ถูกทำร้าย แม้ไม่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่การใช้อาวุธเกินสมควร
จำเลยเป็นกัปตันเรือบรรทุกสินค้าระหว่างประเทศ ขณะเรือกำลังแล่นอยู่ในน่านน้ำผู้ตายกับพวกซึ่งเป็นลูกเรือไม่พอใจจำเลยที่ห้ามมิให้ซื้อสินค้าเข้ามาในประเทศไทยโดยวิธีหลบหนีภาษี จึงช่วยกันยุแหย่ให้พวกช่างกลและเดินเรือหยุดงานกว่า 20 คน และตั้งวงเสพสุรากัน จำเลยขอร้องให้กลับเข้าทำงานก็ไม่เป็นผล มีผู้เตือนจำเลยว่าจะมีคนทำร้าย จำเลยถือปืนลงไปชั้นล่างสวนทางกับผู้ตายและพวกอีก 3 - 4 คน ผู้ตายจะทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้ปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ได้ความว่าแผนกช่างกลและเดินเรือมีลูกเรือแผนกละประมาณ 20 คน วันเกิดเหตุลูกเรือยอมทำงานประมาณ 15 คน และทำงานไปโดยไม่ได้ผลัดเปลี่ยน ขณะเกิดเหตุเรือยังแล่นเดินทางมาอย่างปกติ ฉะนั้น ภยันตรายที่ใกล้จะถึงอันจะเกิดแก่เรือถึงขึ้นอับปางจึงยังไม่มี การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้ตายจึงไม่ใช่การป้องกันมิให้เกิดอันตรายแก่เรือถึงขึ้นอับปางเพราะผู้ตายกับพวกละทิ้งหน้าที่ แต่การที่ผู้ตายกับพวกขึ้นไปพบจำเลย ผู้ตายแสดงกริยาจะเข้าทำร้ายจำเลยและร้องตะโกนให้พรรคพวกนำอาวุธไปให้ ทั้งปรากฏว่ามีพวกของจำเลยคนหนึ่งถือมีดดาบยืนอยู่ที่เชิงบันไดชั้นล่าง จำเลยเป็นนายเรือมีหน้าที่รับผิดชอบในเรือทั้งทรัพย์สินและชีวิตของลูกเรือได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับเหตุร้ายที่เกิดขึ้น กลับถูกผู้ตายกับพวกจะทำร้ายจำเลยซึ่งมีแต่ตัวคนเดียว จำเลยจึงยิงผู้ตาย ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงแต่ผู้ตายกับพวกที่ขึ้นไปอยู่ตรงที่เกิดเหตุไม่มีอาวุธติดตัว คงมีเพียงคนเดียวที่ถือมีดดาบอยู่ตรงเชิงบันได้ชั้นล่างห่างที่เกิดเหตุ จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเพื่อป้องกันจึงเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ