พบผลลัพธ์ทั้งหมด 316 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: พฤติการณ์ข่มขู่และความจำเป็นในการใช้ปืน
ผู้เสียหายกับจำเลยเคยรักใคร่กัน ต่อมาจำเลยเลิกติดต่อกับผู้เสียหาย ผู้เสียหายโกรธเคยตบหน้าจำเลยและมีหนังสือแจ้งว่าจะทำลายล้างจำเลยและมารดาจำเลยจะเอาน้ำกรดสาดหน้าจำเลย วันเกิดเหตุผู้เสียหายมาที่ประตูบ้านจำเลย จำเลยร้องบอกให้มารดาผู้เสียหายมาเอาตัวผู้เสียหายไป มารดาผู้เสียหายบอกให้ผู้เสียหายกลับบ้านแต่ผู้เสียหายกลับเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยบอกให้ออกไป ผู้เสียหายกลับพูดว่าไม่มีใครช่วยมึงได้หรอก พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้เสียหายเข้าไปเพื่อจะทำร้ายจำเลย แต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงเป็นการพยายามฆ่าโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2513/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: ผู้เสียหายมีพฤติกรรมคุกคาม จำเลยมีสิทธิป้องกันตนเองได้ แต่ต้องไม่เกินความจำเป็น
ผู้เสียหายกับจำเลยเคยรักใคร่กัน ต่อมาจำเลยเลิกติดต่อกับผู้เสียหายผู้เสียหายโกรธเคยตบหน้าจำเลยและมีหนังสือแจ้งว่าจะทำลายล้างจำเลยและ มารดาจำเลยจะเอาน้ำกรดสาดหน้าจำเลย วันเกิดเหตุผู้เสียหายมาที่ประตูบ้านจำเลย จำเลยร้องบอกให้มารดาผู้เสียหายมาเอาตัวผู้เสียหายไป มารดาผู้เสียหายบอกให้ผู้เสียหายกลับบ้านแต่ผู้เสียหายกลับเดินเข้าไปหาจำเลย จำเลยบอกให้ออกไปผู้เสียหายกลับพูดว่าไม่มีใครช่วยมึงได้ พฤติการณ์เช่นนี้ย่อมเห็นได้ว่าผู้เสียหายเข้าไปเพื่อจะทำร้ายจำเลยแต่ไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธ การที่จำเลยใช้ปืนยิงผู้เสียหายจึงเป็นการพยายามฆ่าโดยป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2494/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: ยิงตอบโต้หลังถูกข่มขู่และชักปืนก่อน แม้เป็นฝ่ายป้องกันตัว แต่การยิงหลายนัดและถูกยิงด้านหลังถือเกินกว่าเหตุ
จำเลยที่ 2 พูดทำนองจะฆ่าจำเลยที่ 1 ว่า "มึงตายเสียเถอะไอ้อู๋" และชักปืนออกมาก่อน แม้จะยังไม่ทันได้ยิงเพราะถูกผู้อื่นตบแขน แต่ปืนก็ยังอยู่ในมือประกอบกับห้างนาที่เกิดเหตุกว้างเพียง 4 เมตร ยาว 6 เมตร นับว่าอยู่ในระยะประชิดตัวกัน ดังนี้จำเลยที่ 1 จำต้องยิงจำเลยที่ 2 เพื่อป้องกันตัวได้แต่การที่จำเลยทั้งสองยิงกันหลายนัด จำเลยที่ 2 มีบาดแผลถูกกระสุนปืนที่ด้านหลังและที่ใต้รักแร้ แพทย์ผู้ตรวจและรักษาว่าถูกยิงข้างหลังนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกันตัวเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2494/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่ากรณีจำเป็น: การยิงตอบโต้หลังถูกข่มขู่และชักปืน
จำเลยที่ 2 พูดทำนองจะฆ่าจำเลยที่ 1 ว่า "มึงตายเสียเถอะไอ้อู๋"และชักปืนออกมาก่อนแม้จะยังไม่ทันได้ยิงเพราะถูกผู้อื่นตบแขน แต่ปืนก็ยังอยู่ในมือประกอบกับห้างนาที่เกิดเหตุกว้างเพียง 4 เมตร ยาว 6เมตร นับว่าอยู่ในระยะประชิดตัวกันดังนี้จำเลยที่ 1 จำต้องยิงจำเลยที่ 2 เพื่อป้องกันตัวได้แต่การที่จำเลยทั้งสองยิงกันหลายนัด จำเลยที่ 2 มีบาดแผลถูกกระสุนปืนที่ด้านหลังและที่ใต้รักแร้แพทย์ผู้ตรวจและรักษาว่าถูกยิงข้างหลังนั้นการกระทำของจำเลยที่1เป็นการป้องกันตัวเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1428/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินสมควร: การยิงตอบโต้หลังถูกแทงด้วยมีด
ผู้ตายไล่จ้วงแทงจำเลยด้วยมีด ตัวมีดยาวคืบเศษ จำเลยยิงด้วยปืนพก 7.65 ม.ม. 7 นัด เมื่ออยู่ห่าง 1 วา กระสุน 1 นัดพลาดไปถูกผู้อื่นบาดเจ็บ เป็นการกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ความผิดฐานฆ่าคนและพยายามฆ่าคนเป็นกรรมเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การกระทำเกินกว่ากรณีจำต้องป้องกันตนเอง และการพิจารณาเหตุบรรเทาโทษ
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียหายดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในเหตุป้องกัน: การยิงป้องกันภัยที่เกินกว่าเหตุ และความรับผิดทางอาญา
จำเลยเป็นผู้ที่นายสนองเจ้าของร้านสนองพานิชได้ว่าจ้างให้มาคุ้มครองรักษาความปลอดภัยอยู่ที่ร้านสนองพานิช วันเกิดเหตุ ผู้ตาย ผู้เสียหายได้เอาอาวุธปืนใส่ถุงกระดาษมาส่งคืนให้แก่ชายจีนที่ทางเท้าหน้าร้านสนองพานิช ก่อนจะส่งถุงปืนให้ ผู้เสียดึงอาวุธปืนให้โผล่ออกจากถุงเล็กน้อยให้ชายจีนเห็น แล้วชวนกันไปพูดที่ประตูหน้าร้านสนองพานิช จำเลยแลเห็นเหตุการณ์โดยตลอด จำเลยสำคัญผิดว่าบุคคลทั้งสามเป็นคนร้ายจะเข้าไปยิงประทุษร้ายนายสนอง จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงไป 3 นัด กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตายและถูกผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย โดยผู้เสียหายหาได้ชักอาวุธปืนออกมาในอาการที่เห็นว่าจะจ้องยิงประทุษร้ายจำเลยหรือบุคคลในร้านสนองพานิชไม่ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69 การกระทำของจำเลยยังรับฟังไม่ได้ว่าเกิดขึ้นจากความตกใจหรือความกลัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 985/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินกว่าเหตุ: การยิงเพื่อป้องกันตัวเมื่อถูกทำร้ายและห้ามปราม
ผู้ตายมีสนับมือเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยยิงผู้ตายเป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุ พวกผู้ตาย 2 คนวิ่งเข้าไปที่ผู้ตายและจำเลยเพื่อห้ามแต่จำเลยเข้าใจว่าจะเข้าไปรุมทำร้ายจำเลย จำเลยยิงไป 3 นัด เป็นการป้องกันเกินกว่าเหตุเช่นเดียวกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 782/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยยิงผู้ลักแตงเกินกว่าเหตุป้องกันสิทธิ ย่อมมีเจตนาพยายามฆ่า
ผู้เสียหายกับพวกเข้าไปลักแตงในไร่ของจำเลยในเวลากลางคืน จำเลยใช้อาวุธปืน .22 ยิงผู้เสียหายขณะผู้เสียหายกับพวกวิ่งหนี ถูกที่หลังกระสุนฝังใน การที่จำเลยยิงผู้เสียหายโดยเหตุที่ผู้เสียหายลักแตง 2-3 ใบราคาเล็กน้อย กระสุนถูกที่สำคัญตรงหน้าอก ย่อมเล็งเห็นได้ว่ามีเจตนาจะฆ่า จึงเป็นการกระทำที่เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้เสียหายเพื่อป้องกันสิทธิของตนเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัว: ภัยอันตรายใกล้ถึงและการใช้กำลังพอสมควร
ผู้เสียหายใช้ไม้แก่นกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ยาวประมาณ 1 เมตร เป็นอาวุธทำร้ายจำเลยหลายครั้ง และขณะจำเลยล้มลงไปที่พื้นดิน ผู้เสียหายจะใช้ไม้นั้นตีซ้ำอีก นับเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงและยากที่จะหนีให้พ้นภยันตรายนั้นได้ทันท่วงทีเพราะผู้เสียหายอยู่ห่างจำเลย ประมาณ 2-3 เมตรเท่านั้น จำเลยจึงยิงผู้เสียหายเพียง 1 นัด ในขณะนั้น การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิด