พบผลลัพธ์ทั้งหมด 316 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: กรณีตำรวจยิงเพื่อป้องกันตัวจากกลุ่มผู้ทำร้ายร่างกาย
ผู้ตายกับพวกซึ่งมีจำนวนมากคน ได้รายล้อมเข้าไปโดยอาการที่เห็นได้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยมีแต่ตัวคนเดียวและเป็นเวลากลางคืน จำเลยยิงปืนขึ้น สองนัดนัดแรกเป็นการยิงขู่ แต่ผู้ตายกับพวกก็มิได้หยุดยั้ง คงรายล้อมเข้าไปในลักษณะอาการที่จะกลุ้มรุมทำร้ายจำเลยอีก จำเลยใช้ปืนยิงไปนัดที่สองถูกนายเล็กและผู้ตาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2474/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวที่เกินสมควรแก่เหตุ: กรณีจำเลยถูกกลุ่มบุคคลรายล้อมทำร้ายและใช้ปืนยิงตอบโต้
ผู้ตายกับพวกซึ่งมีจำนวนมากคน ได้รายล้อมเข้าไปโดยอาการที่เห็นได้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าทำร้ายจำเลย จำเลยมีแต่ตัวคนเดียวและเป็นเวลากลางคืน จำเลยยิงปืนขึ้นสองนัดนัดแรกเป็นการยิงขู่ แต่ผู้ตายกับพวกก็มิได้หยุดยั้งคงรายล้อมเข้าไปในลักษณะอาการที่จะกลุ้มรุมทำร้ายจำเลยอีก จำเลยใช้ปืนยิงไปนัดที่สองถูกนายเล็กและผู้ตาย ย่อมถือได้ว่าจำเลยจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายอันใกล้จะถึงการกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกัน
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
แม้ว่าผู้ตายกับพวกจะเข้าไปกลุ้มรุมทำร้ายจำเลย แต่พวกผู้ตายไม่มีปืน การที่จำเลยใช้ปืนยิงเพื่อป้องกันเป็นการเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่า และการใช้ดุลยพินิจลงโทษที่แตกต่างกันในแต่ละศาล
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,60,68,69 ให้จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า โดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80,60, และ 72 ให้จำคุก 2 ปี เช่นนี้ เป็นการพิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1714/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาความผิดฐานพยายามฆ่าโดยประเมินเหตุแห่งการกระทำและข้อต่อสู้ของผู้กระทำผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าเพื่อป้องกัน เกินสมควรแก่เหตุ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60,68, 69 ให้จำคุก 3 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่า โดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 60, และ 72ให้จำคุก 2 ปี เช่นนี้ เป็นการพิพากษาแก้มาก ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 17/2515)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1273/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 และ 69 การโต้แย้งข้อเท็จจริงในฎีกา
ที่จะเป็นป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ต้องมีองค์ประกอบสุดท้ายว่า ได้กระทำพอสมควรแก่เหตุด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยฟังว่าจำเลยกระทำเกินสมควรแก่เหตุตามมาตรา 69 จำเลยฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นต่างไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมาเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เช่นนี้ เป็นฎีกาเถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยฟังว่าจำเลยกระทำเกินสมควรแก่เหตุตามมาตรา 69 จำเลยฎีกาโต้แย้งข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นต่างไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังมาเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เช่นนี้ เป็นฎีกาเถียงข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย: การพิจารณาเจตนา, บันดาลโทสะ, และการป้องกันตัว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยอุทธรณ์ว่ากระทำเพื่อป้องกันตัว ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ลงโทษจำคุก 3 ปี โจทก์ฎีกาว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะหรือเพื่อป้องกันตัวพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุก 15 ปี แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกเพียง 4 ปี โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยหนักกว่านั้นไม่ได้ จึงให้จำคุกจำเลย 4 ปีเท่ากำหนดโทษของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1185/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา: ศาลฎีกาพิพากษาตามโทษเดิม แม้เห็นว่ามีเหตุร้ายแรงกว่าที่ศาลล่างวินิจฉัย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยฆ่าผู้ตายโดยบันดาลโทสะลงโทษจำคุก 4 ปี จำเลยอุทธรณ์ว่ากระทำเพื่อป้องกันตัว ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยกระทำเพื่อป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ลงโทษจำคุก 3 ปี โจทก์ฎีกาว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำโดยบันดาลโทสะหรือเพื่อป้องกันตัวพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ให้ลงโทษจำคุก 15 ปี แต่คดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกเพียง 4 ปี โจทก์มิได้อุทธรณ์ ศาลฎีกาจะลงโทษจำเลยหนักกว่านั้นไม่ได้ จึงให้จำคุกจำเลย 4 ปีเท่ากำหนดโทษของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริงและการป้องกันตัว: ศาลยกฟ้องคดีทำร้ายร่างกายถึงแก่ความตาย
จำเลยได้ยินเสียงคนร้องทางฝั่งคลองตรงข้าม เข้าใจว่ามีเรื่องทะเลาะกัน จึงเดินลุยน้ำข้ามไปดู พอถึงก็ถูกคนตีที่แสกหน้าล้มลง เห็นคนตีวิ่งหนีไปทางทิศเหนือ แล้วมีคนวิ่งมาจากทางทิศเหนืออีก ซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดดาบฟันคนที่วิ่งเข้ามานั้น 1 ทีถูกศีรษะกลับปรากฏว่าเป็นนายดินผู้ตายซึ่งเป็นญาติกัน ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง กระทำป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1139/2515 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สำคัญผิดในข้อเท็จจริง ป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ไม่เป็นความผิดอาญา
จำเลยได้ยินเสียงคนร้องทางฝั่งคลองตรงข้าม เข้าใจว่ามีเรื่องทะเลาะกัน จึงเดินลุยน้ำข้ามไปดู พอถึงก็ถูกคนตีที่แสกหน้าล้มลง เห็นคนตีวิ่งหนีไปทางทิศเหนือ แล้วมีคนวิ่งมาจากทางทิศเหนืออีก ซึ่งจำเลยเข้าใจว่าเป็นคนร้ายจะเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดดาบฟันคนที่วิ่งเข้ามานั้น 1 ทีถูกศีรษะกลับปรากฏว่าเป็นนายดินผู้ตายซึ่งเป็นญาติกัน ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง กระทำป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 892/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันผู้อื่นเกินสมควรแก่เหตุ: การยิงในสถานการณ์ชุลมุนและความจำเป็นในการพิจารณาบุคคลและอาวุธ
จำเลยตั้งใจยิงคนร้ายที่ปล้ำอยู่กับบุตรสาวและบุตรเขยของจำเลยในน้ำลึกถึงเอว เพื่อช่วยให้บุตรสาวและบุตรเขยพ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายที่กำลังมีอยู่ โดยไม่พินิจพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อนว่าคนไหนเป็นคนร้าย คนไหนเป็นบุตรสาวบุตรเขย คนร้ายมีอาวุธอะไรหรือไม่ เมื่อลูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงพลาดไปถูกบุตรเขยถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนาเพื่อป้องกันผู้อื่นเกินสมควรแก่เหตุ