พบผลลัพธ์ทั้งหมด 316 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 978/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันสิทธิเกินสมควร: การแทงผู้บุกรุกจนถึงแก่ความตาย และการรอการลงโทษ
เมื่อมีเหตุอันสมควรทำให้จำเลยสำคัญผิดว่า ผู้ตายเป็นคนร้ายเข้ามาทำร้ายจำเลย จำเลยย่อมกระทำการเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้
จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายที่ขึ้นไปบนเรือนและเข้าไปทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงเป็นการป้องกันไป 1 ทีถูกที่หน้าอกของผู้ตายเป็นบาดแผลลึกถึงหัวใจ ซึ่งพอจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้แล้ว จำเลยยังวิ่งไล่ตามไปแทงผู้ตายที่พื้นดินหน้าบันไดเรือนอีกหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตายอยู่ตรงนั้นการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
จำเลยสำคัญผิดว่าผู้ตายเป็นคนร้ายที่ขึ้นไปบนเรือนและเข้าไปทำร้ายจำเลย จำเลยจึงใช้มีดปลายแหลมแทงเป็นการป้องกันไป 1 ทีถูกที่หน้าอกของผู้ตายเป็นบาดแผลลึกถึงหัวใจ ซึ่งพอจะทำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้แล้ว จำเลยยังวิ่งไล่ตามไปแทงผู้ตายที่พื้นดินหน้าบันไดเรือนอีกหลายครั้งจนผู้ตายถึงแก่ความตายอยู่ตรงนั้นการกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 683/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้สิทธิป้องกันทรัพย์สินที่เกินกว่าเหตุ แม้สำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้าย
เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของจำเลยที่ใต้ถุนเรือน การที่จำเลยวิ่งไล่ตามผู้เสียหายออกไปนอกบ้าน ย่อมเป็นการใช้สิทธิกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ แต่การที่จำเลยใช้มีดแทงถูกหลังผู้เสียหาย 4 แผลที่ข้อศอก 1 แผลขณะที่วิ่งไล่ไปทัน โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธหรือแสดงอาการขัดขืนต่อสู้ จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 683/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันสิทธิในทรัพย์สิน: การใช้กำลังเกินความจำเป็น แม้สำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้าย
เมื่อจำเลยสำคัญผิดว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของจำเลยที่ใต้ถุนเรือน การที่จำเลยวิ่งไล่ตามผู้เสียหายออกไปนอกบ้าน ย่อมเป็นการใช้สิทธิกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้ แต่การที่จำเลยใช้มีดแทงถูกหลังผู้เสียหาย 4 แผลที่ข้อศอก 1 แผลขณะที่วิ่งไล่ไปทัน โดยไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายมีอาวุธหรือแสดงอาการขัดขืนต่อสู้ จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนเกินสมควรแก่เหตุ กรณีถูกทำร้ายก่อน และใช้กำลังเกินความจำเป็น
จำเลยเพียงไปต่อว่าผู้ตายด้วยเรื่องที่ผู้ตายกระทำลวนลามภริยาของจำเลย ผู้ตายกลับใช้มือค้ำคอและบีบคอจำเลยล้มลงจำเลยจึงหยิบมีดโต้ฟันส่ง ๆ ไปหลายทีถูกผู้ตายเกิดบาดแผล 9 แผลถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 434/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุ: การใช้กำลังตอบโต้การถูกทำร้ายด้วยอาวุธอันตราย
จำเลยเพียงไปต่อว่าผู้ตายด้วยเรื่องที่ผู้ตายกระทำลวนลามภริยาของจำเลย ผู้ตายกลับใช้มือค้ำคอและบีบคอจำเลยล้มลงจำเลยจึงหยิบมีดโต้ฟันส่ง ๆ ไปหลายทีถูกผู้ตายเกิดบาดแผล 9 แผลถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตนโดยชอบด้วยกฎหมาย: ภยันตรายถึงตัวและการตอบโต้เพื่อความปลอดภัย
ผู้ตายเดินตามหลังจำเลยไป ห่างกันไม่ถึง 1 วา แล้วใช้เหล็กตะบันหมากยาว 9 นิ้วฟุต ปลายแหลมมีคมแทงทำร้ายจำเลยทางด้านหลัง หากจำเลยหลบไม่ทันอาจถูกแทงถึงแก่ความตายได้ ดังนี้ เป็นภยันตรายที่มีมาถึงตัวจำเลย จำเลยมีสิทธิที่จะป้องกันตนได้ ไม่จำต้องหนีและการที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงตอบผู้ตายไปทันทีในขณะนั้น ถูกผู้ตายที่ชายโครงซ้ายแล้วปามีดทิ้งวิ่งหนีไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 253/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตน: ภยันตรายใกล้ตัวและการตอบโต้เพื่อความปลอดภัย
ผู้ตายเดินตามหลังจำเลยไป ห่างกันไม่ถึง 1 วา แล้วใช้เหล็กตะบันหมากยาว 9 นิ้วฟุต ปลายแหลมมีคมแทงทำร้ายจำเลยทางด้านหลัง หากจำเลยหลบไม่ทันอาจถูกแทงถึงแก่ความตายได้ ดังนี้ เป็นภยันตรายที่มีมาถึงตัวจำเลย จำเลยมีสิทธิที่จะป้องกันตนได้ ไม่จำต้องหนีและการที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงตอบผู้ตายไปทันทีในขณะนั้น ถูกผู้ตายที่ชายโครงซ้ายแล้วปามีดทิ้งวิ่งหนีไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุโดยชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ป้องกันเกินกว่าเหตุ: การใช้กำลังป้องกันเมื่อถูกฉุดลาก แม้มีสิทธิป้องกัน แต่ต้องสมควรแก่เหตุ
จำเลยกับผู้ตายเคยอยู่กินเป็นสามีภริยากันมาก่อนแล้วแยกกันวันเกิดเหตุผู้ตายชักชวนจำเลยให้กลับไปอยู่กินเป็นสามีภริยากันตามเดิมจำเลยไม่ยอมไป ผู้ตายก็เข้าจับมือจะฉุดลากเอาตัวไป การที่ผู้ตายจะเข้าฉุดลากเอาตัวจำเลยไป ผู้ตายไม่มีอำนาจจะกระทำเช่นนั้นได้ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำป้องกันตน แต่การที่จำเลยใช้มีดง้าว ตัวมีดยาว1 ศอก ด้ามยาว 1 ศอกเหวี่ยงไปมาเพื่อกันมิให้ผู้ตายเข้าจับตัวจำเลยถูกผู้ตายที่คอด้านหน้าข้างซ้ายลึกตัดกระดูกคอหลอดลม เส้นคอขาดถึงแก่ความตาย โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีอาวุธอะไร ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 175/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ: การใช้กำลังเกินสมควรแม้ถูกทำร้ายก่อน
จำเลยกับผู้ตายเคยอยู่กินเป็นสามีภริยากันมาก่อนแล้วแยกกัน วันเกิดเหตุผู้ตายชักชวนจำเลยให้กลับไปอยู่กินเป็นสามีภริยากันตามเดิม จำเลยไม่ยอมไป ผู้ตายก็เข้าจับมือจะฉุดลากเอาตัวไป การที่ผู้ตายจะเข้าฉุดลากเอาตัวจำเลยไป ผู้ตายไม่มีอำนาจจะกระทำเช่นนั้นได้ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำป้องกันตนแต่การที่จำเลยใช้มีดง้าวตัวมีดยาว 1 ศอก ด้ามยาว 1 ศอก เหวี่ยงไปมาเพื่อกันมิให้ผู้ตายเข้าจับตัวจำเลย ถูกผู้ตายที่คอด้านหน้าข้างซ้ายลึกตัดกระดูกคอหลอดลม เส้นคอขาดถึงแก่ความตาย โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีอาวุธอะไร ดังนี้ เป็นการกระทำป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 98/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแทงทำร้ายผู้อื่นหลังถูกตบหน้า: บันดาลโทสะ vs. ป้องกันตัว
จำเลยเกิดปากเสียง ด่าทอแล้วใช้มือผลักซึ่งกันและกันกับพวกคนหนึ่งของผู้ตาย ผู้ตายเข้าห้ามให้แยกกันและใช้มือตบหน้าจำเลยไป 1 ที โดยมิได้แสดงอาการว่าจะทำร้ายจำเลยด้วยอาวุธอะไรต่อไปอีก จำเลยได้ชักมีดออกแทงผู้ตายไปทันทีถูกผู้ตายเป็นแผลฉกรรจ์ถึง 3 แผล ถึงแก่ความตาย ดังนี้ จำเลยจะอ้างว่ากระทำเพื่อป้องกันตนเองให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึงหาได้ไม่และการที่ผู้ตายใช้มือตบหน้าจำเลยก่อนเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นการข่มเหงจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยแทงทำร้ายผู้ตายไปในขณะนั้น จึงเป็นการกระทำความผิดด้วยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72