คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 880

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 273 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 475/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิจากประกันภัยและการรับฝากทรัพย์ที่จำเลยต้องรับผิด
โจทก์ที่ 2 เช่าซื้อรถยนต์จากบริษัท ช. แล้วเอาประกันภัยไว้กับโจทก์ที่ 1 ระบุให้บริษัท ช. เป็นผู้รับประโยชน์ มีสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 374 ก่อนบริษัท ช. แสดงเจตนาเข้าถือเอาประโยชน์ รถที่เช่าซื้อสูญหายไป และโจทก์ที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 โดยตรงแล้ว จึงเป็นกรณีที่คู่สัญญาประกันภัยเปลี่ยนแปลงข้อตกลงระหว่างกันแล้ว โจทก์ที่ 1 ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของโจทก์ที่ 2 ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามมาตรา 880 มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายในนามของตนเองจากลูกหนี้ของโจทก์ที่ 2 ได้ตามมาตรา 226 ส่วนโจทก์ที่ 2 ซึ่งฝากรถยนต์ไว้กับจำเลยและรถหายไป ก็มีสิทธิเรียกค่าเสียหายในส่วนที่ยังขาดอยู่จากจำเลยได้
ปั๊มของจำเลยปฏิบัติต่อลูกค้ามีพฤติการณ์แสดงว่าจำเลยยอมรับรถจากผู้อื่นมาอยู่ในความอารักขาของจำเลยที่ปั๊มนั้น จึงเป็นลักษณะรับฝากทรัพย์ตามมาตรา 657 ไม่ใช่ให้เช่าสถานที่เพื่อจอดรถ
ร. นำรถยนต์ของโจทก์ที่ 2 ไปทดลองขับดูก่อนที่จะซื้อและได้นำไปจอดฝากไว้กับจำเลย ถือได้ว่า ร. เป็นตัวแทนของโจทก์ที่ 2 โดยปริยาย จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 772/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อรถยนต์: อายุความ 10 ปี และความรับผิดของผู้เช่าซื้อต่อเจ้าของรถ
จำเลยเช่าซื้อรถยนต์ของโจทก์ โจทก์เอาประกันภัยรถคันนี้ไว้โดยจำเลยเป็นผู้ชำระเบี้ยประกันภัย รถยนต์ถูกลัก โจทก์เรียกรถและราคาคืนจากจำเลยได้โดยมีอายุความ 10 ปี ตาม มาตรา 164 จำเลยจะเกี่ยงให้โจทก์เรียกเอาจากผู้รับประกันภัยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2313/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับประกันภัยไม่มีสิทธิเรียกร้องจากผู้ทำละเมิด หากกฎหมายแรงงานไม่ได้ให้สิทธินายจ้างเรียกคืนเงินทดแทน
ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงเท่าที่สิทธิของผู้เอาประกันภัยมีอยู่ ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยในฐานะนายจ้างต้องจ่ายเงินทดแทนตามกฎหมายแรงงานให้แก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายนั้น กฎหมายแรงงานเป็นกฎหมายพิเศษใช้บังคับระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างโดยเฉพาะ ไม่ได้ให้สิทธินายจ้างที่จะเรียกเงินทดแทนที่จ่ายไปคืนจากผู้ทำละเมิดต่อลูกจ้างได้ ดังนั้น ผู้รับประกันภัยซึ่งได้จ่ายเงินทดแทนไปแทนนายจ้างผู้เอาประกันภัยก็ย่อมไม่มีสิทธิเช่นเดียวกัน จึงไม่อาจมีการรับช่วงสิทธิกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2313/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับประกันภัยไม่มีสิทธิรับช่วงเรียกค่าเสียหายจากผู้ทำละเมิด หากกฎหมายแรงงานไม่ได้ให้สิทธินายจ้างเรียกคืน
ผู้รับประกันภัยย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกเพียงเท่าที่สิทธิของผู้เอาประกันภัยมีอยู่ ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยในฐานะนายจ้างต้องจ่ายเงินทดแทนตามกฎหมายแรงงานให้แก่ลูกจ้างที่ประสบอันตรายนั้น กฎหมายแรงงานเป็นกฎหมายพิเศษใช้บังคับระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างโดยเฉพาะ ไม่ได้ให้สิทธินายจ้างที่จะเรียกเงินทดแทนที่จ่ายไปคืนจากผู้ทำละเมิดต่อลูกจ้างได้ ดังนั้นผู้รับประกันภัยซึ่งได้จ่ายเงินทดแทนไปแทนนายจ้างผู้เอาประกันภัยก็ย่อมไม่มีสิทธิเช่นเดียวกัน จึงไม่อาจมีการรับช่วงสิทธิกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับช่วงสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับฝากทรัพย์ กรณีรถยนต์สูญหาย และอายุความฟ้องคดี
บ. เอารถยนต์ของ บ. ประกันภัยการสูญหายไว้กับโจทก์และฝากรถยนต์นั้นไว้กับจำเลย รถหาย โจทก์ได้จ่ายเงินค่าประกันภัยให้ บ. แล้วจึงรับช่วงสิทธิเรียกค่าเสียหายจากจำเลย กรณีมิใช่เป็นการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 671 ซึ่งเป็นอายุความใช้สิทธิเรียกร้องในความรับผิดเพื่อใช้เงินค่าบำเหน็จ ค่าใช้จ่ายและค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวแก่การฝากทรัพย์ หากเป็นกรณีเกี่ยวกับเรื่องฟ้องเรียกร้องให้ชดใช้ราคาทรัพย์ซึ่งไม่มีกฎหมายกำหนดอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องใช้อายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164
โจทก์จำเลยท้ากันข้อหนึ่งว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องเกี่ยวกับรถยนต์ซึ่ง บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือไม่ ตามคำท้าดังกล่าวมีความหมายชัดตามตัวอักษรว่ารับกันว่า บ. เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ จำเลยจะอ้างว่าไม่มีเจตนาให้เป็นดังข้อท้าหาได้ไม่ แม้เอกสารที่รับกันจะมีข้อความว่า ส. เป็นผู้เอาประกันภัยและเป็นผู้ฝากรถ ก็ต้องฟังว่า บ. เป็นเจ้าของรถที่แท้จริงตามที่คู่ความรับกันและ ส. มีชื่อตามเอกสารดังกล่าวแต่ในนามแทน บ. เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งเมื่อความเสียหายเกิดจากความผิดของผู้ส่ง/ผู้รับขน
โจทก์รับประกันวินาศภัยเยื่อกระดาษไว้จากบริษัท ต. ในการขนส่งเยื่อกระดาษจากสหรัฐจนถึงคลังสินค้าในประเทศไทย เรือเดินสมุทรได้บรรทุกเยื่อกระดาษมาถึงประเทศไทยแล้ว บริษัท ต. ได้ว่าจ้างจำเลยเอาเรือฉลอมบรรทุกเยื่อกระดาษจากเรือเดินสมุทรไปส่งที่ท่าเรือโรงงานกระดาษ โดยบริษัท ต.มีหน้าที่ขนเยื่อกระดาษขึ้นจากเรือฉลอมเอง ดังนี้ จำเลยจึงมีหน้าที่เพียงขนเยื่อกระดาษจากเรือเดินสมุทรมาเทียบท่าเรือโรงงานกระดาษเท่านั้น เมื่อได้ความว่าเรือฉลอมบรรทุกเยื่อกระดาษมาเทียบท่าเรือโรงงานกระดาษตั้งแต่เวลา 11 น. เศษ แต่คนงานมิได้มาขนเยื่อกระดาษขึ้นจากเรือฝ่ายจำเลยได้ไปเตือนและเร่งรัดแล้วพวกคนงานก็ยังไม่มาจนกระทั่งค่ำ ระหว่างนี้น้ำลงเรื่อยๆ ทำให้เรือเกยตื้นในลักษณะหัวเรือสูงท้ายเรือต่ำ เพราะพื้นแม่น้ำตรงนั้นไม่เรียบ ครั้นเวลาราวเที่ยงคืนมีคนงานมาขนเยื่อกระดาษส่วนหนึ่งที่อยู่ตอนหัวเรือ ต่อมาน้ำเริ่มขึ้น แต่เนื่องจากน้ำหนักถ่วงอยู่ทางท้ายเรือ เรือจึงไม่ลอย น้ำเข้าเรือทำให้เรือจมลงเยื่อกระดาษที่บรรทุกเสียหาย พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าถ้าคนงานมาขนเยื่อกระดาษขึ้นเสียตั้งแต่โอกาสแรกก็จะขนเยื่อกระดาษขึ้นได้หมด เพราะใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น เรือก็จะไม่จม จึงถือได้ว่าการสูญหายหรือบุบสลายเกิดเพราะความผิดของบริษัท ต. ผู้ส่งจำเลยผู้ขนส่งจึงไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 แม้โจทก์จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัท ต. ไป ก็จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 55/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ขนส่งสินค้าเมื่อความเสียหายเกิดจากความผิดของผู้ส่งหรือผู้รับขน
โจทก์รับประกันวินาศภัยเยื่อกระดาษไว้จากบริษัท ต. ในการขนส่งเยื่อกระดาษจากสหรัฐจนถึงคลังสินค้าในประเทศไทยเรือเดินสมุทรได้บรรทุกเยื่อกระดาษมาถึงประเทศไทยแล้วบริษัท ต. ได้ว่าจ้างจำเลยเอาเรือฉลอมบรรทุกเยื่อกระดาษจากเรือเดินสมุทรไปส่งที่ท่าเรือโรงงานกระดาษโดยบริษัท ต. มีหน้าที่ขนเยื่อกระดาษขึ้นจากเรือฉลอมเอง ดังนี้จำเลยจึงมีหน้าที่เพียงขนเยื่อกระดาษจากเรือเดินสมุทรมาเทียบท่าเรือโรงงานกระดาษเท่านั้น เมื่อได้ความว่าเรือฉลอมบรรทุกเยื่อกระดาษมาเทียบท่าเรือโรงงานกระดาษตั้งแต่เวลา 11.00 น.เศษ แต่คนงานมิได้มาขนเยื่อกระดาษขึ้นจากเรือฝ่ายจำเลยได้ไปเตือนและเร่งรัดแล้วพวกคนงานก็ยังไม่มาจนกระทั่งค่ำระหว่างนี้น้ำลงเรื่อยๆ ทำให้เรือเกยตื้นในลักษณะหัวเรือสูงท้ายเรือต่ำเพราะพื้นแม่น้ำตรงนั้นไม่เรียบครั้นเวลาราวเที่ยงคืนมีคนงานมาขนเยื่อกระดาษส่วน.หนึ่งที่อยู่ตอนหัวเรือต่อมาน้ำเริ่มขึ้นแต่เนื่องจากน้ำหนักถ่วงอยู่ทางท้ายเรือเรือจึงไม่ลอย น้ำเข้าเรือทำให้เรือจมลงเยื่อกระดาษที่บรรทุกเสียหายพฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าถ้าคนงานมาขนเยื่อกระดาษขึ้นเสียตั้งแต่โอกาสแรกก็จะขนเยื่อกระดาษขึ้นได้หมดเพราะใช้เวลาเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้นเรือก็จะไม่จม จึงถือได้ว่าการสูญหายหรือบุบสลายเกิดเพราะความผิดของบริษัท ต.ผู้ส่งจำเลยผู้ขนส่งจึงไม่ต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 616 แม้โจทก์จะจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่บริษัท ต. ไปก็จะเรียกค่าเสียหายจากจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2571/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับประกันภัย: จำเลยไม่ต้องรับผิดหากเจ้าของรถยนต์ไม่มีความสัมพันธ์ทางกฎหมายกับผู้ขับขี่ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย
โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ของ ป. คดีได้ความแต่เพียงว่าความเสียหายเกิดเพราะ จ. ขับรถยนต์ของ ป. ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับจำเลยเท่านั้น โจทก์มิได้บรรยายฟ้องหรือนำสืบให้รับฟังได้ว่า จ. ขับรถยนต์ของ ป. ไปในฐานะอะไร และมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับ ป. อันจะเป็นเหตุให้ ป. ต้องร่วมรับผิดในการกระทำละเมิดของ จ. เมื่อ ป. ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์แล้ว จำเลยในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนจึงไม่ต้องรับผิดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้จากละเมิด-ผู้รับประกันภัยฟ้องได้ทันที: ไม่ต้องทวงถามก่อนฟ้อง
หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิด ลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาตั้งแต่เวลาที่ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 206 เจ้าหนี้หาจำต้องเตือนหรือทวงถามก่อนฟ้องไม่
เจ้าของรถที่ถูกชนอื่นชนเสียหายโดยละเมิด ย่อมเป็นเจ้าหนี้และชอบที่จะฟ้องผู้ขับรถอื่นที่ทำละเมิดและนายจ้างของผู้ทำละเมิดนั้นได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องทวงถามให้ใช้ค่าเสียหายก่อน ผู้รับประกันภัยรถที่ถูกชนซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของรถนั้นไปแล้ว ก็ชอบที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ และชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้ รวมทั้งประกันแห่งหนี้นั้นในนามของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 และ 880 ดังนั้น ผู้รับประกันภัยจึงฟ้องนายจ้างของผู้ทำละเมิดได้โดยหาจำต้องบอกกล่าวหรือทวงถามเสียก่อนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้รับประกันภัยมีสิทธิฟ้องผู้ทำละเมิดและนายจ้างได้ทันทีโดยไม่ต้องทวงถามหนี้
หนี้อันเกิดแต่มูลละเมิดลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดมาตั้งแต่เวลาที่ทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 206เจ้าหนี้หาจำต้องเตือนหรือทวงถามก่อนฟ้องไม่
เจ้าของรถที่ถูกรถอื่นชนเสียหายโดยละเมิด ย่อมเป็นเจ้าหนี้และชอบที่จะฟ้องผู้ขับรถอื่นที่ทำละเมิดและนายจ้างของผู้ทำละเมิดนั้นได้เลยโดยไม่จำเป็นต้องทวงถามให้ใช้ค่าเสียหายก่อนผู้รับประกันภัยรถที่ถูกชนซึ่งได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่เจ้าของรถนั้นไปแล้วก็ชอบที่จะเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัยผู้เป็นเจ้าหนี้ได้และชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้รวมทั้งประกันแห่งหนี้นั้นในนามของตนเอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 และ 880ดังนั้นผู้รับประกันภัยจึงฟ้องนายจ้างของผู้ทำละเมิดได้โดยหาจำต้องบอกกล่าวหรือทวงถามเสียก่อนไม่
of 28