คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 278

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2268/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่าเพื่อหวังข่มขืน ศาลฎีกายืนความผิดฐานพยายามฆ่าและอนาจาร แม้การกระทำต่อเนื่องกันเป็นกรรมเดียว
จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกอดปล้ำและบีบคอโจทก์ร่วมจนหายใจไม่ออกและหมดสติไปหลังจากนั้นจำเลยที่1ได้ถอดเสื้อและกางเกงของตนออกคงเหลือแต่กางเกงในพร้อมกับเลิกเสื้อชั้นนอกของโจทก์ร่วมขึ้นและดึงเสื้อชั้นในลงมองเห็นนมข้างซ้ายกับรูดกางเกงของโจทก์ร่วมไปสุดง่ามขามองเห็นกางเกงในทั้งตัวและขณะที่จำเลยที่1กำลังจับนมโจทก์ร่วมโดยนั่งคร่อมโจทก์ร่วมตรงบริเวณท้องน้อยก็พอดีมีคนมาจำเลยที่1จึงหลบหนีไปดังนี้ลักษณะการกระทำของจำเลยทั้งสองยังไม่อยู่ในวิสัยที่จะกระทำชำเราโจทก์ร่วมได้การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราแม้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพก็ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานนี้ไม่ได้จำเลยทั้งสองคงมีความผิดฐานร่วมกันกระทำอนาจารเท่านั้นส่วนบาดแผลที่โจทก์ร่วมได้รับจากการที่ถูกบีบคอนั้นปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลของแพทย์ว่าโจทก์ร่วมมีโลหิตออกที่ใต้ตาขวาทั้งสองข้างมีรอยแดงที่คอด้านขวายาวประมาณ2นิ้วกว้างประมาณ1/3นิ้วด้านซ้ายยาวประมาณ1นิ้วกว้างประมาณ1/3นิ้วเจ็บคอในเวลากลืนซึ่งแพทย์ผู้ตรวจเบิกความว่าลักษณะบาดแผลเช่นนี้เป็นการถูกบีบคออย่างรุนแรงโลหิตเดินไม่สะดวกทำให้เส้นโลหิตฝอยในตาขวาแตกหากไม่ได้รับความช่วยเหลือทันท่วงทีอาจถึงตายได้และถ้าผู้ถูกบีบสลบไปโอกาสที่จะตายมีได้เสมอจำเลยทั้งสองจึงย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำนั้นได้ว่าโจทก์ร่วมอาจถึงแก่ความตายได้จึงเห็นได้ว่าเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าแต่การกระทำไม่บรรลุผลจำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าโจทก์ร่วมเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราแต่การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำผิดต่อกันในคราวเดียวกันยังมิได้ขาดตอนจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารและความยินยอม: พฤติการณ์บ่งชี้ความสัมพันธ์ฉันหนุ่มสาวและการไม่ขัดขืน
ประจักษ์พยานโจทก์มีผู้เสียหายเพียงผู้เดียวคำเบิกความของผู้เสียหายจึงต้องพิเคราะห์ด้วยความระมัดระวัง ผู้เสียหายกับจำเลยรักใคร่กันฉันหนุ่มสาวก่อนเกิดเหตุได้พากันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวสองต่อสองเกือบทั้งวันระหว่างทางกลับบ้านผู้เสียหายไม่สบายมากจำเลยได้พาผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วกอดจูบทำอนาจารผู้เสียหายในห้องพักคนไข้ แม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าขณะจำเลยกอดจูบนางพยาบาลได้ออกจากห้องไปแล้วแต่ภายหลังจากนั้นนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องอีกผู้เสียหายมิได้เล่าเรื่องกอดจูบให้นางพยาบาลทราบพฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2049/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารและการพิจารณาพยานผู้เสียหายเมื่อมีพฤติการณ์รักใคร่กันก่อนเกิดเหตุ
ประจักษ์พยานโจทก์มีผู้เสียหายเพียงผู้เดียวคำเบิกความของผู้เสียหายจึงต้องพิเคราะห์ด้วยความระมัดระวัง ผู้เสียหายกับจำเลยรักใคร่กันฉันหนุ่มสาวก่อนเกิดเหตุได้พากันซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปเที่ยวสองต่อสองเกือบทั้งวันระหว่างทางกลับบ้านผู้เสียหายไม่สบายมากจำเลยได้พาผู้เสียหายไปให้แพทย์ตรวจรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแล้วกอดจูบทำอนาจารผู้เสียหายในห้องพักคนไข้แม้ผู้เสียหายจะเบิกความว่าขณะจำเลยกอดจูบนางพยาบาลได้ออกจากห้องไปแล้วแต่ภายหลังจากนั้นนางพยาบาลก็เข้ามาในห้องอีกผู้เสียหายมิได้เล่าเรื่องกอดจูบให้นางพยาบาลทราบพฤติการณ์น่าเชื่อว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยกระทำจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานกระทำอนาจาร.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท-ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39(4) คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธิฟ้องระงับ
จำเลยบุกรุกที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ดังนี้เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในข้อหากระทำอนาจารซึ่งจำเลยถูกฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)
ในคดีก่อนพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์บรรยายฟ้องไว้และจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุเดียวกันกับคดีนี้ จำเลยกระทำอนาจารนางสาวสำอางค์ โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวนางสาวสำอางค์และใช้กรรไกรจี้บังคับ และแทงเฉี่ยวบริเวณหน้าอกของนางสาวสำอางค์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งนี้เพื่อให้นางสาวสำอางค์ยอมให้จำเลยกระทำชำเรา ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์มาฟ้องจำเลยข้อหาพยายามฆ่าโดยใช้กรรไกรแทงนางสาวสำอางค์เป็นคดีนี้ จึงเป็นการกระทำครั้งคราวเดียวกันและเป็นกรรมเดียวกัน ซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีเดียวดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดหลายบท-ระงับคดี: การกระทำอนาจารถึงที่สุดแล้วห้ามฟ้องคดีบุกรุกซ้ำซ้อน
จำเลยบุกรุกที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทดังนี้เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในข้อหากระทำอนาจารซึ่งจำเลยถูกฟ้องแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาบุกรุกก็เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4) ในคดีก่อนพนักงานอัยการซึ่งเป็นโจทก์บรรยายฟ้องไว้และจำเลยให้การรับสารภาพศาลรับฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุเดียวกันกับคดีนี้จำเลยกระทำอนาจารนางสาวสำอางค์โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวนางสาวสำอางค์และใช้กรรไกรจี้บังคับและแทงเฉี่ยวบริเวณหน้าอกของนางสาวสำอางค์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยทั้งนี้เพื่อให้นางสาวสำอางค์ยอมให้จำเลยกระทำชำเราศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยข้อหาพยายามฆ่าโดยใช้กรรไกรแทงนางสาวสำอางค์เป็นคดีนี้จึงเป็นการกระทำครั้งคราวเดียวกันและเป็นกรรมเดียวกันซึ่งจะต้องฟ้องเป็นคดีเดียวดังนี้ฟ้องของโจทก์จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา39(4).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1193/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท และการระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาซ้ำเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
จำเลยบุกรุกที่เกิดเหตุในเวลาเดียวกับที่กระทำอนาจารโจทก์ที่1ถือว่าเป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเมื่อปรากฏว่าข้อหากระทำอนาจารจำเลยถูกฟ้องและศาลพิพากษาถึงที่สุดไปแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหาบุกรุกย่อมระงับไปตามป.วิ.อ.มาตรา39(4) จำเลยกระทำอนาจารโจทก์ที่1โดยใช้กำลังประทุษร้ายกอดรัดตัวและใช้กรรไกรจี้บังคับและแทงเฉี่ยวบริเวณหน้าอกของโจทก์ที่1ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเมื่อได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำอนาจารแล้วโจทก์จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพยายามฆ่าซึ่งเป็นกรรมเดียวกันอีกไม่ได้ต้องห้ามตามป.วิ.อ.มาตรา39(4).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 932/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานกระทำอนาจารที่ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ ทำให้สิทธิฟ้องระงับ
เหตุที่จำเลยกระทำอนาจารผู้เสียหายอายุ 20 ปี เกิดขึ้นในเวลากลางคืนบนรถโดยสารและข้างทางขณะที่ ป.คนขับลงรถไปปัสสาวะในที่เกิดเหตุคงมีแต่ ป.ซึ่งต้องหาว่าร่วมกระทำผิดด้วยเพียงคนเดียวแต่พนักงานอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง การกระทำผิดของจำเลยจึงมิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล เป็นความผิดอันยอมความได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 281 เมื่อผู้เสียหายยื่นคำร้องของถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (2) ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารโดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหาย ไม่ถือเป็นการขู่เข็ญจนขัดขืนไม่ได้
ผู้เสียหาย 4 คนมีอายุกว่า 13 ปี แต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะส่วนผู้เสียหายอีก 3 คนมีอายุไม่เกิน 13 ปี ผู้เสียหายไปพบจำเลยโดยจำเลยทำอุบายทำนายว่าผู้เสียหายดวงชะตาไม่ดี จะต้องให้จำเลยสะเดาะเคราะห์ให้เมื่อจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายผู้เสียหายบ่นเจ็บ จำเลยบอกให้อดทน ที่จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายได้นั้นก็โดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่หลงเชื่อว่า กรณีที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเป็นการสะเดาะเคราะห์จึงไม่เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย จนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนให้จำยอมให้จำเลยกระทำอนาจาร การกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายที่มีอายุกว่า 13 ปี จึงไม่เป็นความผิด คงมีความผิดเฉพาะที่กระทำต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 279 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารต่อผู้เยาว์โดยอาศัยความหลงเชื่อ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เข้าข่ายขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้าย
ผู้เสียหาย4คนมีอายุกว่า13ปีแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะส่วนผู้เสียหายอีก3คนมีอายุไม่เกิน13ปีผู้เสียหายไปพบจำเลยโดยจำเลยทำอุบายทำนายว่าผู้เสียหายดวงชะตาไม่ดีจะต้องให้จำเลยสะเดาะเคราะห์ให้เมื่อจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายผู้เสียหายบ่นเจ็บจำเลยบอกให้อดทนที่จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายได้นั้นก็โดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่หลงเชื่อว่ากรณีที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเป็นการสะเดาะเคราะห์จึงไม่เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนให้จำเลยกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายที่มีอายุกว่า13ปีจึงไม่เป็นความผิดคงมีความผิดเฉพาะที่กระทำต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน13ปีตามป.อ.มาตรา279วรรคแรก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำอนาจารต่อผู้เยาว์โดยอาศัยความหลงเชื่อและภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ผู้เสียหาย4คนมีอายุกว่า13ปีแต่ยังไม่บรรลุนิติภาวะส่วนผู้เสียหายอีก3คนมีอายุไม่เกิน13ปีผู้เสียหายไปพบจำเลยโดยจำเลยทำอุบายทำนายว่าผู้เสียหายดวงชะตาไม่ดีจะต้องให้จำเลยสะเดาะเคราะห์ให้เมื่อจำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายผู้เสียหายบ่นเจ็บจำเลยบอกให้อดทนที่จำเลยใช้อวัยวะเพศของจำเลยสอดเข้าไปในทวารหนักของผู้เสียหายได้นั้นก็โดยอาศัยความเบาปัญญาของผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้เยาว์ที่หลงเชื่อว่ากรณีที่จำเลยกระทำต่อผู้เสียหายเป็นการสะเดาะเคราะห์จึงไม่เป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนให้จำยอมให้จำเลยกระทำอนาจารการกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายที่มีอายุกว่า13ปีจึงไม่เป็นความผิดคงมีความผิดเฉพาะที่กระทำต่อผู้เสียหายที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกิน13ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา279วรรคแรก.
of 13