พบผลลัพธ์ทั้งหมด 130 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4194/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การกระทำอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ศาลลงโทษเฉพาะบทหนัก
จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายฉุดผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแล้วจำเลยได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายในขณะเดียวกัน ทั้งนี้ก็โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพียงอย่างเดียวคือจะกระทำอนาจารผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทคือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278,284 ต้องลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดแม้โจทก์จะแยกบรรยายการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อก.และข้อ ค. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4194/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: การฉุดกระชากเพื่ออนาจารและการกระทำอนาจารเป็นกรรมเดียว
จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายฉุดผู้เสียหายไปเพื่อการอนาจารแล้วจำเลยได้กระทำอนาจารแก่ผู้เสียหายในขณะเดียวกัน ทั้งนี้ก็โดยมีเจตนาอันแท้จริงเพียงอย่างเดียวคือจะกระทำอนาจารผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทคือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278, 284 ต้องลงโทษตามมาตรา 284 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดแม้โจทก์จะแยกบรรยายการกระทำความผิดดังกล่าวของจำเลยมาในฟ้องเป็นข้อ ก.และข้อ ค. เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันและจำเลยให้การรับสารภาพศาลจะลงโทษจำเลยหลายกรรมเป็นกระทงความผิดไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2167/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องทุกข์ความผิดพยายามข่มขืน แม้บันทึกคำร้องทุกข์ระบุข้อหากระทำอนาจาร ศาลฎีกาเห็นว่ายังถือเป็นการร้องทุกข์ความผิดฐานพยายามข่มขืนได้
บันทึกคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายมีข้อความว่า จำเลยเข้ากอดปล้ำถอดเสื้อผ้าและพยายามข่มขืนกระทำชำเรา กับได้ทำร้ายผู้เสียหายแต่พนักงานสอบสวนบันทึกระบุข้อหาไว้ว่า ให้ดำเนินคดีในข้อหากระทำอนาจารเท่านั้น ไม่ระบุข้อหาพยายามข่มขืนกระทำชำเราด้วยการไม่ระบุพฤติการณ์ของจำเลยในการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นความบกพร่องของพนักงานสอบสวน เมื่อพนักงานสอบสวนได้ทำการสอบสวนผู้เสียหายในเวลาต่อมา ผู้เสียหายก็ได้ระบุพฤติการณ์ของจำเลยที่ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายไว้ด้วยอย่างชัดแจ้ง ถือได้ว่าผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ในความผิดฐานพยายามข่มขืนกระทำชำเราแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดกรรมเดียว: กระทำอนาจารก่อนข่มขืนฯ สิทธิฟ้องระงับเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุดในความผิดฐานกระทำอนาจาร
ความผิดฐานกระทำอนาจารเช่นจับต้องของสงวนก่อนข่มขืนกระทำชำเรา ก็เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราดังนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหากระทำอนาจาร คดีถึงที่สุดแล้วสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราย่อมระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 54/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: กระทำอนาจารก่อนข่มขืนฯ สิทธิฟ้องระงับเมื่อมีคำพิพากษาถึงที่สุด
ความผิดฐานกระทำอนาจาร เช่น จับต้องของสงวนก่อนข่มขืนกระทำชำเราก็เป็นความผิดกรรมเดียวกับความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ดังนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหากระทำอนาจาร คดีถึงที่สุดแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราย่อมระงับไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3257/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวผิดหลายบท: บุกรุกเพื่อกระทำอนาจาร – ลงโทษตามบทที่มีโทษหนักสุด
จำเลยบุกรุกเข้าไปในห้องนอนในบ้านซึ่งเป็นเคหสถานของผู้เสียหายในขณะผู้เสียหายนอนหลับอยู่ แล้วจำเลยได้กระทำอนาจารผู้เสียหาย ดังนี้ เป็นการกระทำต่อเนื่องยังมิได้ขาดตอน และเจตนาของจำเลยก็เพื่อกระทำอนาจารเท่านั้น แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องเป็นการกระทำสองตอน คือบุกรุกเข้าไปในเคหสถานและกระทำอนาจารซึ่งจำเลยรับสารภาพก็ตาม จะลงโทษจำเลยหลายกรรมต่างกันเป็นหลายกระทงความผิดมิได้ต้องลงโทษฐานกระทำอนาจารตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องที่ไม่บรรยายองค์ประกอบความผิดครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) ทำให้ฟ้องไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าให้ทรัพย์สินอะไรแก่ใครซึ่งเป็นสาระสำคัญของฟ้องที่จะต้องกล่าวถึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157โดยไม่มีข้อความว่าเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดตามมาตรานี้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ทำเอกสารดูแลรักษาเอกสารรับเอกสารหรือมีหน้าที่กรอกข้อความลงในเอกสารซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161,162 จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา278,284 โดยไม่มีรายละเอียดว่ามีการขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือใช้อุบายหลอกลวงใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา340 โดยไม่ได้บรรยายว่าการใช้กำลังประทุษร้ายของจำเลยดังกล่าวจำเลยกระทำอย่างใดเพื่อที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและไม่ปรากฏว่า การใช้กำลังประทุษร้ายนั้นเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ หรือพาเอาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 339อันเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1033/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความไม่สมบูรณ์ของฟ้องอาญา: องค์ประกอบความผิดที่ขาดหายและรายละเอียดที่ไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 โดยไม่ปรากฏรายละเอียดว่าให้ทรัพย์สินอะไร แก่ใคร ซึ่งเป็นสาระสำคัญของฟ้องที่จะต้องกล่าวถึง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยไม่มีข้อความว่า เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดตามมาตรานี้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ทำเอกสารดูแลรักษาเอกสาร รับเอกสาร หรือมีหน้าที่กรอกข้อความลงในเอกสาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 162 จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 (5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278, 284 โดยไม่มีรายละเอียดว่ามีการขู่เข็ญ หรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือใช้อุบายหลอกลวง ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา340 โดยไม่ได้บรรยายว่าการใช้กำลังประทุษร้ายของจำเลยดังกล่าว จำเลยกระทำอย่างใดเพื่อที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและไม่ปรากฏว่าการใช้กำลังประทุษร้ายนั้นเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาเอาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 339 อันเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยไม่มีข้อความว่า เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของความผิดตามมาตรานี้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เห็นว่าจำเลยมีหน้าที่ทำเอกสารดูแลรักษาเอกสาร รับเอกสาร หรือมีหน้าที่กรอกข้อความลงในเอกสาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161, 162 จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158 (5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา278, 284 โดยไม่มีรายละเอียดว่ามีการขู่เข็ญ หรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือใช้อุบายหลอกลวง ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา340 โดยไม่ได้บรรยายว่าการใช้กำลังประทุษร้ายของจำเลยดังกล่าว จำเลยกระทำอย่างใดเพื่อที่จำเลยจะเข้าใจข้อหาและไม่ปรากฏว่าการใช้กำลังประทุษร้ายนั้นเพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือพาเอาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อการอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 339 อันเป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานปล้นทรัพย์ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3575/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องทุกข์และการระงับสิทธิฟ้องคดีอาญาในความผิดอาคารถอนความผิด
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ถอนคำร้องทุกข์ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรกและโจทก์มิได้ฎีกาทั้งคดีมิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล ไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย หรือมิได้เป็นการกระทำแก่บุคคลดังระบุไว้ในมาตรา 285 ย่อมเป็นความผิดอันยอมความกันได้ ตามมาตรา 281 คำร้องขอถอนคำร้องทุกข์จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไป ศาลฎีกาพิพากษากลับให้จำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3575/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การถอนคำร้องทุกข์ของผู้เสียหายทำให้สิทธิในการฟ้องอาญาของโจทก์ระงับได้ หากเป็นความผิดที่ยอมความกันได้
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนคำร้องทุกข์ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ถอนคำร้องทุกข์ แต่เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก และโจทก์มิได้ฎีกา ทั้งคดีมิได้เกิดต่อหน้าธารกำนัล ไม่เป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำรับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย หรือมิได้เป็นการกระทำแก่บุคคลดังระบุไว้ในมาตรา 285 ย่อมเป็นความผิดอันยอมความกันได้ ตามมาตรา 281 คำร้องขอถอนคำร้องทุกข์จึงมีผลทำให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ระงับไป ศาลฎีกาพิพากษากลับให้จำหน่ายคดี