พบผลลัพธ์ทั้งหมด 855 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6427/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ ผู้แพ้คดีไม่อาจขอให้ศาลเพิกถอนคำพิพากษาด้วยเหตุฟังพยานหลักฐานผิด
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่าคำพิพากษาในคดีแพ่งเป็นโมฆะเพราะศาลฟังพยานหลักฐานผิดไปจากความเป็นจริงปรากฏว่าคดีดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้วโดยคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าบ้านพิพาทมิใช่ทรัพย์มรดกของส. โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยผลแห่งคำพิพากษาถึงที่สุดดังกล่าวย่อมผูกพันผู้ร้องซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา145ผู้ร้องจำต้องรับผลแห่งคำพิพากษานั้นจะมาโต้เถียงอีกว่าคำพิพากษาพิจารณาไปโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริงและศาลพิจารณาข้อเท็จจริงในคำพิพากษาไม่ตรงกับความเป็นจริงทั้งๆที่คำพิพากษาให้เป็นฝ่ายแพ้คดีหาได้ไม่ทั้งมิใช่กรณีที่มีกฎหมายสนับสนุนให้ผู้ร้องจะต้องใช้สิทธิทางศาลอันจะยื่นคำร้องเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทเป็นคดีนี้ได้ตามมาตรา55และการขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามมาตรา27นั้นจะต้องยื่นคำร้องขอในคดีที่อ้างว่ามีการพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเองจะยื่นคำร้องขอเป็นคดีใหม่ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ไม่ถูกต้องตามที่อยู่จริง และผลกระทบต่อกระบวนการพิจารณาคดีล้มละลาย
จำเลยอ้างในคำร้องว่าบ้านเลขที่ตามคำฟ้องไม่มีตัวบ้านหรืออาคารที่พักอาศัยและพนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายเรียกของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปปิดไว้ณหอพักระพีพร ซึ่งไม่ใช่บ้านเลขที่ตามคำฟ้องหากเป็นจริงตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวการส่งหมายดังกล่าวก็เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา79และไม่มีผลตามกฎหมายจำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27วรรคหนึ่งประกอบด้วยพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ.2483มาตรา153ดังนั้นศาลชั้นต้นชอบที่จะรับคำร้องของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไปว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยชอบหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5815/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้การพิจารณาคดีไม่ถูกต้อง
จำเลยอ้างในคำร้องว่า บ้านเลขที่ตามคำฟ้อง ไม่มีตัวบ้านหรืออาคารที่พักอาศัย และพนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายเรียกของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปปิดไว้ ณ หอพักระพีพร ซึ่งไม่ใช่บ้านเลขที่ตามคำฟ้อง หากเป็นจริงตามคำร้องของจำเลยดังกล่าว การส่งหมายดังกล่าวก็เป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ.มาตรา 79 และไม่มีผลตามกฎหมาย จำเลยจึงยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 ดังนั้นศาลชั้นต้นชอบที่จะรับคำร้องของจำเลยไว้ไต่สวนต่อไปว่า การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยชอบหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4659/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งอายัดที่ดินโดยศาลเดิมที่ผิดหลง และสิทธิของผู้จัดการมรดกในการขอคุ้มครองสิทธิในคดี
ผู้ร้องเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกของส. ระหว่างที่ส.มีชีวิตได้ซื้อที่ดินจากจำเลยและว่าจ้างจำเลยให้สร้างตึกแถว6ห้องเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนซึ่งส. ชำระค่าซื้อที่ดินและค่าจ้างให้จำเลยครบถ้วนแล้วระหว่างรอการขายและโอนให้ลูกค้าโดยตรงส. ถึงแก่ความตายจากนั้นจำเลยได้โอนขายที่ดินพร้อมตึกแถวให้บุคคลภายนอก2ห้องและกำลังจากขายให้โจทก์ผู้ร้องจึงอายัดที่ดินไว้และยื่นฟ้องจำเลยโดยขอใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาอายัดที่ดินและตึกแถวไว้ก่อนต่อมาศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดีและอยู่ระหว่างการบังคับคดีแต่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นคดีนี้ได้มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดในคดีที่ผู้ร้องเป็นโจทก์ทำให้จำเลยสามารถโอนที่ดินพร้อมตึกแถวให้แก่โจทก์ได้ดังนั้นผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่อาจยื่นคำร้องเข้ามาในคดีเพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครอบหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาลศาลได้สอบถามฟังคำแถลงทนายผู้ร้องทนายโจทก์และตัวจำเลยแล้วจึงมีคำสั่งถือได้ว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาคดีแล้วกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา21(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4659/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอน/แก้ไขคำสั่งอายัดทรัพย์ชั่วคราวในคดีที่เกี่ยวข้องกับมรดกและสิทธิเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา
ระหว่าง ส.ยังมีชีวิตได้ซื้อที่ดินจากจำเลยและว่าจ้างจำเลยสร้างตึกแถว 6 ห้อง บนที่ดินเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชน ส.ได้ชำระค่าที่ดินและค่าจ้างให้จำเลยครบถ้วนแล้ว ระหว่างรอโอนขายให้ลูกค้าโดยตรง ส.ถึงแก่ความตาย จำเลยโอนขายที่ดินและตึกแถว 2 ห้อง ให้แก่บุคคลภายนอก ส่วนที่ดินและตึกแถวที่เหลือจำเลยกำลังจะขายให้โจทก์ ผู้ร้องในฐานะเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกของ ส.จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้น และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวไว้ชั่วคราว ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดี ระหว่างผู้ร้องดำเนินการบังคับคดี ศาลชั้นต้นคดีนี้มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าว และให้จดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ดังนี้ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่อาจยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้ เพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม และเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาล ศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่ง ถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้ว เพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้
คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอน เพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว เมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้ การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราว และมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิม เป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 27 แล้ว
การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อม และเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาล ศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่ง ถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้ว เพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้
คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอน เพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว เมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้ การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราว และมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิม เป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 27 แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4659/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอายัดทรัพย์หลังมีคำพิพากษาและการเพิกถอนคำสั่งอายัดโดยศาลที่ชอบด้วยกฎหมาย
ระหว่างส. ยังมีชีวิตได้ซื้อที่ดินจากจำเลยและว่าจ้างจำเลยสร้างตึกแถว6ห้องบนที่ดินเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนส.ได้ชำระค่าที่ดินและค่าจ้างให้จำเลยครบถ้วนแล้วระหว่างรอโอนขายให้ลูกค้าโดยตรงส.ถึงแก่ความตายจำเลยโอนขายที่ดินและตึกแถว2ห้องให้แก่บุคคลภายนอกส่วนที่ดินและตึกแถวที่เหลือจำเลยกำลังจะขายให้โจทก์ผู้ร้องในฐานะเป็นภริยาและผู้จัดการมรดกของส. จึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวไว้ชั่วคราวศาลชั้นต้นพิพากษาให้ผู้ร้องชนะคดีระหว่างผู้ร้องดำเนินการบังคับคดีศาลชั้นต้นคดีนี้มีคำสั่งให้เพิกถอนการอายัดที่ดินและตึกแถวดังกล่าวและให้จดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาตามยอมในคดีนี้ดังนี้ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่อาจยื่นคำร้องเข้ามาในคดีนี้เพื่อขอให้ได้รับความคุ้มครองหรือบังคับตามสิทธิของตนที่มีอยู่ได้ การที่ศาลชั้นต้นสั่งนัดพร้อมและเมื่อถึงวันนัดคู่ความทุกฝ่ายมาศาลศาลได้สอบถามและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วจึงมีคำสั่งถือว่าศาลได้ให้โอกาสโจทก์จำเลยโต้แย้งคัดค้านคำร้องของผู้ร้องแล้วเพราะโจทก์จำเลยสามารถแถลงคัดค้านคำร้องของผู้ร้องในระหว่างที่ศาลออกนั่งพิจารณาได้ คำสั่งอายัดชั่วคราวในคดีอื่นแม้จะสั่งโดยศาลชั้นต้นเดียวกันศาลชั้นต้นคดีนี้ก็มิอาจก้าวล่วงไปสั่งเพิกถอนเพราะทำให้กระทบกระเทือนถึงสิทธิของผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าวเมื่อความปรากฏต่อศาลชั้นต้นคดีนี้การที่ศาลชั้นต้นคดีนี้ทำการตรวจสอบและฟังคำแถลงของคู่ความทุกฝ่ายแล้วมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เพิกถอนการอายัดชั่วคราวและมีคำสั่งใหม่เพื่อแก้ไขให้ที่ดินและตึกแถวดังกล่าวกลับคืนสู่การอายัดชั่วคราวตามเดิมเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4525/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาที่ไม่ชอบ ศาลฎีกาเพิกถอนกระบวนพิจารณาได้
พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ม. ทนายจำเลยทั้งสองยังภูมิลำเนาแต่ไม่พบเนื่องจากสถานที่ดังกล่าวปิดประตูใส่กุญแจบุคคลข้างเคียงแจ้งว่าม.ย้ายสำนักงานไปอยู่ที่อื่นแล้วพนักงานเดินหมายจึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งศาลเห็นได้ชัดว่าม. ไม่อาจทราบนัดได้ถือว่าเป็นกรณีที่ไม่สามารถส่งหมายให้ได้โดยวิธีธรรมดาควรส่งใหม่อีกครั้งหลังจากทราบแน่ชัดว่าภูมิลำเนาของม. ยังมิได้ย้ายไปอยู่ที่อื่นหรือควรสั่งให้ประกาศหนังสือพิมพ์แทนการส่งหมายธรรมดาประกอบกับยังมีตัวจำเลยทั้งสองคนศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะส่งหมายนัดให้แก่ตัวความทั้งสองทราบอีกชั้นหนึ่งด้วยดังนั้นการที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือว่าได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันดังกล่าวและถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟังโดยชอบแล้วศาลฎีกาชอบที่จะเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา27
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4525/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแจ้งวันนัดพิจารณาคดีที่ไม่ชอบ ศาลไม่อาจถือว่าจำเลยทราบคำพิพากษา
พนักงานเดินหมายนำหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปส่งให้ทนายความของจำเลยทั้งสอง ณ สำนักงานของทนายจำเลยทั้งสองแต่ไม่พบตัวเนื่องจากย้ายสำนักงานไปแล้ว อีกทั้งมิได้มีการส่งหมายนัดดังกล่าวให้แก่ตัวความจึงมีเหตุผลเชื่อได้ว่าจำเลยทั้งสองรวมทั้งทนายความของจำเลยทั้งสองยังไม่ทราบวันนัดเพราะการปิดหมายของพนักงานเดินหมาย ณ สำนักงานทนายความของจำเลยทั้งสองซึ่งย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วนั้นเป็นการแจ้งวันนัดขัดต่อความเป็นจริง การที่จำเลยทั้งสองไม่มาศาลย่อมไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในวันดังกล่าว และถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟังโดยชอบแล้ว ชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นในการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เสียตาม ป.วิ.พ.มาตรา 27
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับสารภาพคำฟ้องโดยผู้ไม่รู้ภาษาไทย: การไต่สวนและพิสูจน์ความเข้าใจ
ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยเป็นคนไทยแต่ไม่รู้ภาษาไทยเพียงพอและขณะศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลยไม่มีล่ามช่วยแปลนั้นศาลชั้นต้นได้ไต่สวนปัญหานี้ตามคำสั่งของศาลฎีกาแล้วปรากฏว่าจำเลยสามารถพูดและเข้าใจภาษาไทยสามารถตอบคำถามทนายจำเลยโจทก์และศาลเป็นภาษาไทยโดยมิต้องใช้ล่ามแปลดังนั้นเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพโดยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาและคำฟ้องแล้วกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลยบันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบไม่ชอบเหตุที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ จำเลยอ้างว่าเป็นคนมีสัญชาติไทยจำเลยก็อาจขอพิสูจน์สัญชาติได้ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมืองพ.ศ.2522มาตรา57
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1187/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสอบคำให้การจำเลยที่ไม่ต้องใช้ล่ามเมื่อจำเลยเข้าใจภาษาไทย
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยเป็นคนไทยแต่ไม่รู้ภาษาไทยเพียงพอและขณะศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลยไม่มีล่ามช่วยแปลนั้น ศาลชั้นต้นได้ไต่สวนปัญหานี้ตามคำสั่งของศาลฎีกาแล้วปรากฏว่า จำเลยสามารถพูดและเข้าใจภาษาไทยสามารถตอบคำถามทนายจำเลย โจทก์ และศาลเป็นภาษาไทยโดยมิต้องใช้ล่ามแปลดังนั้นเมื่อจำเลยให้การรับสารภาพโดยเข้าใจสภาพแห่งข้อหาและคำฟ้องแล้วกระบวนพิจารณาที่ศาลชั้นต้นสอบคำให้การจำเลย บันทึกคำให้การรับสารภาพของจำเลยไว้ จึงเป็นกระบวนพิจารณาที่ชอบ ไม่มีเหตุที่จะให้ดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่
จำเลยอ้างว่าเป็นคนมีสัญชาติไทย จำเลยก็อาจขอพิสูจน์สัญชาติได้ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 57
จำเลยอ้างว่าเป็นคนมีสัญชาติไทย จำเลยก็อาจขอพิสูจน์สัญชาติได้ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 57