คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 27

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 855 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5863/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบต้องยื่นคำร้องภายใน 8 วันนับแต่วันที่ทราบเรื่อง
หลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2533 แล้ว ต่อมาวันที่ 26 กรกฎาคม 2533โจทก์ได้มาตรวจสำนวนและทราบว่ามีการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบและอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้คู่ความฟังแล้วโจทก์จึงขอคัดเอกสารที่เกี่ยวข้องไป หากจะฟังว่าการแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ทราบโดยการปิดประกาศที่หน้าศาลเป็นการไม่ชอบก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบในวันดังกล่าวซึ่งหากโจทก์ประสงค์จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบดังกล่าว โจทก์ก็จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลภายในแปดวันนับแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2533 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ได้ทราบเรื่องผิดระเบียบนั้นตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรคสอง ที่โจทก์มายื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวในวันที่ 9 สิงหาคม 2533จึงเกินกำหนดแปดวัน เป็นคำร้องที่ไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5852/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกล้างโมฆียะกรรมสัญญาประกันชีวิตหลังต่ออายุ และผลผูกพันตามเงื่อนไขที่จำเลยกำหนด
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยแล้ว แม้ยังมิได้ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกา คดีก็ย่อมอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ ช. เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะ คำสั่งอนุญาตของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ ช.ทายาทของโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะได้ ระยะเวลาบอกล้างโมฆียะกรรมไม่ใช่อายุความ จึงไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 191(เดิม) ที่จะย่นเข้าไม่ได้ เมื่อจำเลยผู้รับประกันชีวิตสมัครใจยอมลดระยะเวลาในการบอกล้างโมฆียะกรรมจากกำหนด 5 ปี นับแต่วันทำสัญญาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 865 วรรคสอง ลงมาเป็นกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่จำเลยอนุมัติให้ต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิต จำเลยจึงต้องผูกพันตามนั้น ตามคำร้องขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิตมีข้อความว่าหลังจากครบ 2 ปี นับแต่วันที่จำเลยอนุมัติให้ต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิตจำเลยไม่มีสิทธิโต้แย้งหรือบอกเลิกข้อผูกพันในกรมธรรม์ฉบับนี้แต่ประการใด ซึ่งข้อความดังกล่าวผูกพันจำเลย เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้อนุมัติให้ต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิต เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน2527 จำเลยจึงต้องบอกล้างเสียในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2529 ฉะนั้นเมื่อจำเลยเพิ่งบอกล้างเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2530 จึงเป็นการมิได้บอกล้างโมฆียะกรรมเสียภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน2527 จำเลยจึงต้องผูกพันตามกรมธรรม์ประกันชีวิตดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5852/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและการบอกล้างโมฆียะกรรมสัญญาประกันภัย: ผลของการลดระยะเวลาบอกล้างโดยจำเลย
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยแล้ว แม้ยังมิได้ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกา คดีก็ย่อมอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งอนุญาตให้ ช.เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะ คำสั่งอนุญาตของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาชอบที่จะเพิกถอนคำสั่งของศาลชั้นต้นแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ ช.ทายาทของโจทก์เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะได้
ระยะเวลาบอกล้างโมฆียะกรรมไม่ใช่อายุความ จึงไม่อยู่ในบังคับ ป.พ.พ. มาตรา 191 (เดิม) ที่จะย่นเข้าไม่ได้ เมื่อจำเลยผู้รับประกันชีวิตสมัครใจยอมลดระยะเวลาในการบอกล้างโมฆียะกรรมจากกำหนด 5 ปี นับแต่วันทำสัญญาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 865 วรรคสอง ลงมาเป็นกำหนด 2 ปี นับแต่วันที่จำเลยอนุมัติให้ต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิต จำเลยจึงต้องผูกพันตามนั้น
ตามคำร้องขอต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิตมีข้อความว่าหลังจากครบ 2 ปี นับแต่วันที่จำเลยอนุมัติให้ต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิต จำเลยไม่มีสิทธิโต้แย้งหรือบอกเลิกข้อผูกพันในกรมธรรม์ฉบับนี้แต่ประการใด ซึ่งข้อความดังกล่าวผูกพันจำเลย เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้อนุมัติให้ต่ออายุกรมธรรม์ประกันชีวิตเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2527 จำเลยจึงต้องบอกล้างเสียในวันที่ 9 พฤศจิกายน2529 ฉะนั้น เมื่อจำเลยเพิ่งบอกล้างเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2530 จึงเป็นการมิได้บอกล้างโมฆียะกรรมเสียภายใน 2 ปี นับแต่วันที่ 9 พฤศจิกายน 2527จำเลยจึงต้องผูกพันตามกรมธรรม์ประกันชีวิตดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5713/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การคัดค้านการขายทอดตลาดและการปฏิบัติตามขั้นตอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีรายงานการขายทอดตลาดต่อศาลชั้นต้นเพื่อพิจารณามีคำสั่งอนุญาตให้ขายทอดตลาด เป็นวิธีการขายทอดตลาดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี หากจำเลยทั้งสองเห็นว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบและตนเองได้รับความเสียหาย ชอบที่จะยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีเสร็จลง แต่ต้องไม่ช้ากว่า8 วัน นับแต่ทราบการฝ่าฝืน ขอให้ศาลมีคำสั่งยกกระบวนวิธีการบังคับคดีทั้งสอง หรือวิธีการบังคับใด ๆ โดยเฉพาะหรือขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการอย่างใด ๆ แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27และมาตรา 296 วรรคสอง เมื่อจำเลยทั้งสองมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5392/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคำร้องขออุทธรณ์ในข้อเท็จจริง: คดีมีทุนทรัพย์และการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีมีทุนทรัพย์และต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นรับรองว่า คดีโจทก์มีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นมีหน้าที่พิจารณาเพียงว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงหรือไม่ เท่านั้น การที่ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ให้ยกคำร้อง จึงเป็นการสั่งโดยผิดหลงและเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ ไม่ได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดี และเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและการดำเนินการพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ไม่ชอบเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1) และมาตรา 27 ประกอบด้วย มาตรา 246 และมาตรา 247 แล้วให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องว่าจะรับรองหรือไม่ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5392/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับอุทธรณ์คดีข้อเท็จจริง: ศาลชั้นต้นสั่งผิดพลาดและขัดต่อกฎหมาย
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงให้ยกคำร้อง แล้วมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ เมื่อปรากฏว่า คดีนี้เป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว จึงเป็นการสั่งโดยผิดหลงและเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัย และย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่าจะรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (1) และ27 ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5392/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับรองอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง: ศาลฎีกามีอำนาจเพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่ชอบ แม้เพิ่งยกขึ้นในชั้นฎีกา
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงให้ยกคำร้อง แล้วมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ เมื่อปรากฏว่า คดีนี้เป็นคดีที่ต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว จึงเป็นการสั่งโดยผิดหลงและเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบ เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัย และย้อนสำนวนให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในคำร้องว่าจะรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงหรือไม่ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1) และ 27 ประกอบมาตรา 246 และมาตรา 247

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5285/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าของผู้เชี่ยวชาญไม่ครบถ้วน ทำให้ศาลมิอาจพิพากษาตามคำท้าได้
คู่ความท้ากัน 2 ประการ แต่หนังสือของศาลชั้นต้นคงขอให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์ปัญหาประการแรกว่า ตัวเลข 2 ได้เขียนขึ้นในคราวเดียวกัน หรือเขียนเติมขึ้นในภายหลังเท่านั้นปัญหาประการที่สองที่ว่าตัวเลข 2 เขียนด้วยหมึกจากปากกาคนละด้ามกันหรือไม่ ศาลชั้นต้นไม่ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ จึงยังไม่เป็นไปตามคำท้าที่จะถือว่าโจทก์แพ้คดีได้ กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความให้ครบถ้วนเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5285/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำท้าของผู้เชี่ยวชาญไม่สมบูรณ์ ศาลต้องดำเนินการตามคำท้าให้ครบถ้วน
คู่ความท้ากัน 2 ประการ แต่หนังสือของศาลชั้นต้นคงขอให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์ปัญหาประการแรกว่า ตัวเลข 2 ได้เขียนขึ้นในคราว-เดียวกัน หรือเขียนเติมขึ้นในภายหลังเท่านั้น ปัญหาประการที่สองที่ว่าตัวเลข 2เขียนด้วยหมึกจากปากกาคนละด้ามกันหรือไม่ ศาลชั้นต้นไม่ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ จึงยังไม่เป็นไปตามคำท้าที่จะถือว่าโจทก์แพ้คดีได้ กรณีเป็นเรื่องศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการให้เป็นไปตามคำท้าของคู่ความให้ครบถ้วน เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5146/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพราง สัญญาขายฝาก-เช่า การงดชี้สองสถาน-สืบพยาน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยในฐานะผู้เช่าออกจากที่ดินพิพาทโดยอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์รับซื้อฝากมาจากจำเลยและตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ต่อมาจำเลยเช่าจนครบกำหนดตามสัญญา โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกไปแล้ว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า สัญญาขายฝากเป็นนิติกรรมอำพรางซึ่งทำขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันเงินที่นาย บ.กู้ยืมไปจากโจทก์ ต่อมานาย บ.ชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์แล้ว โจทก์ไม่ยอมให้จำเลยไถ่ถอนการขายฝาก จำเลยไม่เคยรับเงินตามสัญญาขายฝากหรือเช่าที่ดินพิพาทขอให้โจทก์จดทะเบียนไถ่ถอนให้ ดังนี้แม้โจทก์จะให้การแก้ฟ้องแย้งยอมรับว่าสัญญาขายฝากและสัญญาเช่าทำขึ้นเพื่อประกันการกู้ยืมของนาย บ. ข้อเท็จจริงก็ยังฟังไม่ถนัดเสียทีเดียวว่าที่ดินพิพาทเป็นของฝ่ายใด และสัญญาขายฝากกับสัญญาเช่าเป็นโมฆะหรือไม่ทั้งสัญญาขายฝากถึงหากจะเป็นนิติกรรมอำพรางตกเป็นโมฆะ แต่เอกสารสัญญาก็ยังเป็นหลักฐานการค้ำประกันการกู้ยืมได้ สัญญาเช่าที่ดินพิพาทจำเลยก็ปฏิเสธว่าไม่ทราบว่าเป็นการเช่าซึ่งต้องฟังข้อเท็จจริงโดยการสืบพยานหลักฐานกันต่อไป ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดชี้สองสถานและงดสืบพยานเสียนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
of 86