คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 27

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 855 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีและการคัดค้านการขายทอดตลาด: จำเลยต้องยื่นคำคัดค้านตามกฎหมายก่อนการบังคับคดีเสร็จ
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว เมื่อจำเลยเห็นว่าการขายทอดตลาดดังกล่าวไม่เป็นธรรม เนื่องจากผู้เข้าประมูลมีโจทก์เพียงรายเดียว และทรัพย์ที่ขายมีราคาสูงกว่าราคาที่โจทก์ประมูลได้มาก เท่ากับกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีได้กระทำโดยไม่ชอบเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา27 และมาตรา 296 กล่าวคือจำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องขอคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีเสร็จแต่ไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่วันที่ได้ทราบการฝ่าฝืน เมื่อจำเลยมิได้ร้องคัดค้านตามที่กฎหมายกำหนดไว้จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1357/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดี: สิทธิคัดค้านการขายทอดตลาดที่ไม่เป็นธรรม และการขาดสิทธิอุทธรณ์ฎีกา
เจ้าพนักงานบังคับคดีขายทอดตลาดทรัพย์ที่ยึดและศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขายแล้ว เมื่อจำเลยเห็นว่าการขายทอดตลาดดังกล่าวไม่เป็นธรรม เนื่องจากผู้เข้าประมูลมีโจทก์เพียงรายเดียว และทรัพย์ที่ขายมีราคาสูงกว่าราคาที่โจทก์ประมูลได้มาก เท่ากับกล่าวอ้างว่าการบังคับคดีได้กระทำโดยไม่ชอบเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และมาตรา 296 กล่าวคือจำเลยชอบที่จะยื่นคำร้องขอคัดค้านต่อศาลชั้นต้นก่อนการบังคับคดีเสร็จแต่ไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่วันที่ได้ทราบการฝ่าฝืน เมื่อจำเลยมิได้ร้องคัดค้านตามที่กฎหมายกำหนดไว้จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์ฎีกาหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีจากความผิดพลาดของเสมียนทนาย ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย มิอาจเพิกถอนคำสั่งได้
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี และเสมียนทนายได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งใหม่ไว้แล้ว การที่เสมียนทนายจดวันนัดผิดพลาดเป็นเหตุให้โจทก์ไม่มาศาลตามนัด และศาลสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีตาม ป.วิ.พ. มาตรา 201 ดังนี้ศาลมิได้สั่งไปโดยผิดหลงและมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ผิดระเบียบอันโจทก์จะขอให้เพิกถอนเสียได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1271/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดพิจารณา และความรับผิดของเสมียนทนายในการจดวันนัด
วันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีและเสมียนทนายได้ลงชื่อทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งใหม่ไว้แล้ว หากเสมียนทนายจะจดวันนัดผิดพลาดก็เป็นเรื่องของโจทก์เองการสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นเป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 มิได้สั่งไปโดยผิดหลง และมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ผิดระเบียบ โจทก์ขอให้ศาลเพิกถอนไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อจำเลยไม่ติดใจดำเนินคดี
โจทก์ทราบนัดแล้วไม่มาศาลในวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ โดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาตามบทบัญญัติมาตรา 197 วรรค 2 แห่ง ป.วิ.พ.เมื่อจำเลยมิได้ขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป ศาลชั้นต้นย่อมต้องสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความ ตามมาตรา 201 ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดที่ผิดระเบียบ จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องของโจทก์เพราะไม่มีการพิจารณาที่ผิดระเบียบอย่างใดที่จะต้องเพิกถอน ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอไต่สวนของโจทก์จึงชอบแล้ว.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 606/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการจำหน่ายคดีออกจากสารบบความ โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดี
ศาลนัดสืบพยานโจทก์เวลา 9 นาฬิกา และรอโจทก์อยู่จนถึงเวลา 9.35 นาฬิกา โจทก์และพยานโจทก์ก็ยังไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ การที่ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีจึงมิได้เป็นการเข้าใจผิด เพราะตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสองบัญญัติว่าเมื่อโจทก์ไม่มาศาลโดยมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ไม่ว่าจะเป็นประการใด ถือได้ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณา เมื่อจำเลยมิได้ขอให้ดำเนินการพิจารณาคดีต่อไป การที่ศาลสั่งจำหน่ายคดีนั้นเสียจากสารบบความจึงมิได้ดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างใดที่ผิดระเบียบ ที่ศาลยกคำร้องของโจทก์ที่ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่ว่าโจทก์ขาดนัดพิจารณาและสั่งจำหน่ายคดีโดยไม่ไต่สวนคำ ร้องชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้กระบวนการพิจารณาเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นสั่งคำฟ้องของโจทก์ว่า ถ้า ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยไม่ได้ให้โจทก์แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายใน 15 วัน นับแต่วันส่งไม่ได้ มิได้สั่งให้ปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยด้วยวิธีปิดหมายซึ่งไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 76จึงต้องถือว่าศาลยังไม่ได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบและไม่มีผลตามกฎหมาย ศาลชั้นต้นจะต้องดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่แม้จำเลยยื่นคำขอเมื่อพ้นกำหนด 6 เดือนนับแต่วันที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลล่างเพื่อดำเนินกระบวนการใหม่
ศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีปิดหมาย จึงเป็นการไม่ชอบ รายงานการส่งหมายของเจ้าพนักงานศาลก็ขัดแย้งกัน กล่าวคือ ในครั้งแรกรายงานว่าได้ปิดหมายไว้ที่บ้านของจำเลย แต่ในครั้งหลังซึ่งห่างกันเพียงเดือนเศษ รายงานว่าจำเลยรื้อเรือนและไปอยู่ที่อื่นหลายเดือนแล้ว ต้องถือว่าศาลยังมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบ และไม่มีผลตามกฎหมาย
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 280/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายส่งผลให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นโมฆะ ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาใหม่ได้
ศาลชั้นต้นมิได้สั่งให้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย แต่เจ้าพนักงานศาลกลับส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องด้วยวิธีปิดหมาย จึงเป็นการไม่ชอบ รายงานการส่งหมายของเจ้าพนักงานศาลก็ขัดแย้งกัน กล่าวคือ ในครั้งแรกรายงานว่าได้ปิดหมายไว้ที่บ้านของจำเลย แต่ในครั้งหลังซึ่งห่างกันเพียงเดือนเศษ รายงานว่าจำเลยรื้อเรือนและไปอยู่ที่อื่นหลายเดือนแล้ว ต้องถือว่าศาลยังมิได้ส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นตั้งแต่การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยและภายหลังแต่นั้นมาเป็นการไม่ชอบ และไม่มีผลตามกฎหมาย
จำเลยยื่นคำร้องขอพิจารณาใหม่เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันยึดทรัพย์ แต่เมื่อปรากฏว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม และเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องแก่จำเลยให้ถูกต้องแล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 44/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนการพิจารณาคดี: ต้องยื่นคำร้องก่อนมีคำพิพากษา แม้จะยื่นภายใน 8 วันหลังทราบเหตุ
โจทก์กับจำเลยทั้งสามตกลงประนีประนอมยอมความกันและศาลชั้นต้นได้พิพากษาตามยอมแล้ว จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องอ้างว่า การพิจารณาของศาลชั้นต้นผิดระเบียบ เนื่องจากลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในใบแต่งทนายเป็นลายมือชื่อปลอมจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เหตุเหล่านี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น แม้จำเลยที่ 2 จะยื่นคำร้องภายในแปดวันนับแต่วันที่ทราบเหตุดังที่อ้างมาก็ตาม แต่ยื่นมาภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้วจึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27
of 86