พบผลลัพธ์ทั้งหมด 855 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3260/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำแถลงการณ์ไม่ส่งสำเนาไม่กระทบกระบวนการยุติธรรม ศาลพิจารณาจากสำนวนทั้งหมด
คำแถลงการณ์เป็นเพียงคำเสนอของคู่ความเพื่อให้ศาลพิเคราะห์ข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงของฝ่ายตน เป็นการสรุปคดีในข้อที่เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตน ซึ่งจะต้องปรากฏอยู่ในท้องสำนวนเท่านั้น แม้คู่ความจะไม่ทำคำแถลงการณ์ศาลก็จะต้องพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงตลอดท้องสำนวนอยู่แล้ว ทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 186 มิได้มีบทบังคับในกรณีที่คู่ความฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการส่งสำเนาคำแถลงการณ์คำแถลงการณ์ที่ยื่นฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายจึงหามีผลเสียไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3260/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำแถลงการณ์ไม่ส่งสำเนาไม่เสียผลกระทบต่อการพิจารณาคดี ศาลพิจารณาจากสำนวนทั้งหมด
คำแถลงการณ์เป็นเพียงคำเสนอของคู่ความเพื่อให้ศาลพิเคราะห์ข้อกฎหมายหรือข้อเท็จจริงของฝ่ายตนเป็นการสรุปคดีในข้อที่เห็นว่าเป็นประโยชน์แก่ตน ซึ่งจะต้องปรากฏอยู่ในท้องสำนวนเท่านั้น แม้คู่ความจะไม่ทำคำแถลงการณ์ศาลก็จะต้องพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงตลอดท้องสำนวนอยู่แล้วทั้งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 186 มิได้มีบทบังคับในกรณีที่คู่ความฝ่าฝืนบทบัญญัติว่าด้วยการส่งสำเนาคำแถลงการณ์คำแถลงการณ์ที่ยื่นฝ่าฝืนกฎหมายโดยไม่ได้ส่งสำเนาให้คู่ความอีกฝ่ายจึงหามีผลเสียไปไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งบังคับคดี และการเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ไม่บริบูรณ์
ศาลแพ่งเป็นศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดคดีนี้ในชั้นต้นจึงเป็นศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีและทำคำวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องใด ๆอันเกี่ยวด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่เสนอต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 302คำสั่งของศาลจังหวัดธัญบุรีที่อนุญาตให้ขายที่ดินแก่ผู้ที่ประมูลให้ราคาสูงสุดได้เป็นการสั่งในการบังคับคดีแทนศาลแพ่งเท่านั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดฝ่าฝืนต่อกฎหมายก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นและไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืนศาลแพ่งย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าวของศาลจังหวัดธัญญบุรี ซึ่งเป็นศาลที่ดำเนินการบังคับคดีแทนศาลแพ่งได้ ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าราคาสูงสุดที่มีผู้ประมูลได้เป็นราคาที่ต่ำไปมาก โดยต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินมากจำเลยที่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งต้องเสียหายย่อมขอให้ศาลสั่ง เพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3213/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการแก้ไขคำสั่งบังคับคดี และการเพิกถอนการขายทอดตลาดที่ราคต่ำกว่าราคาประเมิน
ศาลแพ่งเป็นศาลที่ได้พิจารณาและชี้ขาดคดีนี้ในชั้นต้น จึงเป็นศาลที่มีอำนาจออกหมายบังคับคดีและทำคำวินิจฉัยชี้ขาดในเรื่องใด ๆ อันเกี่ยวด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่เสนอต่อศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 302 คำสั่งของศาลจังหวัดธัญบุรีที่อนุญาตให้ขายที่ดินแก่ผู้ที่ประมูลให้ราคาสูงสุดได้เป็นการสั่งในการบังคับคดีแทนศาลแพ่งเท่านั้น เมื่อจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการขายทอดตลาดฝ่าฝืนต่อกฎหมายก่อนการบังคับคดีได้เสร็จสิ้นและไม่ช้ากว่า 8 วันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืน ศาลแพ่งย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำสั่งดังกล่าวของศาลจังหวัดธัญญบุรี ซึ่งเป็นศาลที่ดำเนินการบังคับคดีแทนศาลแพ่งได้
ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าราคาสูงสุดที่มีผู้ประมูลได้เป็นราคาที่ต่ำไปมาก โดยต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินมากจำเลยที่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งต้องเสียหายย่อมขอให้ศาลสั่ง เพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้
ในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลนั้น เมื่อปรากฏว่าราคาสูงสุดที่มีผู้ประมูลได้เป็นราคาที่ต่ำไปมาก โดยต่ำกว่าราคาประเมินของเจ้าพนักงานที่ดินมากจำเลยที่เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งต้องเสียหายย่อมขอให้ศาลสั่ง เพิกถอนการขายและขอให้ขายทอดตลาดใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3402/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงาน: สัญญาจ้างสิ้นสุดแล้ว ไม่ต้องขออนุญาตเลิกจ้างตามมาตรา 52 พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์
นายจ้างยื่นคำร้องขอเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้าง ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่าตามคำร้องเป็นเรื่องสัญญาจ้างแรงงานระหว่างผู้ร้องกับลูกจ้างสิ้นสุดลงก่อนแล้ว การสั่งยกคำร้องดังกล่าวโดยยังมิได้สืบพยานหรือมิได้วินิจฉัยตามประเด็นข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านดังกล่าวเป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางยกเรื่องอำนาจฟ้องของผู้ร้องมาวินิจฉัยก่อนว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ใช่เหตุซึ่งจะต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 52 ซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจกระทำ ได้ ไม่ใช่เป็นกรณีที่ดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3402/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแรงงานในการพิจารณาคำร้องเลิกจ้างกรรมการลูกจ้างเมื่อสัญญาจ้างสิ้นสุดแล้ว
นายจ้างยื่นคำร้องขอเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นกรรมการลูกจ้างศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้องโดยเห็นว่าตามคำร้องเป็นเรื่องสัญญาจ้างแรงงานระหว่างผู้ร้องกับลูกจ้างสิ้นสุดลงก่อนแล้ว การสั่งยกคำร้องดังกล่าวโดยยังมิได้สืบพยานหรือมิได้วินิจฉัยตามประเด็นข้อต่อสู้ของผู้คัดค้านดังกล่าวเป็นกรณีที่ศาลแรงงานกลางยกเรื่องอำนาจฟ้องของผู้ร้องมาวินิจฉัยก่อนว่าข้อเท็จจริงตามคำร้องไม่ใช่เหตุซึ่งจะต้องขออนุญาตต่อศาลแรงงานกลางตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์พ.ศ.2518 มาตรา 52 ซึ่งศาลแรงงานกลางมีอำนาจกระทำ ได้ ไม่ใช่เป็นกรณีที่ดำเนินกระบวนพิจารณาไม่ชอบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3362/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ที่อายัดหลังชำระหนี้เกินกำหนดตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ศาลได้ออกหมายอายัดเงินของจำเลยไปยังธนาคาร ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและได้มีคำสั่งกำหนดให้ธนาคารส่งเงินที่โจทก์ขออายัดมาภายใน 7 วัน ธนาคารได้ส่งเงินที่ศาลอายัดมาให้เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2525 ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นได้ยื่นคำร้อง ในวันที่ 8 พฤศจิกายน2525 ขอเฉลี่ยเงินที่ธนาคารส่ง มา ดังนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องภายหลัง ที่ธนาคารส่งเงินมา ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอ เฉลี่ยทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 290 วรรคสี่
แม้ศาลจะได้สั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยเงินรายนี้ไปก่อน แล้วเมื่อศาลเห็นว่าเป็นการผิดระเบียบ ก็อาจสั่งให้ เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และแม้โจทก์จะไม่คัดค้านมาก่อน หรือมาคัดค้านใน ตอนหลัง ก็หาลบล้างอำนาจของศาลในเรื่องนี้ไม่
แม้ศาลจะได้สั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยเงินรายนี้ไปก่อน แล้วเมื่อศาลเห็นว่าเป็นการผิดระเบียบ ก็อาจสั่งให้ เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และแม้โจทก์จะไม่คัดค้านมาก่อน หรือมาคัดค้านใน ตอนหลัง ก็หาลบล้างอำนาจของศาลในเรื่องนี้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3362/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเฉลี่ยทรัพย์ที่อายัด: ต้องยื่นคำขอภายใน 3 เดือนนับจากวันอายัด หากเกินกำหนดไม่มีสิทธิ
ระหว่างพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ศาลได้ออกหมายอายัดเงินของจำเลยไปยังธนาคาร ต่อมาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ยและได้มีคำสั่งกำหนดให้ธนาคารส่งเงินที่โจทก์ขออายัดมาภายใน 7 วัน ธนาคารได้ส่ง เงินที่ศาลอายัดมาให้เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2525 ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นได้ยื่นคำร้อง ในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2525 ขอเฉลี่ยเงินที่ธนาคารส่ง มา ดังนี้เป็นกรณีที่ผู้ร้องเพิ่งมายื่นคำร้องภายหลัง ที่ธนาคารส่งเงินมา ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิที่จะขอ เฉลี่ยทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคสี่ แม้ศาลจะได้สั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเฉลี่ยเงินรายนี้ไปก่อน แล้ว เมื่อศาลเห็นว่าเป็นการผิดระเบียบ ก็อาจสั่งให้ เพิกถอนเสียได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 และแม้โจทก์จะไม่คัดค้านมาก่อน หรือมาคัดค้านใน ตอนหลัง ก็หาลบล้างอำนาจของศาลในเรื่องนี้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3263/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การดำเนินคดีอนาถาและการจำวันนัด: ผลกระทบต่อการพิจารณาคดี
จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ถือว่าจำเลยไม่มีพยานให้ศาลไต่สวนให้ได้ความว่าจำเลยเป็นคนอนาถาให้ยกคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาในชั้นอุทธรณ์เสียเท่ากับวินิจฉัยในเนื้อหาแห่งคำร้องของจำเลยแล้วว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถาต่อมาจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยได้ไต่สวนคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา อ้างเหตุว่าจำวันนัดผิดพลาด การขาดนัดไต่สวนคำร้องมิได้เป็นไปโดยเจตนาศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยจะอ้างเหตุว่าจำวันนัดคลาดเคลื่อนมาเป็นข้ออ้างหาได้ไม่ให้ยกคำร้องของจำเลยเสีย ดังนี้ย่อมมีผลเช่นเดียวกับคำสั่งเดิมที่ว่าจำเลยไม่ใช่คนอนาถา เมื่อจำเลยอุทธรณ์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3233/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: หน้าที่ของทนายความและเสมียนทนายในการยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกเวลา 8.30 นาฬิกา โจทก์จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้ว ครั้นถึงกำหนดนัดโจทก์จำเลยไม่มาศาลโดยไม่มีฝ่ายใดร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องให้ศาลทราบ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 200 ดังนี้ โจทก์จะมาร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวโดยอ้างว่ามิได้จงใจขาดนัดพิจารณา เนื่องจากได้มอบให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี แต่เสมียนทนายเชื่อตามบัญชีนัดความซึ่งปิดไว้ที่กระดานหน้าศาลที่ระบุว่าศาลนัดพิจารณาตอนบ่าย จึงมิได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีในตอนเช้า หาได้ไม่ เพราะเสมียนทนายโจทก์ชอบที่จะยื่นคำร้องดังกล่าวต่อศาลตามที่ได้รับมอบหมาย การที่เสมียนทนายโจทก์ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำจะถือว่าศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผิดระเบียบหาได้ไม่