คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 27

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 855 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3163/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย และสิทธิในการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าทนายจำเลยป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามโจทก์ว่าจะคัดค้านหรือไม่ กลับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปเลย โดยไม่พิเคราะห์ว่ามีเหตุจำเป็นจะต้องเลื่อนคดีหรือไม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 40
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้ว ศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เสมียนทนายจำเลยนั่งฟังการสืบพยานโจทก์อยู่ด้วย และในนัดต่อมาพยานโจทก์ดังกล่าวจะได้มาศาลและให้ทนายจำเลยซักค้านแล้วก็ตาม ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม่เสียความเป็นธรรม เพราะในระหว่างที่ทนายโจทก์หรือศาลซักถามพยานโจทก์นั้น อาจมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบในทางคดีเกิดขึ้น เสมียนทนายผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจว่าความอย่างทนายความได้ จึงไม่มีสิทธิคัดค้านกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินไปในช่วงนั้น นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงบทบัญญัติมาตรา 36 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบังคับว่า การนั่งพิจารณาคดีต้องกระทำต่อหน้าคู่ความที่มาศาลและโดยเปิดเผย อันเป็นกฎหมายที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม
แม้จำเลยจะมิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่ก็ได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นไว้และใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้
การที่ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง เป็นกรณีมีความจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทั้งเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก สมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3163/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย และผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายจำเลยป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง ศาลชั้นต้นมิได้สอบถามโจทก์ว่าจะคัดค้านหรือไม่ กลับมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีไปเลย โดยไม่พิเคราะห์ว่ามีเหตุจำเป็นจะต้องเลื่อนคดีหรือไม่ คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 40
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วศาลชั้นต้นให้โจทก์นำพยานเข้าสืบ แม้ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เสมียนทนายจำเลยนั่งฟังการสืบพยานโจทก์อยู่ด้วย และในนัดต่อมาพยานโจทก์ดังกล่าวจะได้มาศาลและให้ทนายจำเลยซักค้านแล้วก็ตาม ก็ไม่อาจถือได้ว่าไม่เสียความเป็นธรรม เพราะในระหว่างที่ทนายโจทก์หรือศาลซักถามพยานโจทก์นั้น อาจมีข้อได้เปรียบเสียเปรียบในทางคดีเกิดขึ้น เสมียนทนายผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยซึ่งไม่มีอำนาจว่าความอย่างทนายความได้ จึงไม่มีสิทธิคัดค้านกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินไปในช่วงนั้น นอกจากนี้ยังเป็นการหลีกเลี่ยงบทบัญญัติมาตรา 36 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ซึ่งบังคับว่า การนั่งพิจารณาคดีต้องกระทำต่อหน้าคู่ความที่มาศาลและโดยเปิดเผย อันเป็นกฎหมายที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรม
แม้จำเลยจะมิได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่ก็ได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นไว้และใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ผิดระเบียบนั้นเสียได้
การที่ทนายจำเลยขอเลื่อนคดีเพราะเหตุเจ็บป่วยตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง เป็นกรณีมีความจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ ทั้งเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก สมควรอนุญาตให้เลื่อนคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3055/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้, การชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย, และการนำสืบพยานนอกประเด็น
คำให้การจำเลยได้แสดงโดยแจ้งชัดว่า หนี้ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินฉบับแรกได้หักกลบลบหนี้กับหนี้ค่าที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์ครั้งแรก แต่จำเลยกลับนำสืบว่าได้หักหนี้กับหนี้ค่าที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์ครั้งหลังที่ทำในรูปสัญญาเช่าซื้อซึ่งเป็นหนี้คนละรายกัน ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวจึงรับฟังไม่ได้ เพราะเป็นข้อนำสืบนอกประเด็นที่ให้การไว้
ข้อที่ว่าจำเลยมิได้ยื่นต่อศาลและส่งให้แก่โจทก์ซึ่งสำเนาเอกสารก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้น เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านเสียภายในแปดวันนับแต่วันที่จำเลยส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรคสอง โจทก์เพิ่งยกปัญหานี้ขึ้นมาโต้แย้งคัดค้านในชั้นฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
ในกรณีที่หนี้ที่ต้องชำระมีทั้งดอกเบี้ยและหนี้อันเป็นประธาน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 มิได้บังคับว่าลูกหนี้จะขอชำระหนี้อันเป็นประธานโดยยังไม่ชำระดอกเบี้ยไม่ได้เสียเลย เพียงแต่เจ้าหนี้มีสิทธิบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ได้เท่านั้น เมื่อจำเลยขอชำระเงินต้นโดยไม่ชำระดอกเบี้ย โจทก์มิได้บอกปัดไม่ยอมรับชำระเงินต้น กลับยอมรับชำระหนี้ไว้ จึงถือว่าจำเลยชำระเงินต้นให้แก่โจทก์แล้ว คงค้างชำระเฉพาะดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3055/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การหักกลบลบหนี้, การชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย, และข้อจำกัดในการนำสืบพยานนอกประเด็น
คำให้การจำเลยได้แสดงโดยแจ้งชัดว่า หนี้ตามหนังสือสัญญากู้ยืมเงินฉบับแรกได้หักกลบลบหนี้กับหนี้ค่าที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์ครั้งแรก แต่จำเลยกลับนำสืบว่าได้หักหนี้กับหนี้ค่าที่ดินที่จำเลยขายให้โจทก์ครั้งหลังที่ทำในรูปสัญญาเช่าซื้อซึ่งเป็นหนี้คนละรายกัน ข้อนำสืบของจำเลยดังกล่าวจึงรับฟังไม่ได้เพราะเป็นข้อนำสืบนอกประเด็นที่ให้การไว้
ข้อที่ว่าจำเลยมิได้ยื่นต่อศาลและส่งให้แก่โจทก์ซึ่งสำเนาเอกสารก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าสามวันนั้น เมื่อโจทก์มิได้คัดค้านเสียภายในแปดวันนับแต่วันที่จำเลยส่งเอกสารดังกล่าวต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 27 วรรคสอง โจทก์เพิ่งยกปัญหานี้ขึ้นมาโต้แย้งคัดค้านในชั้นฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่วินิจฉัยให้
ในกรณีที่หนี้ที่ต้องชำระมีทั้งดอกเบี้ยและหนี้อันเป็นประธาน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 329 มิได้บังคับว่าลูกหนี้จะขอชำระหนี้อันเป็นประธานโดยยังไม่ชำระดอกเบี้ยไม่ได้เสียเลย เพียงแต่เจ้าหนี้มีสิทธิบอกปัดไม่ยอมรับชำระหนี้ได้เท่านั้น เมื่อจำเลยขอชำระเงินต้นโดยไม่ชำระดอกเบี้ย โจทก์มิได้บอกปัดไม่ยอมรับชำระเงินต้น กลับยอมรับชำระหนี้ไว้ จึงถือว่าจำเลยชำระเงินต้นให้แก่โจทก์แล้ว คงค้างชำระเฉพาะดอกเบี้ย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ, การรับประกันภัย, และการเรียกโจทก์ร่วม กรณีรถยนต์ถูกลัก
โจทก์ได้เช่าซื้อรถยนต์ที่ถูกลักไปจากโจทก์ร่วม และได้เป็นผู้ร่วมเอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้แก่จำเลย โจทก์จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมตามสัญญาเช่าซื้อ เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมและโจทก์ร่วมก็ไม่ฟ้องจำเลยให้รับผิด โจทก์ย่อมเสียหาย ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยและมีสิทธิเรียกผู้ให้เช่าซื้อเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยเนื่องจากเป็นผู้รับประโยชน์และมีส่วนได้เสียโดยตรงอันเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นเห็นจำเป็นที่จะเรียกเข้ามาในคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ในรายการ 7 ของตารางกรมธรรม์ประกันภัยมีว่า "ยกเว้นการใช้เพิ่มเติม ห้ามรับจ้างหรือให้เช่า" แต่ขณะที่คนร้ายลักเอารถยนต์ไปรถยนต์จอดอยู่ ณ ที่เก็บมิได้ถูกลักไปในขณะที่ใช้งานรับจ้างอันเป็นการผิดเงื่อนไขตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่อย่างใด การที่โจทก์ใช้รถยนต์รับจ้างมิได้เป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้รถยนต์ถูกคนร้ายลักไป จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญา
ก่อนวันสืบพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เรียกโจทก์ร่วมเข้ามาในคดีตามคำขอของโจทก์โดยมิได้ส่งสำเนาคำขอของโจทก์ให้แก่จำเลย แต่เมื่อจำเลยทราบความข้อนี้แล้วก็มิได้คัดค้านหรือขอแก้ไขคำให้การเพราะการที่โจทก์ร่วมถูกเรียกเข้ามาในคดีแต่อย่างใดปัญหาว่าการเรียกโจทก์ร่วมเข้ามาในคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว
โจทก์ร่วมถูกเรียกเข้ามาในคดีตามคำขอของโจทก์ มิได้ขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยความสมัครใจเอง โจทก์ร่วมย่อมไม่อาจมีคำขอใดๆ ได้ เมื่อจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามคำฟ้อง และได้ความว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมได้โดยอาศัยคำขอและพยานหลักฐานของโจทก์นั้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2708/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของผู้เช่าซื้อ, การรับประกันภัย, และการเรียกโจทก์ร่วม - กรณีรถยนต์ถูกลัก
โจทก์ได้เช่าซื้อรถยนต์ที่ถูกลักไปจากโจทก์ร่วม และได้เป็นผู้ร่วมเอาประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้แก่จำเลยโจทก์จึงต้องรับผิดต่อโจทก์ร่วมตามสัญญาเช่าซื้อ เมื่อจำเลยไม่ชำระค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ร่วมและโจทก์ร่วมก็ไม่ฟ้องจำเลยให้รับผิด โจทก์ย่อมเสียหาย ถือได้ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้วโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยและมีสิทธิเรียกผู้ให้เช่าซื้อเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยเนื่องจากเป็นผู้รับประโยชน์และมีส่วนได้เสียโดยตรงอันเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นเห็นจำเป็นที่จะเรียกเข้ามาในคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ในรายการ 7 ของตารางกรมธรรม์ประกันภัยมีว่า 'ยกเว้นการใช้เพิ่มเติม ห้ามรับจ้างหรือให้เช่า' แต่ขณะที่คนร้ายลักเอารถยนต์ไป รถยนต์จอดอยู่ ณ ที่เก็บมิได้ถูกลักไปในขณะที่ใช้งานรับจ้างอันเป็นการผิดเงื่อนไขตามกรมธรรม์ประกันภัยแต่อย่างใด การที่โจทก์ใช้รถยนต์รับจ้างมิได้เป็นเหตุโดยตรงที่ทำให้รถยนต์ถูกคนร้ายลักไป จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญา
ก่อนวันสืบพยานศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เรียกโจทก์ร่วมเข้ามาในคดีตามคำขอของโจทก์โดยมิได้ส่งสำเนาคำขอของโจทก์ให้แก่จำเลย แต่เมื่อจำเลยทราบความข้อนี้แล้วก็มิได้คัดค้านหรือขอแก้ไขคำให้การเพราะการที่โจทก์ร่วมถูกเรียกเข้ามาในคดีแต่อย่างใดปัญหาว่าการเรียกโจทก์ร่วมเข้ามาในคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยชอบแล้ว
โจทก์ร่วมถูกเรียกเข้ามาในคดีตามคำขอของโจทก์ มิได้ขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมด้วยความสมัครใจเอง โจทก์ร่วมย่อมไม่อาจมีคำขอใดๆ ได้ เมื่อจำเลยต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามคำฟ้อง และได้ความว่าโจทก์ร่วมเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วมได้โดยอาศัยคำขอและพยานหลักฐานของโจทก์นั้นเอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจอุทธรณ์ของทนายความ และการแก้ไขข้อบกพร่องของอุทธรณ์ที่ไม่มีอำนาจ
ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ โดยทนายความที่ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยทั้งสองแก้ไขข้อบกพร่องเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18, 62
การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยผู้ลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์ไม่มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขได้ตามที่เห็นสมควร เมื่อได้มีการแก้ไขตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว อุทธรณ์นั้นย่อมสมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2091/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจทนายความในการอุทธรณ์: การแก้ไขข้อบกพร่องและผลต่อความสมบูรณ์ของอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับขึ้นมาสู่ศาลอุทธรณ์ โดยทนายความที่ลงชื่อในคำฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจใช้สิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ย่อมสั่งให้ศาลชั้นต้นสั่งให้จำเลยทั้งสองแก้ไขข้อบกพร่องเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 18, 62
การที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยโดยผู้ลงชื่อในฟ้องอุทธรณ์ไม่มีอำนาจนั้นเป็นเรื่องผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะสั่งแก้ไขได้ตามที่เห็นสมควร เมื่อได้มีการแก้ไขตามคำสั่งศาลอุทธรณ์แล้ว อุทธรณ์นั้นย่อม สมบูรณ์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3589/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งเอกสารตามคำสั่งศาลและการแก้ไขคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ ศาลมีอำนาจสอบถามและแก้ไขได้
การที่โจทก์ไม่ส่งเอกสารตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกจากโจทก์เพื่อให้จำเลยตรวจดูก่อนจำเลยยื่นคำให้การนั้นชอบที่ศาลจะสอบถามหรือไต่สวนให้ได้ความว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ศาลกำหนด หรือเป็นการขัดขืนไม่ส่งเอกสารในการพิจารณาคดี และดำเนินการต่อไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดที่อนุโลมให้ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยประสงค์จะอ้างเอกสารเพื่อจะสืบข้อเท็จจริงเรื่องใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 124
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3589/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ส่งเอกสารตามคำสั่งศาล & อำนาจแก้ไขคำสั่งที่ไม่ถูกต้องของศาลชั้นต้น
การที่โจทก์ไม่ส่งเอกสารตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกจากโจทก์เพื่อให้จำเลยตรวจดูก่อนจำเลยยื่นคำให้การนั้น ชอบที่ศาลจะสอบถามหรือไต่สวนให้ได้ความว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามที่ศาลกำหนด หรือเป็นการขัดขืนไม่ส่งเอกสารในการพิจารณาคดี และดำเนินการต่อไปตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้ทั้งไม่มีบทกฎหมายใดที่อนุโลมให้ถือได้ว่าโจทก์ยอมรับว่าไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยประสงค์จะอ้างเอกสารเพื่อจะสืบข้อเท็จจริงเรื่องใดจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ยอมรับข้อเท็จจริงนั้นหรือไม่มีเอกสารเช่นว่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 124
การที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์เพราะเข้าใจโดยผิดหลงศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะแก้ไขให้ถูกต้องได้ส่วนที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 บัญญัติให้ผู้อุทธรณ์อาจอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นซึ่งไม่รับอุทธรณ์ไปยังศาลอุทธรณ์นั้น เป็นเพียงบทบัญญัติที่กำหนดวิธีการที่ผู้อุทธรณ์จะปฏิบัติได้อีกทางหนึ่งเท่านั้นหาใช่เป็นบทบัญญัติที่ห้ามมิให้ศาลชั้นต้นสั่งแก้ไขคำสั่งที่สั่งไปโดยผิดหลงเช่นนั้นไม่
of 86