พบผลลัพธ์ทั้งหมด 855 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2945/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่หลังสัญญาเช่าช่วง/เช่าต่อ การเสนอเอกสารสัญญาไม่ครบถ้วน และการอ้างเอกสารพยานหลักฐาน
หากจำเลยจะโต้แย้ง ว่าโจทก์ดำเนินกระบวนพิจารณาผิดระเบียบโดยโจทก์แนบเอกสารสัญญาที่อ้างถึงในคำฟ้องเฉพาะบางส่วนของสัญญาเท่านั้นจึงต้องเพิกถอนกระบวนพิจารณา และให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 27 จำเลยก็ต้องยกขึ้นคัดค้านก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา ส่วนการส่งสำเนาพยานเอกสารนั้นเนื่องจากโจทก์อ้างเอกสารซึ่งมิได้อยู่ที่โจทก์ โจทก์จึงขอคำสั่งเรียกโดยไม่ส่งสำเนาให้จำเลย แต่แม้จะวินิจฉัยให้เป็นประโยชน์แก่จำเลยว่าเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 ศาลก็มีอำนาจรับฟังเอกสารนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)
แม้ผู้ให้เช่าเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าไม่ได้ เพราะจำเลยซึ่งอยู่ในที่เช่ามาก่อนไม่ยอมออกไป และทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขับไล่จำเลยโดยลำพัง แต่โจทก์ก็ได้ใช้สิทธิตาม ป.พ.พ. ม.549 ประกอบด้วย ม.477 ขอให้ศาลเรียกผู้ร้องสอดซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ตาม ป.ว.พ. ม.57(3) แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย เพราะอยู่ในทรัพย์สินที่เช่าโดยละเมิด มิใช่ฐานะที่จำเลยเป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์ จึงไม่อยู่ในบังคับตาม ป.พ.พ. ม.538 ที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
แม้ผู้ให้เช่าเข้าครอบครองทรัพย์ที่เช่าไม่ได้ เพราะจำเลยซึ่งอยู่ในที่เช่ามาก่อนไม่ยอมออกไป และทำให้โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขับไล่จำเลยโดยลำพัง แต่โจทก์ก็ได้ใช้สิทธิตาม ป.พ.พ. ม.549 ประกอบด้วย ม.477 ขอให้ศาลเรียกผู้ร้องสอดซึ่งเป็นเจ้าของและผู้ให้เช่าเข้ามาเป็นโจทก์ตาม ป.ว.พ. ม.57(3) แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลย เพราะอยู่ในทรัพย์สินที่เช่าโดยละเมิด มิใช่ฐานะที่จำเลยเป็นคู่สัญญาเช่ากับโจทก์ จึงไม่อยู่ในบังคับตาม ป.พ.พ. ม.538 ที่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2191/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์เพื่อบังคับคดี: การยกเว้นทรัพย์เครื่องมือทำฟัน และการเพิกถอนการบังคับคดีที่ต้องดำเนินการภายใน 8 วัน
ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึดทรัพย์ได้หรือไม่นั้น แม้ทรัพย์สินในคดีที่พิพาทราคาไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285 ต้องยื่นคำร้องให้เพิกถอนการบังคับนั้นไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืน
จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285 ต้องยื่นคำร้องให้เพิกถอนการบังคับนั้นไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2191/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยึดทรัพย์เพื่อบังคับคดี: การเพิกถอนการบังคับคดีต้องยื่นภายใน 8 วันนับแต่วันทราบการฝ่าฝืน
ปัญหาว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีจะยึดทรัพย์ได้หรือไม่นั้นแม้ทรัพย์สินในคดีที่พิพาทราคาไม่เกิน 50,000 บาท และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นก็ไม่ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง
จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285 ต้องยื่นคำร้องให้เพิกถอนการบังคับนั้นไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืน
จำเลยอ้างว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 285 ต้องยื่นคำร้องให้เพิกถอนการบังคับนั้นไม่ช้ากว่า 8 วัน นับแต่วันทราบการฝ่าฝืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 284/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดี: การไม่อนุญาตเลื่อนคดีไม่ใช่การขาดนัด และศาลมีอำนาจเพิกถอนกระบวนการพิจารณาที่ไม่ชอบ
ในวันนัดสืบพยาน จำเลยที่ 2 ได้มาศาลและยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีหากแต่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อน ไม่ใช่กรณีที่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มาศาลในวันสืบพยาน และมิได้ร้องขอเลื่อนคดีหรือแจ้งเหตุขัดข้องที่ไม่มาศาลเสียก่อนลงมือสืบพยาน อันจะถือได้ว่าคู่ความฝ่ายนั้นขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรคสอง
กรณีมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยมาตรา 247
กรณีมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาคดีและการพิจารณาพยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะหยิบยกขึ้นวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งและการดำเนินกระบวนพิจารณานั้นเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยมาตรา 247
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปฏิเสธข้ออ้างที่ไม่ชัดเจน, สิทธิในการนำสืบ, และดุลพินิจค่าฤชาธรรมเนียม
ให้การปฏิเสธข้ออ้างในฟ้องแต่ไม่มีเหตุแห่งการปฏิเสธ จำเลยไม่มีข้อนำสืบ แม้จะถามค้านพยานโจทก์ไว้แล้วก็ไม่มีสิทธินำสืบ
แม้คำสั่งศาลชั้นต้นจะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 65 ในการที่สั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัวโดยไม่ให้ตัวความทราบเสียก่อน แต่ศาลชั้นต้นได้สั่งงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาก่อนแล้วจึงได้สั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัว ทั้งได้ส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวของทนายความให้จำเลยทราบก่อนวันอ่านคำพิพากษาแล้วจำเลยจึงไม่ได้รับความเสียหายไม่จำเป็นที่จะต้องเพิกถอนคำสั่ง ศาลชั้นต้นในเรื่องนี้
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไม่เต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่เมื่อคำนึงถึงเหตุดังกล่าวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 ประกอบกับพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของจำเลยด้วยแล้วการที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ในศาลชั้นต้นตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ตั้งฟ้องมานั้นถูกต้องแล้ว
แม้คำสั่งศาลชั้นต้นจะไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 65 ในการที่สั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัวโดยไม่ให้ตัวความทราบเสียก่อน แต่ศาลชั้นต้นได้สั่งงดสืบพยานและนัดฟังคำพิพากษาก่อนแล้วจึงได้สั่งอนุญาตให้ทนายความถอนตัว ทั้งได้ส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวของทนายความให้จำเลยทราบก่อนวันอ่านคำพิพากษาแล้วจำเลยจึงไม่ได้รับความเสียหายไม่จำเป็นที่จะต้องเพิกถอนคำสั่ง ศาลชั้นต้นในเรื่องนี้
แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีไม่เต็มตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้อง แต่เมื่อคำนึงถึงเหตุดังกล่าวในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 161 ประกอบกับพฤติการณ์ในการดำเนินคดีของจำเลยด้วยแล้วการที่ศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจกำหนดให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ในศาลชั้นต้นตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ตั้งฟ้องมานั้นถูกต้องแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3301/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ไม่ทราบคำสั่งศาล และการเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีที่ชอบด้วยกฎหมาย
ในคดีอาญา ศาลได้ทำการไต่สวนมูลฟ้อง สั่งว่าคดีมีมูล ประทับฟ้อง และให้หมายเรียกจำเลยมาให้การแก้คดีและนัดสืบพยานโจทก์ กับให้โจทก์นำส่งหมายภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 3 วัน โดยโจทก์ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งนั้นแล้ว ต่อมาได้มีการนำส่งหมายเรียกแก่จำเลยโดยขอให้ศาลอื่นจัดการส่งให้เพราะจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่น ศาลที่จัดการส่งหมายให้แจ้งมาว่าส่งหมายให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากจำเลยไปอยู่ที่อื่น ไม่มีผู้ใดรับหมายแทน ศาลเจ้าของคดีสั่งลงในหนังสือนำส่งหมายคืนนั้นว่าให้โจทก์ทราบ จะดำเนินการอย่างไรต่อไปให้แถลงภายใน 3 วัน แต่ไม่ปรากำว่าคู่ความได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งนี้ ต่อมาเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่ง - เลยกำหนด 3 วันแล้ว เจ้าพนักงานศาลรายงานว่า โจทก์มิได้มาติดต่อหรือยื่นคำแถลงต่อศาล ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เพราะโจทก์ยังไม่ทราบคำสั่งของศาลที่ให้แถลงภายใน 3 วันนั้น
เมื่อศาลมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้วในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุผลว่า โจทก์มิได้จงใจที่จะทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาแก้คดีและดำเนินคดีต่อไป ศาลได้ตรวจสำนวนและบัญชีนัดแล้ว จึงได้ทราบว่าได้สั่งไปโดยผิดหลง ดังนี้ ศาลนั้นชอบที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้ และแม้จะมิได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และมิได้สอบถามจำเลย ก็ไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้วในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุผลว่า โจทก์มิได้จงใจที่จะทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาแก้คดีและดำเนินคดีต่อไป ศาลได้ตรวจสำนวนและบัญชีนัดแล้ว จึงได้ทราบว่าได้สั่งไปโดยผิดหลง ดังนี้ ศาลนั้นชอบที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้ และแม้จะมิได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และมิได้สอบถามจำเลย ก็ไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3301/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีและการเพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ไม่ทราบคำสั่งศาล
ในคดีอาญา ศาลได้ทำการไต่สวนมูลฟ้อง สั่งว่าคดีมีมูลประทับฟ้อง และให้หมายเรียกจำเลยมาให้การแก้คดีและนัดสืบพยานโจทก์ กับให้โจทก์นำส่งหมายภายใน 7 วัน ถ้าส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 3 วัน โดยโจทก์ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งนั้นแล้ว ต่อมาได้มีการนำส่งหมายเรียกแก่จำเลยโดยขอให้ศาลอื่นจัดการส่งให้เพราะจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลอื่น ศาลที่จัดการส่งหมายให้แจ้งมาว่าส่งหมายให้จำเลยไม่ได้เนื่องจากจำเลยไปอยู่ที่อื่น ไม่มีผู้ใดรับหมายแทน ศาลเจ้าของคดีสั่งลงในหนังสือนำส่งหมายคืนนั้นว่าให้โจทก์ทราบ จะดำเนินการอย่างไรต่อไปให้แถลงภายใน3 วัน แต่ไม่ปรากฏว่าคู่ความได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งนี้ ต่อมาเมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ซึ่งเลยกำหนด 3 วันแล้วเจ้าพนักงานศาลรายงานว่า โจทก์มิได้มาติดต่อหรือยื่นคำแถลงต่อศาล ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าโจทก์ทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 เพราะโจทก์ยังไม่ทราบคำสั่งของศาลที่ให้แถลงภายใน 3 วันนั้น
เมื่อศาลมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้ว ในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุผลว่า โจทก์มิได้จงใจที่จะทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาแก้คดีและดำเนินคดีต่อไป ศาลได้ตรวจสำนวนและบัญชีนัดแล้ว จึงได้ทราบว่าได้ส่งไปโดยผิดหลง ดังนี้ ศาลนั้นชอบที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้ และแม้จะมิได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และมิได้สอบถามจำเลย ก็ไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
เมื่อศาลมีคำสั่งว่า โจทก์ทิ้งฟ้อง ให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความแล้ว ในวันเดียวกันนั้นเองโจทก์ยื่นคำร้องแสดงเหตุผลว่า โจทก์มิได้จงใจที่จะทิ้งฟ้อง ขอให้ศาลเรียกจำเลยมาแก้คดีและดำเนินคดีต่อไป ศาลได้ตรวจสำนวนและบัญชีนัดแล้ว จึงได้ทราบว่าได้ส่งไปโดยผิดหลง ดังนี้ ศาลนั้นชอบที่จะมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีนั้นได้ และแม้จะมิได้ไต่สวนคำร้องของโจทก์ และมิได้สอบถามจำเลย ก็ไม่เป็นการผิดกระบวนพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1326/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแต่งตั้งทนายยื่นฎีกา แม้ไม่มีเอกสารแต่งตั้งในสำนวน ศาลอนุญาตแก้ไขและวินิจฉัยฎีกาได้ หากมีพฤติการณ์น่าเชื่อถือ
ฎีกาของจำเลยมี ล. ทนายความลงชื่อในฐานะทนายจำเลยพฤติการณ์น่าเชื่อว่า จำเลยได้แต่ง ล. เป็นทนายความของจำเลยในคดีนี้แล้วจริง เมื่อปรากฏว่าใบแต่งทนายความสำหรับ ล. ไม่มีอยู่ในสำนวน ศาลก็มีอำนาจที่จะอนุญาตให้แก้ไขจัดทำเสียให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อจำเลยได้แต่ง ล. เข้ามาภายหลังแล้ว ศาลฎีกาย่อมวินิจฉัยฎีกาจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือมอบอำนาจไม่สมบูรณ์ (ไม่ขีดฆ่าอากรแสตมป์) ศาลควรอนุญาตแก้ไข เพื่อให้ใช้เป็นหลักฐานได้
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วน แต่มิได้ขีดฆ่า ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ว โจทก์ขออนุญาตขีดฆ่าอากรแสตมป์ ดังนี้ ศาลควรอนุญาตให้โจทก์ขีดฆ่าอากรแสตมป์และพิจารณาพิพากษาคดีต่อไป ไม่ใช่ยกฟ้องเสียทันที
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1286/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขข้อบกพร่องของเอกสารมอบอำนาจหลังศาลสั่งงดสืบพยาน และการใช้เป็นหลักฐานได้
ใบมอบอำนาจให้ฟ้องคดี ได้เสียอากรโดยปิดแสตมป์ครบถ้วนตามกฎหมายแล้ว เพียงแต่มีข้อบกพร่อง ยังไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์เท่านั้น แต่โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวขออนุญาตขีดฆ่าแล้ว แม้จะเป็นเวลาภายหลังที่ศาลมีคำสั่งให้งดสืบพยาน เพราะเหตุที่ศาลพบข้อบกพร่องดังกล่าวก็ตาม ก็เป็นการสมควรที่จะอนุญาตให้โจทก์ขีดฆ่าได้ เมื่ออนุญาตให้โจทก์ขีดฆ่าอากรแสตมป์แล้ว เอกสารนั้นก็ใช้เป็นพยานหลักฐานได้