คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 27

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 855 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1094/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาขายฝาก-ขายขาด: สิทธิไถ่ถอนยังคงมีผล, ค่าธรรมเนียมเอกสาร, ผู้ร้องสอด
ทำสัญญาขายฝากที่ดินกันโดยทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่อมาได้ตกลงกันขายขาดที่ดินแปลงนั้นแก่ผู้รับซื้อฝาก โดยทำสัญญากันเอง ดังนี้สัญญาขายขาดฉบับหลังนี้ไม่เกิดผลเป็นสัญญาซื้อขายที่ชอบด้วยกฎหมาย ฉะนั้น ผู้ขายฝากยังมีสิทธิไถ่ถอนการขายฝากรายนี้ได้ภายในกำหนดเวลาไถ่ถอนตามสัญญาขายฝากอยู่ และผู้ที่รับโอนสิทธิจากผู้ขายฝาก ก็ย่อมมีสิทธิไถ่ถอนการขายฝากรายนี้ได้เช่นเดียวกัน
คู่ความอ้างเอกสารในสำนวนของศาลเป็นพยาน ไม่ต้องเรียกเอกสารมาจากที่อื่น เมื่อปรากฏว่าผู้อ้างยังไม่ได้เสียค่าอ้าง ศาลก็ชอบที่จะเรียกให้ผู้อ้างชำระค่าธรรมเนียมการอ้างเอกสารนั้นเสียก่อนที่จะพิพากษาคดี ต่อผู้อ้างขัดขืนไม่ชำระตามคำสั่ง ศาลจึงควรไม่รับฟังเป็นพยาน
ในคดีที่มีผู้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่ 3 สู้คดีกับโจทก์จำเลยนั้น แม้ในศาลชั้นต้นจะพิพากษาให้ผู้ร้องสอดและโจทก์แพ้คดีจำเลย โจทก์ไม่อุทธรณ์คงอุทธรณ์เฉพาะผู้ร้องสอดเท่านั้น ก็ตาม ก็ต้องถือว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่บังคับเฉพาะที่เกี่ยวถึงสิทธิของผู้ร้องสอดด้วย ยังหายุติไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งเปลี่ยนแปลงหน้าที่นำสืบ และอำนาจฟ้องของผู้เช่า
คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ ตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแก้ไขหน้าที่นำสืบ และผลของการไม่โต้แย้งคำสั่ง
คำสั่งศาลที่สั่งในเรื่องหน้าที่นำสืบนั้น เมื่อสั่งให้ฝ่ายใดเป็นฝ่ายมีหน้าที่นำสืบก่อนแล้วก็ดี ภายหลังก็ย่อมมีอำนาจสั่งเปลี่ยนแปลงได้เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ และเมื่อศาลสั่งแก้แล้ว คู่ความมิได้โต้แย้งไว้ก็ย่อมอุทธรณ์ฎีกาไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349/2494 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีมรดกอิสลามในเขตปัตตานี ต้องมีตะโต๊ะยุติธรรมร่วมพิจารณา หากไม่เป็นไปตามกฎหมาย ศาลสูงมีอำนาจให้พิจารณาใหม่ได้
คดีแพ่งเกี่ยวด้วยเรื่องมรดกที่โจทก์จำเลยต่างนับถือศาสนาอิสลามและอยู่ในเขตต์จังหวัดปัตตานี นั้น ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานี ฯ พ.ศ.2489 บัญญัติให้ใช้กฎหมายอิสลามบังคับและในศาลชั้นต้นให้ตะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา แต่ถ้ามีการพิจารณาคดีนั้นไปโดยมิได้มีตะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาร่วมด้วยผู้พิพากษาแล้ว ศาลสูงก็มีอำนาจที่ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาคดีเสียใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายไม่จำต้องยกฟ้องโดยให้ไปฟ้องใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1349/2494

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีมรดกในจังหวัดปัตตานีตามกฎหมายอิสลาม หากไม่มีดะโต๊ะยุติธรรมร่วมพิจารณา ศาลสูงมีอำนาจให้พิจารณาใหม่ได้
คดีแพ่งเกี่ยวด้วยเรื่องมรดกที่โจทก์จำเลยต่างนับถือศาสนาอิสลามและอยู่ในเขตจังหวัดปัตตานี นั้น ตามพระราชบัญัติว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัดปัตตานีฯ พ.ศ.2489 บัญญัติให้ใช้กฎหมายอิสลามบังคับและในศาลชั้นต้นให้ดะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาพร้อมด้วยผู้พิพากษา แต่ถ้ามีการพิจารณาคดีนั้นไปโดยมิได้มีดะโต๊ะยุติธรรมนั่งพิจารณาร่วมด้วยผู้พิพากษาแล้ว ศาลสูงก็มีอำนาจที่ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษาคดีเสียใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมายไม่จำต้องยกฟ้องโดยให้ไปฟ้องใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมฟ้องต้องไม่ขัดแย้งกับฟ้องเดิม หากขัดแย้งถือเป็นการเลิกฟ้องเดิมแล้วฟ้องใหม่ ศาลไม่ควรอนุญาต
เดิมโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทุจริตแสดงตัวเป็นโจทก์ขอรับโอนมฤดกที่ดินแล้วโอนขายให้จำเลยขอให้เพิกถอนการรับโอนมฤดกและการซื้อขาย ภายหลังขอเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยทำสัญญายอมความ โดยจำเลยยอมโอนคืนที่พิพาทให้โจทก์ ๆ ชำระเงินที่ผู้อื่นเป็นลูกหนี้ จำเลยให้จำเลย 200 บาท เมื่อจำเลยโอนกรรมสิทธิที่ดินรายนี้ให้โจทก์แล้ว จึงขอให้ศาลพิพากษาตามสัญญายอมความนี้ถือว่าเป็นคนละลักษณะกับฟ้องเดิมคำขอบังคับก็ขัดกันเท่ากับขอเลิก ฟ้องเดิมแล้วเอาใหม่ไม่ใช่เพิ่มเติมฟ้องกรณีต้องตาม ป.วิ.แพ่ง ม. 179 วรรคท้ายซึ่งบัญญัติห้ามไว้ไม่ให้กระทำศาลชอบที่จะยกเสียตาม ม. 180 โจทก์จะได้ไปฟ้องเป็นคดีใหม่
ทำสัญญาปรานีประนอมยอมความกันไว้โดยลงชื่อรับผิดไว้แก่เขาแต่ฝ่ายเดียวแล้ว ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเขาย่อมฟ้องให้รับผิดตามสัญญาที่ตนลงลายมือชื่อไว้ได้ โดยไม่เป็นปัญหาว่าเขาได้ตั้งตัวแทนให้ทำสัญญากับจำเลยหรือไม่ ซึ่งต่อมาเขาได้รับรองสัญญานั้นแล้วด้วย
ศาลชั้นต้นชอบที่ที่จะสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ถ้าศาลชั้นต้นไม่สั่งแต่ในชั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 945/2493

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มเติมคำฟ้องขัดแย้งกับคำฟ้องเดิม ศาลอนุญาตได้หรือไม่ และผลของการทำสัญญาประนีประนอมยอมความ
เดิมโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยทุจริตแสดงตัวเป็นโจทก์ขอรับโอนมรดกที่ดินแล้วโอนขายให้จำเลย ขอให้เพิกถอนการรับโอนมรดกและการซื้อขายภายหลังขอเพิ่มเติมฟ้องว่าจำเลยทำสัญญายอมความ โดยจำเลยยอมโอนคืนที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์ชำระเงินที่ผู้อื่นเป็นลูกหนี้จำเลยให้จำเลย 200บาทเมื่อจำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินรายนี้ให้โจทก์แล้วจึงขอให้ศาลพิพากษาตามสัญญายอมความนี้ ถือว่าเป็นคนละลักษณะกับฟ้องเดิมคำขอบังคับก็ขัดกันเท่ากับขอเลิกฟ้องเดิมแล้วเอาใหม่ไม่ใช่เพิ่มเติมฟ้องกรณีต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 179 วรรคท้ายซึ่งบัญญัติห้ามไว้ไม่ให้กระทำ ศาลชอบที่จะยกเสียตาม มาตรา 180โจทก์จะได้ไปฟ้องเป็นคดีใหม่
ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้โดยลงชื่อรับผิดไว้แก่เขาแต่ฝ่ายเดียวแล้ว ไม่ปฏิบัติตามสัญญาเขาย่อมฟ้องให้รับผิดตามสัญญาที่ตนลงลายมือชื่อไว้ได้ โดยไม่เป็นปัญหาว่าเขาได้ตั้งตัวแทนให้ทำสัญญากับจำเลยหรือไม่ ซึ่งต่อมาเขาได้รับรองสัญญานั้นแล้วด้วย
ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้อง ถ้าศาลชั้นต้นไม่สั่งแต่มาในชั้นพิจารณาศาลชั้นต้นยกขึ้นเป็นประเด็นพิพากษาให้ แสดงว่าได้อนุญาตให้เพิ่มเติมคำฟ้องนี้ เรื่องได้ผ่านมาจนเช่นนี้และไม่มีฝ่ายใด ร้องฎีกาขึ้นมาจึงไม่สมควรที่ศาลฎีกาจะรื้อฟื้นแก้เป็นอย่างอื่น
การที่โจทก์ขอดำเนินการทางสัญญาประนีประนอมยอมความเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าโจทก์จะให้จำเลยรับผิดตามสัญญานั้น ไม่ติดใจที่จะเอาตามมูลคดีเดิมที่ฟ้องไว้ จำเลยไม่ได้ฎีกาเถียงสัญญานี้ว่าใช้ไม่ได้ด้วยประการใด เป็นแต่ว่าทนายโจทก์ไม่มีอำนาจทำสัญญานั้น ซึ่งปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่าทนายโจทก์ทำได้หรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจำเลยได้ทำสัญญานั้นหรือไม่จึงพิพากษายืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระหนี้จากเงินจากการขายทรัพย์สินของลูกหนี้โดยอาศัยบุริมสิทธิ ต้องเปิดโอกาสให้โจทก์คัดค้านก่อน
การร้องขอบังคับชำระหนี้เอาจากเงินที่ขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยอาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิ ให้ศาลเอาเงินที่ได้มานั้นชำระให้แก่ผู้ร้องก่อนโจทก์ตามความใน ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 289 คำร้องเช่นนี้ต้องด้วยมาตรา 21(2) ซึ่งห้ามมิให้ศาลทำคำสั่งในเรื่องนั้น ๆ โดยมิให้โจทก์มีโอกาศคัดค้านก่อน
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจ่ายเงินจากการขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจบุริมสิทธิ ศาลได้จดรายงานไว้แต่เพียงว่า โจทก์และผู้ร้องต่างแถลงโต้แย้งกันว่า ตนควรได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการ ขายทอดตลาดแต่ฝ่ายเดียว แล้วศาลก็สั่งว่าให้รอฟังคำสั่งต่อไป และมีคำสั่งคำร้องของผู้ร้องในวันเดียวกันนั้น ดังนี้แสดงให้เห็นว่า ศาลมีคำสั่งในกรณีนี้โดยมิได้ทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องนั้นแต่ประการใด จึงสมควรที่ศาลสูงจะเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวเสีย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 641/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับชำระหนี้จากเงินขายทรัพย์สิน: ศาลต้องไต่สวนและให้โอกาสคัดค้านก่อนมีคำสั่ง
การร้องขอบังคับชำระหนี้เอาจากเงินที่ขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยอาศัยอำนาจแห่งบุริมสิทธิ ให้ศาลเอาเงินที่ได้มานั้นชำระให้แก่ผู้ร้องก่อนโจทก์ตามความใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 289 คำร้องเช่นนี้ต้องด้วยมาตรา 21(2) ซึ่งห้ามมิให้ศาลทำคำสั่งในเรื่องนั้นๆ โดยมิให้โจทก์มีโอกาสคัดค้านก่อน
ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลจ่ายเงินจากการขายทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยอาศัยอำนาจบุริมสิทธิ ศาลได้จดรายงานไว้แต่เพียงว่าโจทก์และผู้ร้องต่างแถลงโต้แย้งกันว่า ตนควรได้รับชำระหนี้จากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดแต่ฝ่ายเดียว แล้วศาลก็สั่งว่าให้รอฟังคำสั่งต่อไป และมีคำสั่งคำร้องของผู้ร้องในวันเดียวกันนั้น ดังนี้ แสดงให้เห็นว่า ศาลมีคำสั่งในกรณีนี้โดยมิได้ทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องนั้นแต่ประการใดจึงสมควรที่ศาลสูงจะเพิกถอนกระบวนพิจารณาดังกล่าวเสีย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2491 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งประเด็นสืบพยานและการยินยอมของจำเลย: ผลต่อความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม
การส่งประเด็นไปสืบพยานโจทก์ตาม ป.ม.กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 230 จำเลยก็ดี ทนายจำเลยก็ดี จะตามปรเด็นไปก็ได้ จะส่งคำถามไปให้ศาลซักถามให้ก็ได้ หรือจะไม่ตามประเด็นไปและไม่ส่งคำถามไปก็ได้ กฎหมายไม่ได้บังคับเด็ดขาด
ศาลที่ได้รับประเด็นโดยไม่แจ้งวันนัดสืบพยานประเด็นของโจทก์ให้ทนายจำเลยทราย ครั้นเมื่อประเด็นกลับ ศาลได้อ่านให้คู่ความฟัง ทนายจำเลยหาได้คัดค้านถึงการที่ศาลไม่แจ้งวันนัดสืบพยานประเด็นไม่ กลับยินยอมให้สืบพยานโจทก์ต่อไป ดังนี้ กระบวนพิจารณาที่ศาลทำไป จึงถูกต้อง
of 86