พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6589/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด: พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์เจตนาจำหน่าย
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับจำเลย 12,000 บาท ซึ่งต่ำกว่าอัตราโทษขั้นต่ำตามกฎหมาย จึงไม่ชอบ แต่เนื่องจากโจทก์ฎีกาขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ถือได้ว่าเป็นฎีกาในทำนองขอให้เพิ่มเติมโทษจำเลยอยู่ในตัว ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้องได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6255/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีครอบครองยาเสพติดเกิน 20 กรัม จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษตามกฎหมาย และศาลแก้ไขโทษตามกฎหมายใหม่
ฟ้องโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าเมทแอมเฟตามีน 3,985 เม็ด ที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์จำนวนเท่าใด ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าเมทแอมเฟตามีน 3,985 เม็ดมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์จำนวนเท่าใด และจะคำนวณตามรายงานการตรวจพิสูจน์เทียบเคียงว่า เมทแอมเฟตามีน 5,185 เม็ด คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 142.226 กรัม เมทแอมเฟตามีน 3,985 เม็ด จึงคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เกินกว่า 20 กรัม หาได้ไม่ ต้องถือว่าเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 3 และที่ 4 ร่วมกันมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ไม่ปรากฏว่ามีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด การกระทำของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องด้วยบทกำหนดโทษตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 66 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ตัวการร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด: การแบ่งหน้าที่ชัดเจนแสดงเจตนา
การที่จำเลยที่ 2 กับพวกเป็นผู้เจรจาซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกับดาบตำรวจ ช. โดยสอบถามจำนวนและกำหนดราคากันก่อน จากนั้นจำเลยที่ 2 พาดาบตำรวจ ช. กับสายลับไปพบ ว. และจำเลยที่ 1 เพื่อชำระเงินและรับเมทแอมเฟตามีน แสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ 2 กับพวกร่วมกับจำเลยที่ 1 และ ว. แบ่งหน้าที่กันทำในการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ตกลงกันไว้ โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้เจรจาซื้อขาย และจำเลยที่ 1 กับ ว. เป็นผู้รับเงินและส่งมอบเมทแอมเฟตามีน อันมีลักษณะเป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิด มิใช่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่การจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2553
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนปริมาณที่กฎหมายสันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย แม้ไม่พบเงินจากการขาย
เมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยมีไว้ในครอบครองจำนวน 20 เม็ด รวมน้ำหนัก 1.720 กรัม เข้าข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคหนึ่ง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7884/2552
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การครอบครองเมทแอมเฟตามีนเพื่อจำหน่าย: ศาลพิจารณาปริมาณสารบริสุทธิ์เพื่อกำหนดความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับพวกร่วมกันครอบครองเมทแอมเฟตามีนจำนวน 27 เม็ด ตามฟ้อง จำเลยไม่อุทธรณ์ ถือว่าข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยร่วมกับพวกครอบครองเมทแอมเฟตมีนตามฟ้องหรือไม่ เป็นอันยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยไม่ได้ร่วมกับพวกครอบครองเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ยุติไปแล้ว จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 5 ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยกับพวกร่วมกันครอบครองมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เพียง 0.235 กรัม ไม่ถึง 0.375 กรัม จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 66 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับจำนวนหน่วยการใช้หรือน้ำหนักสุทธิ ดังนั้น การที่จำเลยกับพวกร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนหน่วยการใช้ 27 เม็ด น้ำหนักสุทธิ 2.694 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 0.235 กรัม จึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 66 วรรคสอง จึงไม่ถูกต้อง
เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยกับพวกร่วมกันครอบครองมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เพียง 0.235 กรัม ไม่ถึง 0.375 กรัม จึงไม่ต้องด้วยมาตรา 66 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และบทบัญญัติดังกล่าวไม่มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับจำนวนหน่วยการใช้หรือน้ำหนักสุทธิ ดังนั้น การที่จำเลยกับพวกร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนจำนวนหน่วยการใช้ 27 เม็ด น้ำหนักสุทธิ 2.694 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ 0.235 กรัม จึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามมาตรา 66 วรรคสอง จึงไม่ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15002/2551
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดยาเสพติด, การบรรยายฟ้อง, การล้างมลทิน, และอำนาจแก้ไขปรับบทของศาลฎีกา
โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าเมทแอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด จึงไม่ครบองค์ประกอบความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ มาตรา 66 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า เมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจะต้องมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัม กรณีจึงไม่อาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 66 วรรคสองได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคหนึ่ง เพราะเกินคำขอและมิได้กล่าวในฟ้อง จึงต้องลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฯ มาตรา 66 วรรคหนึ่ง
โจทก์มีคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยเนื่องจากจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน ฐานลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2545 และจำเลยได้กระทำความผิดในขณะที่มีอายุเกินกว่า 17 ปี จำเลยพ้นโทษคดีดังกล่าวไปแล้ว ภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ จำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้ขึ้นอีกนั้น เนื่องจากในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มี พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ฯ ใช้บังคับ และบทบัญญัติมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ. ดังกล่าวใช้บังคับ (วันที่ 5 ธันวาคม 2550) โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ ดังนั้นเมื่อความผิดที่ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษ จำเลยได้พ้นโทษไปก่อนวันที่ พ.ร.บ. ข้างต้นใช้บังคับ จำเลยย่อมได้รับประโยชน์ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
โจทก์มีคำขอให้เพิ่มโทษจำเลยเนื่องจากจำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน ฐานลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2545 และจำเลยได้กระทำความผิดในขณะที่มีอายุเกินกว่า 17 ปี จำเลยพ้นโทษคดีดังกล่าวไปแล้ว ภายในเวลาห้าปีนับแต่วันพ้นโทษ จำเลยกลับมากระทำความผิดในคดีนี้ขึ้นอีกนั้น เนื่องจากในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มี พ.ร.บ.ล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ฯ ใช้บังคับ และบทบัญญัติมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวให้ล้างมลทินให้แก่บรรดาผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่าง ๆ ซึ่งได้กระทำก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และได้พ้นโทษไปแล้วก่อนหรือในวันที่ พ.ร.บ. ดังกล่าวใช้บังคับ (วันที่ 5 ธันวาคม 2550) โดยให้ถือว่าผู้นั้นมิได้เคยถูกลงโทษในกรณีความผิดนั้น ๆ ดังนั้นเมื่อความผิดที่ศาลชั้นต้นจำคุกจำเลยที่โจทก์อาศัยเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษ จำเลยได้พ้นโทษไปก่อนวันที่ พ.ร.บ. ข้างต้นใช้บังคับ จำเลยย่อมได้รับประโยชน์ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นอ้างและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5080/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดฯ ต้องไม่เกินกรอบฟ้องเดิม แม้มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่ากระทำผิดจริง
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,690 เม็ด ซึ่งคำนวณเป็นปริมาณสารบริสุทธิ์ได้ 53.274 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,000 เม็ด ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 690 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,000 เม็ด โจทก์มิได้อุทธรณ์แต่จำเลยอุทธรณ์และฎีกาเฉพาะข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจะฟังข้อเท็จจริงตรงกันว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,690 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและได้จำหน่ายไป 2,000 เม็ด แต่ก็จะลงโทษจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,690 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายไม่ได้ เพราะเป็นการพิพากษาเกินกว่าที่กล่าวในคำฟ้องอุทธรณ์และฎีกา คงลงโทษจำเลยได้ฐานมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 690 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเท่านั้น
นอกจากนี้ แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,690 เม็ด มีน้ำหนัก 258.110 กรัม และคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 53.274 กรัม แต่เมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,000 เม็ดก็ดี หรือ 690 เม็ดก็ดี โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและนำสืบว่าสามารถคำนวณเป็นปริมาณสารบริสุทธิ์เท่าใด จึงต้องสันนิษฐานให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าเมทแอมเฟตามีนทั้งสองจำนวนมีปริมาณสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 375 มิลลิกรัม การกระทำของจำเลยทั้งสองกรรมจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ปัญหาที่กล่าวมาเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย ปรับบทกฎหมายและกำหนดโทษให้ใหม่ให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
นอกจากนี้ แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,690 เม็ด มีน้ำหนัก 258.110 กรัม และคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 53.274 กรัม แต่เมทแอมเฟตามีนจำนวน 2,000 เม็ดก็ดี หรือ 690 เม็ดก็ดี โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและนำสืบว่าสามารถคำนวณเป็นปริมาณสารบริสุทธิ์เท่าใด จึงต้องสันนิษฐานให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าเมทแอมเฟตามีนทั้งสองจำนวนมีปริมาณสารบริสุทธิ์ไม่ถึง 375 มิลลิกรัม การกระทำของจำเลยทั้งสองกรรมจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ปัญหาที่กล่าวมาเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัย ปรับบทกฎหมายและกำหนดโทษให้ใหม่ให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4944/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การกำหนดกรรมและโทษฐานครอบครองและจำหน่ายยาเสพติด ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการจำหน่ายยาเสพติดหลายครั้งเป็นคนละกรรม
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีน 62 เม็ด น้ำหนัก 5.6625 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 1.5562 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียว แม้จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน 50 เม็ด ไปก่อน และยังคงมีเมทแอมเฟตามีน 12 เม็ด เหลืออยู่ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง แต่หลังจากนั้นจำเลยก็ได้จำหน่ายหมดไปในครั้งที่ 2 โดยไม่มีเมทแอมเฟตามีนเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกต่อไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทในแต่ละครั้งรวม 2 กรรม เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2948/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษทางอาญา: การพิสูจน์ปริมาณสารบริสุทธิ์ในยาเสพติดมีผลต่อบทลงโทษ
โจทก์บรรยายฟ้องว่า เมทแอมเฟตามีน 400 เม็ด น้ำหนัก 38.54 กรัม โดยไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีน 400 เม็ด ที่จำเลยที่ 1 มีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด แม้โจทก์นำสืบถึงรายงานการตรวจพิสูจน์ตามเอกสารหมาย จ.1 ในชั้นพิจารณาก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในชั้นพิจารณานั้นก็มิใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้อง จะนำมาประกอบคำฟ้องเป็นองค์ประกอบความผิดที่จะทำให้จำเลยที่ 1 รับโทษหนักขึ้นหาไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขโดยปรับบทลงโทษให้ถูกต้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับโทษตามกฎหมายใหม่หลังคดีถึงที่สุด ต้องพิจารณาโทษจำคุกขั้นสูง
ตาม ป.อ. มาตรา 3 บัญญัติว่า "ถ้ากฎหมายที่ใช้ในขณะกระทำความผิดแตกต่างกับกฎหมายที่ใช้ในภายหลังการกระทำความผิด ให้ใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่ผู้กระทำความผิดไม่ว่าในทางใด เว้นแต่คดีถึงที่สุดแล้ว แต่ในกรณีที่คดีถึงที่สุดแล้วดังต่อไปนี้ (1) ถ้าผู้กระทำความผิดยังไม่ได้รับโทษ หรือกำลังรับโทษอยู่และโทษที่กำหนดตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง... ให้ศาลกำหนดโทษเสียใหม่ตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง..." คำว่าโทษที่กำหนดตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังตาม ป.อ. มาตรา 3 (1) นั้น หมายถึงโทษจำคุกขั้นสูงตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 20 ปี แต่โทษจำคุกตามคำพิพากษาก็ยังต่ำกว่าโทษขั้นสูงตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลังที่วางโทษจำคุกตลอดชีวิต จึงถือไม่ได้ว่าโทษจำคุกตามคำพิพากษาหนักกว่าโทษจำคุกตามกฎหมายที่บัญญัติในภายหลัง ไม่ต้องด้วย ป.อ. มาตรา 3 (1) ที่ศาลจะกำหนดโทษใหม่ได้