พบผลลัพธ์ทั้งหมด 94 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5099/2545 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษจำเลยในคดีเกี่ยวกับยาเสพติด และการใช้บทกฎหมายที่แก้ไขใหม่เพื่อประโยชน์แก่จำเลย
การลงโทษจำเลยที่กระทำความผิดหลายกรรมและให้เรียงกระทงลงโทษมิได้มีกฎหมายบัญญัติให้ต้องแยกลดโทษแต่ละกระทงก่อนแล้วจึงรวมโทษภายหลัง การที่ศาลรวมโทษที่วางแต่ละกระทงแล้วจึงลดโทษจึงชอบด้วยกฎหมาย
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และ มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และใช้ข้อความใหม่แทนโดยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มาตรา 15 วรรคสาม (2) ที่แก้ไขใหม่บัญญัติว่า แอมเฟตามีนหรืออนุพันธ์แอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวน 15 หน่วยการใช้ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่ 1.5 กรัม ขึ้นไป ให้ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แตกต่างจากกฎหมายเดิมในมาตรา 15 วรรคสอง ที่กำหนดเฉพาะปริมาณที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ 20 กรัม ขึ้นไปเท่านั้น โดยไม่คำนึงว่าจะมีจำนวนหน่วยการใช้หรือน้ำหนักสุทธิมากน้อยเพียงใด ดังนั้น เงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดดังกล่าวตามกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ จึงต้องใช้กฎหมายเดิมในส่วนที่เป็นบทความผิดบังคับแก่จำเลย ส่วนในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนทั้งกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่ในมาตรา 15 วรรคหนึ่ง คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน จึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับ จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 5 เม็ด น้ำหนัก 0.450 กรัม และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด น้ำหนักไม่ปรากฏชัด โดยไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด การกระทำทั้งสองกรรมต้องด้วยบทกำหนดโทษตาม มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสามแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ตามกฎหมายเดิมที่ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท กรณีโทษจำคุกตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจ ยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้มีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 8 และมาตรา 19 ยกเลิกความในมาตรา 15 และ มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และใช้ข้อความใหม่แทนโดยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย มาตรา 15 วรรคสาม (2) ที่แก้ไขใหม่บัญญัติว่า แอมเฟตามีนหรืออนุพันธ์แอมเฟตามีนมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่ 375 มิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียาเสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จำนวน 15 หน่วยการใช้ขึ้นไป หรือมีน้ำหนักสุทธิตั้งแต่ 1.5 กรัม ขึ้นไป ให้ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แตกต่างจากกฎหมายเดิมในมาตรา 15 วรรคสอง ที่กำหนดเฉพาะปริมาณที่คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่ 20 กรัม ขึ้นไปเท่านั้น โดยไม่คำนึงว่าจะมีจำนวนหน่วยการใช้หรือน้ำหนักสุทธิมากน้อยเพียงใด ดังนั้น เงื่อนไขที่เป็นองค์ประกอบความผิดดังกล่าวตามกฎหมายเดิมเป็นคุณมากกว่ากฎหมายที่แก้ไขใหม่ จึงต้องใช้กฎหมายเดิมในส่วนที่เป็นบทความผิดบังคับแก่จำเลย ส่วนในความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนทั้งกฎหมายเดิมและกฎหมายที่แก้ไขใหม่ในมาตรา 15 วรรคหนึ่ง คงใช้ข้อความทำนองเดียวกัน จึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับ จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำนวน 5 เม็ด น้ำหนัก 0.450 กรัม และจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด น้ำหนักไม่ปรากฏชัด โดยไม่ปรากฏว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้เท่าใด การกระทำทั้งสองกรรมต้องด้วยบทกำหนดโทษตาม มาตรา 66 วรรคหนึ่ง ที่แก้ไขใหม่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสามแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ แตกต่างจากมาตรา 66 วรรคหนึ่ง ตามกฎหมายเดิมที่ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท กรณีโทษจำคุกตามกฎหมายที่แก้ไขใหม่เป็นคุณมากกว่า จึงต้องใช้กฎหมายที่แก้ไขใหม่ในส่วนที่เป็นคุณบังคับแก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3 ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกาจึงมีอำนาจ ยกขึ้นอ้างและแก้ไขโดยปรับบทกฎหมายให้ถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขโทษเสียใหม่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่ได้ด้วยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4975/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฎีกาต้องห้ามในปัญหาข้อเท็จจริง: การโต้แย้งดุลพินิจรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยข้อหาความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน แต่ละกระทงไม่เกิน 5 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนโดยมิได้แก้บทลงโทษและกำหนดโทษ แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะพิพากษาแก้ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ให้คืนธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อของกลางแก่เจ้าของก็เป็นการแก้ไขเล็กน้อย จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมิได้กระทำความผิดตามฟ้อง เป็นฎีกาโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งต้องห้ามมิให้ฎีกาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2140/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ชอบด้วยกฎหมายเป็นหลักฐานลงโทษจำเลยได้
คำให้การชั้นจับกุม คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่เกิดขึ้นโดยชอบและจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจและตามความสัตย์จริง ศาลย่อมรับฟังเป็นพยานหลักฐานประกอบเพื่อลงโทษจำเลยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 226
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1358/2545
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษความผิดฐานมีและจำหน่ายยาเสพติด: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำความผิดสองกรรมต่างกัน
จำเลยฎีกาปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตาม ป.วิ.อ. มาตรา 222 แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยเรื่องที่จำเลยอุทธรณ์ว่ามิได้กระทำความผิดตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงฟังข้อเท็จจริงใหม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2545 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนความผิดทางอาญา: การช่วยเหลือหลังความผิดสิ้นสุดลง ไม่ถือเป็นผู้สนับสนุน
จำเลยที่ 1 มีความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้เมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 กับพวกที่นั่งรถมาด้วยกัน แต่จำเลยที่ 1 ได้โยนทิ้งเสียก่อน แต่หลังจากเจ้าพนักงานตำรวจ ตรวจพบเมทแอมเฟตามีนของกลาง เจ้าพนักงานตำรวจก็ได้ยึดไว้เป็นของกลางทันที จำเลยที่ 2 มาช่วยจำเลยที่ 1 ค้นหาเมทแอมเฟตามีนของกลางหลังจากเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้แล้ว เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบและ ยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางไป การกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงสิ้นสุดลงแล้ว การที่จำเลยที่ 2 มาช่วยจำเลยที่ 1 ค้นหาเมทแอมเฟตามีนของกลางจึงเป็นการช่วยเหลือ ให้ความสะดวกภายหลังการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน
การเป็นผู้สนับสนุนตาม ป.อ. มาตรา 86 ต้องช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทำความผิด เท่านั้น
การเป็นผู้สนับสนุนตาม ป.อ. มาตรา 86 ต้องช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะกระทำความผิด เท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8688/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำหน่ายยาเสพติด: ความผิดสำเร็จ vs. พยายาม, อำนาจศาลวินิจฉัยข้อกฎหมาย, พยานหลักฐาน, การรับฟังคำซัดทอด
ขณะที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจำเลยที่ 3 เสียจากสารบบความ เพราะจำเลยที่ 3 ถึงแก่ความตายนั้น เป็นเวลาภายหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 3 แล้ว และอยู่ระหว่างส่งสำเนาให้โจทก์แก้ คดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เป็นอำนาจของศาลอุทธรณ์ที่จะสั่งจำหน่ายคดีโดยศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นจึงไม่ชอบ แต่คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลฎีกาแล้ว จึงเห็นสมควรสั่งเรื่องดังกล่าวไปเสียทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์สั่ง โดยอาศัยอำนาจตาม ป.วิ.อ. มาตรา 208 (2) ประกอบด้วยมาตรา 215 และ 225
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกเป็นการร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ผู้ล่อซื้อโดยมีการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ ผู้ล่อซื้อแล้ว จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 บัญญัติว่า " จำหน่าย " หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ เป็นที่เห็นได้ว่า แม้เป็นการแจกหรือให้ซึ่งไม่มีค่าตอบแทน ก็ถือว่าเป็นการจำหน่ายตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ดังนั้น เมื่อผู้ล่อซื้อได้รับมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่ตกลงซื้อขายกันจากฝ่ายจำเลยแล้ว แม้จะยังไม่ได้ชำระราคาและตรวจนับเมทแอมเฟตามีนของกลางก่อน ก็เป็นความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) สำเร็จ โดยมิพักต้องวินิจฉัยในแง่กฎหมายแพ่ง
ปัญหาว่าการกระทำความผิดใดจะเป็นความผิดสำเร็จหรือเป็นเพียงขั้นพยายามกระทำความผิด เป็นปัญหา ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้โจทก์จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225 แต่ไม่อาจลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ลงโทษได้เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบด้วยมาตรา 225 แต่สมควร วางบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง
จำเลยที่ 3 ซึ่งให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาเบิกความว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำความผิดและระหว่างถูก คุมขังในเรือนจำจำเลยที่ 3 รู้ตัวว่าใกล้จะตายได้วานผู้มีชื่อเขียนจดหมายถึงจำเลยที่ 1 ขอโทษที่เบิกความว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำความผิดด้วย และรับว่าจำเลยที่ 3 กระทำความผิดเพียงคนเดียว แต่คดีในส่วนการกระทำของจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ได้โดยไม่ต้องอาศัยคำเบิกความของจำเลยที่ 3 มาเป็นพยานหลักฐานประกอบและแม้จำเลยที่ 3 จะเขียนจดหมายมีข้อความดังที่จำเลยที่ 1 อ้าง ก็ไม่มีผลให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบต่อศาลได้
พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 และที่ 2 กับพวกเป็นการร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนทั้งหมดให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ผู้ล่อซื้อโดยมีการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ ผู้ล่อซื้อแล้ว จึงเป็นความผิดฐานร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายและจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4 บัญญัติว่า " จำหน่าย " หมายความว่า ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ให้ เป็นที่เห็นได้ว่า แม้เป็นการแจกหรือให้ซึ่งไม่มีค่าตอบแทน ก็ถือว่าเป็นการจำหน่ายตามบทบัญญัติดังกล่าวแล้ว ดังนั้น เมื่อผู้ล่อซื้อได้รับมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่ตกลงซื้อขายกันจากฝ่ายจำเลยแล้ว แม้จะยังไม่ได้ชำระราคาและตรวจนับเมทแอมเฟตามีนของกลางก่อน ก็เป็นความผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) สำเร็จ โดยมิพักต้องวินิจฉัยในแง่กฎหมายแพ่ง
ปัญหาว่าการกระทำความผิดใดจะเป็นความผิดสำเร็จหรือเป็นเพียงขั้นพยายามกระทำความผิด เป็นปัญหา ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยแม้โจทก์จะมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225 และเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่มิได้ฎีกาด้วยได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225 แต่ไม่อาจลงโทษจำเลยหนักกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา ลงโทษได้เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลย ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 212 ประกอบด้วยมาตรา 225 แต่สมควร วางบทลงโทษจำเลยให้ถูกต้อง
จำเลยที่ 3 ซึ่งให้การรับสารภาพในชั้นพิจารณาเบิกความว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำความผิดและระหว่างถูก คุมขังในเรือนจำจำเลยที่ 3 รู้ตัวว่าใกล้จะตายได้วานผู้มีชื่อเขียนจดหมายถึงจำเลยที่ 1 ขอโทษที่เบิกความว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกระทำความผิดด้วย และรับว่าจำเลยที่ 3 กระทำความผิดเพียงคนเดียว แต่คดีในส่วนการกระทำของจำเลยที่ 1 พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังลงโทษจำเลยที่ 1 ได้โดยไม่ต้องอาศัยคำเบิกความของจำเลยที่ 3 มาเป็นพยานหลักฐานประกอบและแม้จำเลยที่ 3 จะเขียนจดหมายมีข้อความดังที่จำเลยที่ 1 อ้าง ก็ไม่มีผลให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบต่อศาลได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8609/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติดสำเร็จรูป แม้จะยังไม่ได้รับเงิน การส่งมอบยาเสพติดคือองค์ประกอบสำคัญ
คำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจสอดคล้องต่อเนื่องกันเป็นไปตามลำดับตั้งแต่ร้อยตำรวจเอก ณ.ได้รับทราบจากสายลับว่าจำเลยเป็นผู้ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน จึงได้วางแผนจับกุมจำเลยโดยการล่อซื้อและนายดาบตำรวจ ป.กับสายลับได้ไปพบจำเลยและเจรจาตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยจนกระทั่งมีการนัดส่งมอบ เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลาง อีกทั้งจำเลยก็ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวน แม้โจทก์จะมิได้นำสายลับมาเบิกความเป็นพยานและมิได้นำเงินที่ใช้ในการล่อซื้อส่งอ้างเป็นพยาน พยานหลักฐานของโจทก์ก็มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง
จำเลยได้เจรจาตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายดาบตำรวจ ป.ผู้ล่อซื้อ 10 ถุง ถุงละ 200 เม็ด ในราคาถุงละ 14,000 บาทและก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมจำเลยนั้น จำเลยได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามที่ตกลงจำหน่ายให้แก่นายดาบตำรวจ ป.แล้ว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จแล้ว ไม่ว่านายดาบตำรวจ ป.จะส่งมอบเงินตามที่ตกลงกันให้แก่จำเลยหรือไม่ก็ตาม เพราะการส่งมอบเงินที่ตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนไม่ใช่องค์ประกอบหรือสาระสำคัญของการกระทำความผิดดังกล่าว
จำเลยได้เจรจาตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายดาบตำรวจ ป.ผู้ล่อซื้อ 10 ถุง ถุงละ 200 เม็ด ในราคาถุงละ 14,000 บาทและก่อนที่เจ้าพนักงานตำรวจจะจับกุมจำเลยนั้น จำเลยได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามที่ตกลงจำหน่ายให้แก่นายดาบตำรวจ ป.แล้ว การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จแล้ว ไม่ว่านายดาบตำรวจ ป.จะส่งมอบเงินตามที่ตกลงกันให้แก่จำเลยหรือไม่ก็ตาม เพราะการส่งมอบเงินที่ตกลงซื้อเมทแอมเฟตามีนไม่ใช่องค์ประกอบหรือสาระสำคัญของการกระทำความผิดดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8086/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายยาเสพติด: การส่งมอบยาบางส่วนแล้วถูกจับกุม ถือเป็นกรรมเดียว
จำเลยตกลงจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 140 เม็ด แบ่งบรรจุเป็น 2 ถุง ถุงละ 70เม็ดติดตัวมาส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ซึ่งปลอมตัวเป็นผู้ซื้อ เมื่อจำเลยส่งมอบเมทเฟตามีนถุงแรกจำนวน 70 เม็ด แก่จ่าสิบตำรวจ ก. แล้ว แม้จำเลยจะถูกจับกุมทันทีโดยที่ยังไม่ทันได้ส่งมอบเมทแอมเฟตามีนถุงที่สอง เช่นนี้ ก็ถือได้ว่าจำเลยมีเจตนาจำหน่ายและส่งมอบเมทแอมเฟตามีนจำนวนทั้งหมด 2 ถุง ที่นำติดตัวมาแก่จ่าสิบตำรวจ . ตามที่ได้ตกลงซื้อขายในคราวเดียวกัน หาใช่กรณีจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามจำนวนที่ได้ตกลงซื้อขายกันไปแล้ว และยังคงมีเหลืออยู่ในครอบครองของจำเลยอีกจำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายในคราวต่อไป เพราะเมทแอมเฟตามีนทั้ง 2 ถุง เป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกับที่จำเลยได้ตกลงซื้อจขายและจำส่งมอบให้แก่จ่าสิบตำรวจ ก. ทั้งหมดในคราวเดียวกันนั้นเองการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7217/2544
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การปรับบทความผิดและลงโทษกรรมเดียวในคดียาเสพติด: ศาลฎีกาแก้ไขพิพากษาศาลล่าง
ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้นได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับที่ 135 (พ.ศ. 2539) กำหนดให้ เมทแอมเฟตามีนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขาย คำนวณเป็นปริมาณสารบริสุทธิ์ได้ 58.099 กรัม จึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง ซึ่งมีอัตราโทษหนักกว่าโทษในความผิดฐานมี เมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89 จึงต้องปรับบทความผิดจำเลยทั้งสองฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ซึ่งเป็นบทกฎหมายในส่วนที่เป็นคุณ ส่วนการมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ใน ครอบครองเกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดนั้น แม้ของกลางจะมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 58.099 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณตั้งแต่ 20 กรัม ขึ้นไป อันต้องด้วยข้อสันนิษฐานตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง ที่ถือว่าเป็นการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายก็ตาม แต่ข้อสันนิษฐานดังกล่าวถือเป็นกฎหมายในส่วนที่ไม่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองจึงต้องใช้กฎหมายในส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองมากกว่า โดยต้องถือว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 67 แต่เมทแอมเฟตามีนที่จำเลยทั้งสองมีไว้เพื่อขายและ เกินปริมาณที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดเป็นจำนวนเดียวกันและเป็นการมีไว้ในคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว คงลงโทษจำเลยทั้งสองฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 ที่เป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตาม ป.อ. มาตรา 90
เมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางทั้งสองจำนวนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยกันตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 การที่จำเลยทั้งสองมียาเสพติดให้โทษในประเภทเดียวกันไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกันจึงเป็นการกระทำความผิดอันเป็นกรรมเดียวกัน ต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เพียงกรรมเดียว อันเป็นส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองมากกว่า และซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทที่มีโทษหนักที่สุดบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3, 90 แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองเป็นความผิด 2 กรรมเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
เมื่อศาลมิได้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 จึงไม่อาจให้ริบ เมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของกระทรวงสาธารณสุขได้
เมทแอมเฟตามีนและเฮโรอีนของกลางทั้งสองจำนวนเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ด้วยกันตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 การที่จำเลยทั้งสองมียาเสพติดให้โทษในประเภทเดียวกันไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกันจึงเป็นการกระทำความผิดอันเป็นกรรมเดียวกัน ต้องลงโทษจำเลยทั้งสองตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เพียงกรรมเดียว อันเป็นส่วนที่เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองมากกว่า และซึ่งเป็นกฎหมายที่มีบทที่มีโทษหนักที่สุดบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 3, 90 แต่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองเป็นความผิด 2 กรรมเป็นการไม่ชอบ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225
เมื่อศาลมิได้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 จึงไม่อาจให้ริบ เมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของกระทรวงสาธารณสุขได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6819/2544 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมเดียวความผิดเดียวกัน: การครอบครองและจำหน่ายยาเสพติดเป็นกรรมเดียวได้ หากจำหน่ายหมดในคราวเดียวกัน
การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 3 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกัน แม้จำเลยได้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ดให้แก่สายลับไปก่อน และยังคงมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 2 เม็ด เหลืออยู่ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่จำเลยก็จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวนที่เหลือดังกล่าวให้แก่สายลับไปทั้งหมดในการล่อซื้อครั้งที่สองแล้ว การกระทำของจำเลยฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจึงเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนในแต่ละกรรม ซึ่งความผิดแต่ละฐานดังกล่าวมีอัตราโทษเท่ากัน จึงลงโทษจำเลยฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนได้รวม 2 กรรม เท่านั้น