พบผลลัพธ์ทั้งหมด 300 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องสอดเป็นจำเลยร่วมของผู้เช่าช่วงที่มีส่วนได้เสียในคดีขับไล่
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เป็นที่ประกอบการค้าโดยปลูกอาคารให้เช่า ครบกำหนดแล้วไม่รื้อถอนไป ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร. ผู้ร้องทั้งห้าร้องสอดเข้ามาว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทกับโจทก์ด้วย โดยจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาในนามของจำเลยแทนผู้ร้องไว้. ผู้ร้องมิใช่เป็นบริวารของจำเลย. ดังนี้ ถือว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ในอันที่จะร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าช่วงในการร้องสอดเป็นจำเลยร่วมในคดีขับไล่ เมื่อมีส่วนได้เสียในผลแห่งคดี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เป็นที่ประกอบการค้าโดยปลูกอาคารให้เช่า ครบกำหนดแล้วไม่รื้อถอนไป ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวาร ผู้ร้องทั้งห้าร้องสอดเข้ามาว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทกับโจทก์ด้วย โดยจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาในนามของจำเลยแทนผู้ร้องไว้ ผู้ร้องมิใช่เป็นบริวารของจำเลย ดังนี้ ถือว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ในอันที่จะร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 444/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของผู้เช่าช่วงในการเข้าร่วมเป็นจำเลยร่วมในคดีขับไล่ หากมีส่วนได้เสียในผลแห่งคดี
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินโจทก์เป็นที่ประกอบการค้าโดยปลูกอาคารให้เช่า ครบกำหนดแล้วไม่รื้อถอนไป ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยและบริวารผู้ร้องทั้งห้าร้องสอดเข้ามาว่าผู้ร้องเป็นผู้เช่าที่ดินพิพาทกับโจทก์ด้วย โดยจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาในนามของจำเลยแทนผู้ร้องไว้ผู้ร้องมิใช่เป็นบริวารของจำเลยดังนี้ ถือว่าผู้ร้องมีส่วนได้เสียตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ในอันที่จะร้องสอดเข้ามาเป็นจำเลยร่วมได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีละเมิดของกรมตำรวจต่อเงินกองกลาง แม้ไม่ใช่เงินงบประมาณแผ่นดิน
เงินกองกลางของกรมตำรวจอันเป็นเงินที่ได้มาจากการบริจาคของข้าราชการกรมตำรวจและประการอื่นนั้น แม้มิใช่เงินงบประมาณแผ่นดิน ก็นับว่าเป็นทรัพย์สินของกรมตำรวจ เมื่อมีผู้ทำละเมิดเอาเงินกองกลางไป กรมตำรวจจึงมีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 571/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีของกรมตำรวจจากเงินกองกลางที่ได้จากการบริจาคและการพิสูจน์ความรับผิดของผู้รับมรดก
เงินกองกลางของกรมตำรวจอันเป็นเงินที่ได้มาจากการบริจาคของข้าราชการกรมตำรวจและประการอื่นนั้นแม้มิใช่เงินงบประมาณแผ่นดินก็นับว่าเป็นทรัพย์สินของกรมตำรวจเมื่อมีผู้ทำละเมิดเอาเงินกองกลางไป กรมตำรวจจึงมีอำนาจฟ้องผู้ทำละเมิดได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดและการยินยอมของจำเลยในการเป็นคู่ความร่วม – กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
โจทก์ฟ้องว่า ทรัพย์สินที่จำเลยเช่าเป็นของโจทก์และมารดาโจทก์ร่วมกัน จำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์ ครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าทรัพย์สินที่เช่าเป็นของมารดาโจทก์ผู้เดียว จำเลยเป็นสามีมารดาโจทก์และเป็นบิดาเลี้ยงโจทก์ เหตุที่ต้องทำสัญญาเช่ากันเนื่องจากมารดาโจทก์ไม่ไว้ใจจำเลย กลัวจำเลยทำหนี้สินผูกพันทรัพย์สินที่เช่า มารดาโจทก์จึงให้โจทก์จำเลยทำสัญญาเช่าไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง มารดาโจทก์ยื่นคำร้องสอดว่าทรัพย์สินที่เช่าเป็นของผู้ร้องสอดผู้เดียวสัญญาเช่าที่โจทก์ฟ้องจำเลยนั้น โจทก์จำเลยมิได้มีเจตนามุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ต่อกันดังที่จำเลยให้การ โจทก์มีเจตนาไม่สุจริตแอบเอาสัญญาเช่าไปจากครอบครองของผู้ร้องสอดเพื่อฉ้อโกงทรัพย์ตามสัญญาเช่าเป็นของโจทก์ จึงขออนุญาตเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 ดังนี้ ข้อที่โต้เถียงกันทำให้เกิดประเด็นแห่งคดีว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์กับผู้ร้องสอดหรือว่าเป็นของผู้ร้องสอดผู้เดียวถ้าเป็นของผู้ร้องสอดผู้เดียวสัญญาเช่าก็อาจไม่มีเจตนาผูกพันกันดังที่จำเลยและผู้ร้องสอดต่อสู้ไว้ ผู้ร้องสอดจึงมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ชอบที่จะร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1885/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้อง, กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน, การร้องสอด - การอนุญาตให้ร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยเมื่อมีส่วนได้เสียในคดี
โจทก์ฟ้องว่า ทรัพย์สินที่จำเลยเช่าเป็นของโจทก์และมารดาโจทก์ร่วมกัน จำเลยทำสัญญาเช่ากับโจทก์ ครบกำหนดตามสัญญาเช่าแล้ว ขอให้ขับไล่จำเลยและให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าทรัพย์สินที่เช่าเป็นของมารดาโจทก์ผู้เดียว จำเลยเป็นสามีมารดาโจทก์และเป็นบิดาเลี้ยงโจทก์ เหตุที่ต้องทำสัญญาเช่ากันเนื่องจากมารดาโจทก์ไม่ไว้ใจจำเลย กลัวจำเลยทำหนี้สินผูกพันทรัพย์สินที่เช่า มารดาโจทก์จึงให้โจทก์จำเลยทำสัญญาเช่าไว้ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง มารดาโจทก์ยื่นคำร้องสอดว่าทรัพย์สินที่เช่าเป็นของผู้ร้องสอดผู้เดียว สัญญาเช่าที่โจทก์ฟ้องจำเลยนั้น โจทก์จำเลยมิได้มีเจตนามุ่งโดยตรงต่อการผูกนิติสัมพันธ์ต่อกันดังที่จำเลยให้การ โจทก์มีเจตนาไม่สุจริตแอบเอาสัญญาเช่าไปจากครอบครองของผู้ร้องสอดเพื่อฉ้อโกงทรัพย์ตามสัญญาเช่าเป็นของโจทก์ จึงขออนุญาตเข้าเป็นคู่ความแทนที่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 57 ดังนี้ ข้อทีโต้เถียงกันทำให้เกิดปรเด็นแห่งคดีว่ากรรมสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทเป็นของโจทก์กับผู้ร้องสอดหรือว่าเป็นของผู้ร้องสอดผู้เดียว ถ้าเป็นของผู้ร้องสอดผู้เดียว สัญญาเช่าก็อาจไม่มีเจตนาผูกพันกันดังที่จำเลยและผู้ร้องสอดต่อสู้ไว้ผู้ร้องสอดจึงมีส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ขอบที่จะร้องสอดเข้ามาเป็นคู่ความในคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 226/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดคดีของภรรยาจำเลยในฐานะจำเลยร่วม และสิทธิในการยื่นคำให้การเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์และขับไล่จำเลยกับบริวารออกไป จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย ในระหว่างพิจารณา เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จจำเลยตาย ศาลตั้งภรรยาจำเลยเป็นคู่ความแทนที่จำเลย ภรรยาจำเลยยื่นคำร้องว่าที่พิพาทเป็นของจำเลยกับของตนมีสิทธิร่วมกัน ขอเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต การที่ร้องสอดเข้ามามิได้แสดงให้เห็นว่าที่ดินส่วนของตนอยู่ตรงไหนตอนใด และจำเลยเดิมต่อสู้คดีไว้ขัดแย้งต่อสิทธิของตนประการใด ต้องถือว่าร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) หาใช่เข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามไม่ เมื่อจำเลยเดิมไม่มีสิทธิจะยื่นคำให้การอีก จำเลยร่วมจึงไม่มีสิทธิเช่นกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1255/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมีส่วนได้เสียในการร้องสอดคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(2) ต้องเป็นส่วนได้เสียตามกฎหมายในผลแห่งคดี
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57 (2) นั้น ผู้ร้องสอดขอเข้ามาในคดีได้ต่อเมื่อตนมีส่วนได้เสียตามกฎหมาย ในผลแห่งคดี ซึ่งหมายความว่า ผลของคดีตามกฎหมายจะเป็นผลไปถึงตนด้วยจึงจะร้องสอดได้มิใช่ว่าเข้าไปเซ็นสัญญากับคนในคดีได้ตามใจชอบแล้วอ้างว่ามีส่วนได้เสียในผลแห่งคดี
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 41/2504)
(ประชุมใหญ่ ครั้ง 41/2504)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 165/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การร้องสอดในคดีหนี้สินของภริยา: สามีมีสิทธิร้องสอดได้เฉพาะเมื่อเป็นหนี้ร่วมกันเท่านั้น
ภริยาถูกฟ้องเรียกหนี้เงินกู้ การที่สามีจะร้องสอดเข้าเป็นจำเลยร่วมขอบอกล้างนิติกรรม ต้องปรากฎว่าเป็นหนี้ร่วมระหว่างสามีภริยา ถ้าไม่ใช่หนี้ร่วม สามีจะร้องสอดไม่ได้
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2503)
(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 37/2503)