พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1078/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายทองที่ไม่ได้ทำสัญญาเป็นตัวแทน แต่ทำสัญญาให้ยืมทรัพย์ ไม่เข้าข่ายความผิดฐานยักยอก
ก่อนเกิดเหตุจำเลยรับทองของโจทก์ไปจำหน่ายโดยรับจาก อ.อีกทอดหนึ่งเมื่อขายทองได้แล้วจำเลยจะชำระเงินให้แก่ อ.และอ.จะนำไปชำระให้โจทก์ โดยไม่มีการทำสัญญารับเป็นตัวแทนจำหน่ายต่อมาจำเลยรับทองของโจทก์ไปจำหน่ายโดยตรง แต่ไม่มีการทำสัญญารับเป็นตัวแทนจำหน่ายเช่นเดียวกัน คงทำสัญญาในรูปการให้ยืมทรัพย์เท่านั้น การปฏิบัติระหว่างโจทก์กับจำเลยจึงไม่ใช่เรื่องตัวการ ตัวแทน หากแม้จะฟังว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระเงินค่าทองให้โจทก์ก็เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกเงิน: การปฏิเสธการรับเงินหลังรับฝากถือเป็นเจตนาทุจริต
การที่จำเลยรับฝากเงินไปจากโจทก์ร่วมเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์โกโก้ แต่จำเลยไม่ซื้อให้และกลับปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินจากโจทก์ร่วม เป็นการส่อเจตนาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินของโจทก์ร่วมไว้เป็นของตนโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกเงิน: การปฏิเสธการรับเงินและการไม่ซื้อเมล็ดพันธุ์โกโก้ตามที่รับฝาก เป็นเจตนาเบียดบังเงิน
จำเลยรับฝากเงินไปจากโจทก์ร่วมเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์โกโก้แต่จำเลยไม่ซื้อให้และกลับปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินจากโจทก์ร่วมเป็นการส่อเจตนาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินของโจทก์ร่วมไว้เป็นของตนโดยทุจริตมีความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 833/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ยักยอกเงิน - การรับเงินเพื่อซื้อของแต่ไม่ซื้อถือเป็นเจตนายักยอก
การที่จำเลยรับฝากเงินไปจากโจทก์ร่วมเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์โกโก้ แต่จำเลยไม่ซื้อให้และกลับปฏิเสธว่าไม่ได้รับเงินจากโจทก์ร่วมเป็นการส่อเจตนาว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวของโจทก์ร่วมไว้เป็นของตนโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 822/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความคดีอาญา: การผ่อนผันหนี้โดยโจทก์ไม่ทำให้การนับอายุความเริ่มต้นใหม่
ผู้เสียหายทราบถึงการกระทำผิดฐานยักยอกของจำเลยแล้วตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2530 ส่วนที่ผู้เสียหายให้จำเลยนำเงินที่ขาดมาส่งมอบให้ผู้เสียหายภายใน 30 วัน นับจากวันดังกล่าว เป็นเรื่องที่ผู้เสียหายผ่อนผันให้โอกาสจำเลยนำเงินมาคืนผู้เสียหายเพื่อผู้เสียหายจะไม่ดำเนินคดีแก่จำเลย ไม่มีผลที่จะทำให้ถือว่าผู้เสียหายเพิ่งทราบถึงการกระทำผิดของจำเลยเมื่อพ้นกำหนด 30 วันนับจากวันที่ผู้เสียหายผ่อนผันให้จำเลยนำเงินมาคืน เมื่อผู้เสียหายไปร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีแก่จำเลยเมื่อพ้นกำหนด 3 เดือนนับจากวันที่ 31 สิงหาคม 2530 ซึ่งเป็นวันที่ผู้เสียหายรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีจึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความรับเงินแทนลูกหนี้โดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย
จำเลยได้รับแต่งตั้งจากผู้เสียหายให้เป็นทนายความโดยมิได้รับมอบหมายให้รับเงินแทนผู้เสียหาย จำเลยในฐานะเป็นทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆแทนผู้เสียหายได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งลูกหนี้จะชำระแก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจ้างจำเลยเป็นทนายความให้ฟ้องเรียกเงินกู้จากค.ต่อมาผู้เสียหายกับค. ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดย ค. ยอมชำระเงิน 45,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ชำระให้ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000บาท จะผ่อนชำระ ต่อมา ค. ได้นำเงิน 35,000 บาท ที่เหลือไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินจำนวน 35,000 บาท โดยผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจาก ค. แทนผู้เสียหายฉะนั้น เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังมิใช่เป็นเงินของผู้เสียหาย แม้จำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริตก็ตาม ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความยักยอกทรัพย์ & อำนาจทนายความรับเงินแทนลูกความ คดีขาดอายุความหากเกิน 3 เดือน และทนายความไม่มีอำนาจรับเงินแทน
การที่ผู้เสียหายมีหนังสือร้องเรียนต่อประธานคณะกรรมการมรรยาททนายความให้ดำเนินการแก่จำเลย ย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายรู้เรื่องการยักยอกเงินและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่วันมีหนังสือดังกล่าวเป็นอย่างช้า แต่ผู้เสียหายเพิ่งมาร้องทุกข์และมอบคดีต่อพนักงานสอบสวนเกินกำหนด 3 เดือน นับแต่วันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามป.อ. มาตรา 96 เมื่อผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจากค. แทนผู้เสียหาย จำเลยในฐานะทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนผู้เสียหายได้เท่านั้น ไม่มีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งจะชำระแก่ผู้เสียหาย เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังไม่ใช่เป็นเงินของผู้เสียหายแม้จะฟังว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริต ก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ทนายความรับเงินแทนลูกความโดยไม่ได้รับมอบหมาย ไม่ถือเป็นการยักยอกทรัพย์
จำเลยได้รับแต่งตั้งจากผู้เสียหายให้เป็นทนายความของผู้เสียหายโดยมิได้รับมอบหมายให้รับเงินแทนผู้เสียหาย ดังนั้นจำเลยในฐานะเป็นทนายความของผู้เสียหายจึงเพียงแต่มีอำนาจว่าความและดำเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ แทนผู้เสียหายได้เท่านั้น จำเลยหามีอำนาจที่จะรับเงินซึ่งจะชำระแก่ผู้เสียหายไม่ ผู้เสียหายจ้างจำเลยเป็นทนายความให้ฟ้องเรียกเงินกู้จาก ค.ต่อมาผู้เสียหายกับ ค.ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันโดยค.ยอมชำระเงิน 45,000 บาท แก่ผู้เสียหาย ชำระให้ในวันทำสัญญาประนีประนอมยอมความ 10,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 35,000 บาทจะผ่อนชำระ ต่อมา ค.ได้นำเงิน 35,000 บาท ที่เหลือไปชำระให้แก่จำเลย จำเลยรับเงินดังกล่าวโดยผู้เสียหายไม่ได้มอบหมายให้จำเลยมีอำนาจรับเงินจาก ค.แทนผู้เสียหาย ฉะนั้น เงินที่จำเลยรับไว้จาก ค. จึงยังมิใช่เป็นเงินของผู้เสียหาย แม้จะฟังว่าจำเลยได้เบียดบังเอาเงินจำนวนดังกล่าวไว้เป็นของตนโดยทุจริตก็ตามก็ยังไม่เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงไม่มีสิทธิร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีแก่จำเลยโจทก์จึงไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 190/2532)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องอาญา: การบรรยายรายละเอียดการกระทำผิดเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
โจทก์มิได้อ้างในคำฟ้องว่าเงินที่ผู้เสียหายมอบให้แก่จำเลยเป็นเงินมัดจำซื้อบ้านจำนวนเท่าใด ต่อเติมบ้านจำนวนเท่าใดแต่ฟ้องโจทก์ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดมีข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หากจำเลยเห็นว่าเงินที่โจทก์มอบให้จำเลยเป็นเงินค่าจ้างที่ผู้เสียหายว่าจ้างจำเลยต่อเติมบ้านให้ผู้เสียหาย จึงเป็นเงินของจำเลย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ก็เป็นข้อต่อสู้ซึ่งจำเลยสามารถจะนำสืบหักล้างได้ในชั้นพิจารณา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2535 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องยักยอกทรัพย์: ฟ้องสมบูรณ์แม้ไม่ระบุจำนวนเงิน หากจำเลยต่อสู้ได้
ฟ้องของโจทก์ซึ่งกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอก แม้จะมิได้อ้างในคำฟ้องว่าเงินที่ผู้เสียหายมอบให้แก่จำเลยเป็นเงินมัดจำซื้อบ้านจำนวนเท่าใด ต่อเติมบ้านจำนวนเท่าใดก็ตาม แต่ก็ถือเป็นฟ้องที่บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด มีข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5) หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ หากจำเลยเห็นว่าเงินที่โจทก์มอบให้จำเลยจำนวนดังกล่าวเป็นเงินค่าจ้างที่ผู้เสียหายว่าจ้างจำเลยต่อเติมบ้านให้ผู้เสียหาย จึงเป็นเงินของจำเลย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลยซึ่งสามารถนำสืบหักล้างได้ในชั้นพิจารณา