คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 352

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความสมบูรณ์ของฟ้องยักยอกทรัพย์ แม้ไม่ได้ระบุจำนวนเงินที่ชัดเจน การพิสูจน์ข้อต่อสู้ในชั้นพิจารณา
ฟ้องของโจทก์ซึ่งกล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดฐานยักยอกแม้จะมิได้อ้างในคำฟ้องว่าเงินที่ผู้เสียหายมอบให้แก่จำเลยเป็นเงินมัดจำซื้อบ้านจำนวนเท่าใด ต่อเติมบ้านจำนวนเท่าใดก็ตาม แต่ก็ถือเป็นฟ้องที่บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด มีข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ อีกทั้งบุคคลหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) หาเป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ หากจำเลยเห็นว่าเงินที่โจทก์มอบให้จำเลยจำนวนดังกล่าวเป็นเงินค่าจ้างที่ผู้เสียหายว่าจ้างจำเลยต่อเติมบ้านให้ผู้เสียหาย จึงเป็นเงินของจำเลย การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดก็เป็นข้อต่อสู้ของจำเลยซึ่งสามารถนำสืบหักล้างได้ในชั้นพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4256/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผู้ค้ำประกันเช่าซื้อรถยนต์ผิดนัดชำระหนี้ การครอบครองรถยนต์ไม่ถึงขั้นยักยอกทรัพย์
จำเลยเอารถยนต์ของกลางของผู้เสียหายไปไว้ในครอบครองของจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันในการเช่าซื้อซึ่งภริยาจำเลยเช่าซื้อไปจากผู้เสียหาย และรถยนต์ของกลางยังคงอยู่ในครอบครองของจำเลยตลอดมา จำเลยมีหน้าที่จะต้องชำระเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระและมีหน้าที่จะต้องส่งคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้เสียหาย การที่จำเลยเอารถยนต์ของกลางไปขับรับจ้างขนส่งผู้โดยสารในต่างจังหวัดและยังไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ผู้เสียหายชอบที่จะบังคับเอาทางแพ่งได้ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นการเบียดบังทรัพย์อันจะเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3491/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การถอนคำร้องทุกข์ในความผิดยักยอกทรัพย์ และอำนาจการเรียกค่าเสียหายในความผิดปลอมแปลงเอกสาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานปลอมเอกสารสิทธิ ใช้เอกสารสิทธิที่จำเลยทำปลอมขึ้น และยักยอกทรัพย์ ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นผู้เสียหายยื่นคำร้องว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป และแถลงต่อศาลด้วยว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีแก่จำเลยต่อไป ขอถอนคำร้องทุกข์ ถือได้ว่าเป็นการถอนคำร้องทุกข์และยอมความกันโดยถูกต้องตามกฎหมายในความผิดฐานยักยอกซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องเกี่ยวกับความผิดฐานดังกล่าวย่อมระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา 39 (2) คำขอให้ชดใช้ราคาทรัพย์อันเนื่องมาจากการกระทำผิดฐานยักยอกนั้นจึงเป็นอันตกไปด้วย
ป.วิ.อ. มาตรา 43 มิได้ให้อำนาจพนักงานอัยการที่ยื่นฟ้องคดีอาญาในความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ให้เรียกทรัพย์สินหรือราคาแทนผู้เสียหายได้ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้อุทธรณ์ฎีกา ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้ตามมาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2387/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในข้าวเปลือกยังไม่โอน ยักยอกไม่ได้ เหตุไม่มีการส่งมอบหรือตรวจนับ
โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยยักยอกข้าวเปลือกของโจทก์จำนวน 400 กระสอบซึ่งฝากไว้ที่ยุ้งข้าวของจำเลย โดยข้าวเปลือกจำนวนดังกล่าวจำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ แต่พยานหลักฐานโจทก์ฟังไม่ได้ว่ามีการตรวจนับจำนวนหรือคัดเลือกข้าวเปลือกเพื่อกำหนดส่งมอบให้แก่โจทก์ ข้าวเปลือกที่โจทก์กล่าวอ้างจึงยังไม่เป็นวัตถุแห่งหนี้ที่จะชำระให้แก่กัน และกรรมสิทธิ์ในข้าวเปลือกยังไม่โอนไปเป็นของโจทก์ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยครอบครองข้าวเปลือกของโจทก์ ไม่อาจเป็นความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบรรยายฟ้องความผิดฐานยักยอกทรัพย์โดยตัวแทน ต้องระบุชัดเจนถึงฐานะของผู้กระทำผิดในฐานะผู้มีอาชีพที่น่าเชื่อถือ
โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่า จำเลยเป็นพนักงานธนาคารและเป็นตัวแทนของโจทก์ในการจัดเก็บหนี้สินจากลูกหนี้ของโจทก์เพื่อนำฝากเข้าบัญชีของโจทก์และจำเลยยังเป็นผู้ดูแลเงินฝากของโจทก์ด้วย แต่จำเลยได้เบียดบังเงินในบัญชีของโจทก์หรือเงินที่เก็บมาจากลูกหนี้ซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยไปโดยทุจริต ทำให้โจทก์ได้ความเสียหาย ดังนี้ฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏชัดแจ้งว่าการกระทำของจำเลยที่เป็นตัวแทนของโจทก์ตามฟ้อง เป็นการกระทำอันเกี่ยวกับการที่จำเลยเป็นพนักงานธนาคารซึ่งเป็นอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนฟ้องของโจทก์จึงไม่มีข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำผิดในฐานที่เป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนตามมาตรา 354 แม้ในคำขอท้ายฟ้องจะระบุอ้างมาตรา 354มาด้วยก็ตาม ก็เป็นการระบุเกินมาจากคำบรรยายฟ้องของโจทก์ในตอนต้นถือไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำผิดตามมาตรา 354.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฝากทรัพย์และการยักยอก: เจตนาทุจริตสำคัญในการพิจารณาความผิดฐานยักยอก
ขณะโจทก์ร่วมถูกฟ้องคดีอาญา จำเลยรับฝากทรัพย์สิ่งของและเงินไว้จากโจทก์ร่วมหลังจากโจทก์ร่วมพ้นคดีแล้ว โจทก์ร่วมทวงทรัพย์สินที่ฝากไว้คืนจากจำเลยแต่จำเลยไม่คืนให้ เงินที่โจทก์ร่วมฝากไว้จำเลยผู้รับฝากมีสิทธินำออกใช้อย่างไรก็ได้หากจำต้องคืนแก่โจทก์ให้ครบตามจำนวนเท่านั้น เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาทุจริตการที่จำเลยนำเงินที่รับฝากนั้นออกใช้หรือไม่คืนให้ เมื่อถูกทวงถามจึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก ส่วนทรัพย์สินอื่นเมื่อโจทก์ร่วมทวงถามแล้ว จำเลยไม่คืนให้โดยเจตนาทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 530/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฝากทรัพย์และเงิน การคืนทรัพย์เมื่อถูกทวงถาม ความผิดฐานยักยอก
โจทก์ร่วมถูกฟ้องคดีอาญา จำเลยได้รับฝากทรัพย์สิ่งของต่าง ๆ และเงินจำนวนหนึ่งไว้จากโจทก์ร่วม ต่อมาหลังจากพ้นคดีแล้วโจทก์ร่วมไปทวงทรัพย์สินที่ฝากไว้คืนจากจำเลยแต่จำเลยไม่คืนให้ กรณีเป็นเรื่องโจทก์ร่วมและจำเลยฝากทรัพย์กัน ดังนั้นเงินทั้งหมดที่โจทก์ร่วมฝากไว้จำเลยผู้รับฝากจึงมีสิทธิที่จะนำออกใช้ได้หากจำต้องคืนแก่โจทก์ร่วมให้ครบตามจำนวนเท่านั้นไม่ปรากฏว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต เพียงแต่เมื่อโจทก์ร่วมทวงถามจำเลยไม่คืนให้ จึงเป็นเรื่องที่โจทก์ร่วมจะต้องฟ้องร้องเรียกคืนจากจำเลยในทางแพ่ง การที่จำเลยนำเงินที่รับฝากนั้นออกใช้หรือไม่คืนให้เมื่อถูกทวงถามหาเป็นความผิดอาญาฐานยักยอกไม่ ส่วนการรับฝากทรัพย์สินอื่นนั้น เมื่อได้ความว่า โจทก์ร่วมทวงถามแล้วจำเลยไม่คืนให้โดยเจตนาทุจริต จึงเป็นความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 396/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อายุความฟ้องละเมิดและการบังคับใช้กับผู้ค้ำประกัน: อายุความทางอาญาเหนือกว่าอายุความทางแพ่ง
สัญญาค้ำประกันทำขึ้นขณะที่บัญชีอัตราอากรแสตมป์กำหนดให้ปิดอากรแสตมป์ 1 บาท แม้ภายหลังกฎหมายจะกำหนดให้ปิดอากรแสตมป์10 บาท สัญญาค้ำประกันที่ปิดอากรแสตมป์ 1 บาท นั้นก็ยังใช้ได้ไม่ต้องห้ามใช้เป็นพยานหลักฐานคดีแพ่งตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 โจทก์ฟ้องว่า ส. พนักงานของโจทก์ทุจริตเบียดบังเอาเงินของโจทก์เป็นประโยชน์ส่วนตัวแล้วหลบหนี เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายในมูลละเมิดอันเป็นความผิด มีโทษตาม ป.อ. มาตรา 352 ซึ่งมีอายุความ10 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 95(3) กำหนดอายุความทางอาญาจึงยาวกว่าอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคแรก ที่กำหนดไว้เพียง 1 ปีจึงต้องเอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับตาม ป.พ.พ. มาตรา 448วรรคสอง การที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันในมูลหนี้ละเมิดที่ ส. ก่อขึ้น จึงใช้กำหนดอายุความ 10 ปี จำเลยจะยกอายุความ 1 ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา 448 วรรคแรกซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของลูกหนี้ขึ้นต่อสู้โจทก์โดยอาศัยบทบัญญัติแห่งป.พ.พ. มาตรา 694 หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5575/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ที่ดินยังไม่เปลี่ยนมือจนกว่าจะจดทะเบียน แม้มีสัญญาประนีประนอมยอมความ การโอนที่ดินจึงไม่เป็นยักยอก
จำเลยเป็นผู้มีชื่อถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน แม้ต่อมาศาลจะพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยยกที่ดินให้ว.ครึ่งหนึ่งโดยใส่ชื่อว. เป็นเจ้าของรวมในโฉนด แต่เมื่อยังไม่มีการจดทะเบียนใส่ชื่อ ว.เป็นเจ้าของรวมว. ก็ยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน ที่ดินยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยเพียงผู้เดียว การที่จำเลยโอนที่ดินทั้งหมดให้ ถ. จึงไม่เป็นความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5413/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้สลักหลังเช็คเมื่อเช็คไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ และขอบเขตความรับผิดต่อเจ้าของเช็คเดิม
จำเลยนำเช็คซึ่งบริษัท พ. สั่งจ่ายให้จำเลยมาสลักหลังแล้วแลกเงินสดไปจากโจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์นำไปเรียกเก็บเงินไม่ได้เนื่องจากธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ให้จำเลยเอาเงินมาคืนและมอบเช็คให้จำเลยไปติดต่อกับบริษัท พ. เอง เพราะโจทก์ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับบริษัทดังกล่าว แสดงว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะเรียกร้องเอาเงินตามเช็คจากผู้สั่งจ่าย แต่เลือกที่จะเรียกร้องเอาเงินตามเช็คจากจำเลยซึ่งเป็นผู้สลักหลัง ซึ่งโจทก์มีสิทธิที่จะเลือกกระทำได้ จำเลยจึงเป็นผู้ทรงเช็คดังกล่าวโดยชอบด้วยกฎหมาย และมีสิทธิที่จะนำไปเรียกเก็บเงินเอาจากผู้สั่งจ่ายได้ แต่จำเลยยังคงต้องรับผิดชดใช้เงินตามสัญญาแลกเช็คกับเงินสดที่ทำไว้ต่อโจทก์ เมื่อจำเลยนำเช็คไปเรียกเก็บเงินได้แล้ว จำเลยไม่มีหน้าที่ที่จะต้องนำเงินจำนวนที่รับมาดังกล่าวไปมอบให้แก่โจทก์ แม้ฟังว่าจำเลยนำเงินจำนวนดังกล่าวไปใช้เสียเองไม่นำไปมอบให้แก่โจทก์ การกระทำของจำเลยก็ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก
of 93