คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 352

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมสิทธิ์ในเงินค่าใช้สอยและการหักหนี้: เมื่อจำเลยมีสิทธิใช้จ่ายเองและนำหลักฐานมาหักหนี้ได้
เงินค่าใช้สอยที่จำเลยเบิกไปจากโจทก์จำเลยมีสิทธิครอบครองใช้จ่ายได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องขออนุมัติจากโจทก์ทั้งโจทก์มิได้กำหนดการจ่ายไว้เป็นที่แน่นอนสุดแล้วแต่จำเลยจะเห็นสมควรใช้จ่ายอย่างใดแล้วนำหลักฐานมาหักหนี้ในทางบัญชีกับโจทก์ในภายหลังกรรมสิทธิ์ในเงินดังกล่าวจึงตกเป็นของจำเลยตั้งแต่ขณะที่ได้รับไปจากโจทก์หาใช่จำเลยครอบครองเงินดังกล่าวไว้แทนโจทก์หากจำเลยไม่มีหลักฐานมาหักหนี้หรือมีเงินเหลือแล้วไม่ส่งคืนโจทก์ชอบที่จะเรียกร้องทางแพ่งเอาแก่จำเลยกรณีไม่มีมูลเป็นความผิดทางอาญาฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ (ข้าว) ความผิดทางอาญาและกฎหมายพิเศษ ผู้สนับสนุนความผิด
ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝากผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้การฝากข้าวซึ่งเป็นสังหมะทรัพย์นั้นหากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้นหามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่. เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่1ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือแม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่1ด้วยเพราะคดีสำหรับจำเลยที่1เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่2ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้ ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช2489เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกันการกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้นจำเลยที่2มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพุทธศักราช2489จำเลยที่2ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกข้าว, ความผิดอาญา, และความผิดตาม พรบ.การค้าข้าว: การลงโทษฐานความผิดหลายบท
ผู้รับฝากข้าวมีหน้าที่จะต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝาก ผู้รับฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ กรณีมิใช่เป็นการฝากเงินซึ่งผู้รับฝากไม่จำเป็นต้องส่งคืนเงินอันเดียวกันกับที่รับฝากไว้ การฝากข้าวซึ่งเป็น
สังกมะทรัพย์นั้น หากผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากซึ่งเป็นการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้น หามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่
เมื่อศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ยักยอกข้าวโดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้ให้ความช่วงเหลือ แม้ศาลอุทธรณ์จะไม่ลงโทษจำเลยที่ 1 ด้วย เพราะคดีสำหรับจำเลยที่ 1 เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว ศาลอุทธรณ์ก็ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้
ความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญากับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช2489 เป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกัน การกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้ มิใช่เป็นกรณีที่ถ้าการกระทำเป็นความผิดฐานหนึ่งแล้วมิอาจเป็นความผิดอีกฐานหนึ่งได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้น จำเลยที่ 2 มิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 จำเลยที่ 2 ก็มีความผิดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2711/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกและยักย้ายข้าว: การพิจารณาความผิดทางอาญาและบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ผู้รับฝากมีหน้าที่ต้องคืนทรัพย์ที่รับฝากแก่ผู้ฝากจะนำทรัพย์ออกใช้สอยหรือมอบให้ผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ฝากหาได้ไม่ในการฝากข้าวซึ่งเป็นสังกมะทรัพย์นั้นถ้าผู้รับฝากยักยอกเอาข้าวไปโดยทุจริตไม่สามารถส่งคืนข้าวที่รับฝากไว้ให้แก่ผู้ฝากได้ผู้รับฝากอาจต้องส่งคืนข้าวชนิดและประเภทเดียวกันให้แก่ผู้ฝากก็เป็นเรื่องของการชำระหนี้ในทางแพ่งเท่านั้นหามีผลให้ผู้รับฝากพ้นความรับผิดฐานยักยอกในทางอาญาไม่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยที่1ยักยอกข้าวขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกรโดยมีจำเลยที่2เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือศาลอุทธรณ์ย่อมลงโทษจำเลยที่2ฐานเป็นผู้สนับสนุนได้แม้ว่าจะมิได้พิพากษาลงโทษจำเลยที่1ด้วยเพราะว่าคดีสำหรับจำเลยที่1ได้ยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วก็ตาม ความผิดฐานยักยอกตามป.อ.กับความผิดฐานยักย้ายข้าวจากสถานที่เก็บโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพ.ร.บ.การค้าข้าวเป็นความผิดที่มีองค์ประกอบต่างกันและเป็นอิสระจากกันการกระทำกรรมเดียวอาจเป็นความผิดทั้งสองฐานได้เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในการยักย้ายข้าวซึ่งเป็นความผิดฐานยักยอกนั้นจำเลยมิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตามพ.ร.บ.การค้าข้าวจำเลยก็มีความผิดตามพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2319/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกเช็ค vs. ยักยอกเงิน: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของเงินที่ได้จากการขายเช็ค และอายุความการฟ้องร้อง
จำเลยนำสินค้าของโจทก์ไปส่งแก่ลูกค้าของโจทก์ได้รับเช็คชำระค่าสินค้าจำเลยควรส่งมอบเช็คแก่โจทก์แต่ไม่ส่งมอบกลับนำเช็คไปขายแล้วเอาเงินไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวเสีย.เงินที่จำเลยขายเช็คได้ไม่ใช่เงินของโจทก์เพราะโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยเอาเช็คไปขายและมิใช่เงินที่จำเลยได้รับมอบจากธนาคารตามเช็คซึ่งอาจถือได้ว่ารับไว้แทนโจทก์แต่เป็นเงินของจำเลยเองจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานยักยอกเงินที่จำเลยนำเช็คไปขายได้มาคงมีความผิดฐานยักยอกเช็คแต่โจทก์มิได้ฟ้องภายใน3เดือนนับแต่จำเลยยักยอกเช็คคดีขาดอายุความ.(ที่มา-เนติฯ)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ยักยอกทรัพย์: การครอบครองเงินแทนผู้อื่นแล้วเบียดบังยักยอกเข้าตัวเองถือเป็นความผิดอาญา
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยรับมอบเหรียญหลวงปู่แหวนจำนวน 20 องค์ ราคาองค์ละ 10 บาท รวมราคา 200 บาทจากผู้เสียหาย เพื่อเอาไปจำหน่ายให้กับประชาชนโดยทั่วไป แล้วจะต้องนำเงินที่จำหน่ายเหรียญดังกล่าวมอบให้ผู้เสียหายในวันเดียวกัน ต่อมาวันเดียวกันนี้จำเลยซึ่งได้ครอบครองเงินค่าจำหน่ายเหรียญดังกล่าวจำนวน 200 บาท ได้เบียดบังยักยอกเอาเงินดังกล่าวของผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริต ดังนี้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่า จำเลยครอบครองเงินค่าจำหน่ายเหรียญของผู้เสียหาย มีหน้าที่ต้องนำเงินดังกล่าวมาคืนให้ผู้เสียหาย แต่แล้วได้เบียดบังยักยอกไป อันครบองค์ความผิดฐานยักยอกแล้ว และจำเลยรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องฟังเป็นที่ยุติตามคำฟ้องและคำให้การว่า เงินค่าจำหน่ายเหรียญเป็นของผู้เสียหาย เมื่อจำเลยเบียดบังไปโดยทุจริต จำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1956/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าเหรียญ: จำเลยครอบครองเงินของผู้เสียหายแล้วเบียดบังยักยอกไปเป็นประโยชน์ตนเอง
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยรับมอบเหรียญหลวงปู่แหวนจำนวน20องค์ราคาองค์ละ10บาทรวมราคา200บาทจากผู้เสียหายเพื่อเอาไปจำหน่ายให้กับประชาชนโดยทั่วไปแล้วจะต้องนำเงินที่จำหน่ายเหรียญดังกล่าวมอบให้ผู้เสียหายในวันเดียวกันต่อมาวันเดียวกันนี้จำเลยซึ่งได้ครอบครองเงินค่าจำหน่ายเหรียญดังกล่าวจำนวน200บาทได้เบียดบังยักยอกเอาเงินดังกล่าวของผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ของจำเลยโดยทุจริตดังนี้เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงว่าจำเลยครอบครองเงินค่าจำหน่ายเหรียญของผู้เสียหายมีหน้าที่ต้องนำเงินดังกล่าวมาคืนให้ผู้เสียหายแต่แล้วได้เบียดบังยักยอกไปอันครบองค์ความผิดฐานยักยอกแล้วและจำเลยรับสารภาพข้อเท็จจริงจึงต้องฟังเป็นที่ยุติตามคำฟ้องและคำให้การว่าเงินค่าจำหน่ายเหรียญเป็นของผู้เสียหายเมื่อจำเลยเบียดบังไปโดยทุจริตจำเลยจึงมีความผิดฐานยักยอก.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196-1197/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ข้อเท็จจริงหลังศาลแขวงยกฟ้อง: ศาลฎีกายกเพราะขัด พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวง
คดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องแล้วจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ โจทก์อุทธรณ์ว่าจำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงแม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบแม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิงศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1196-1197/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อุทธรณ์ปัญหาข้อเท็จจริงหลังศาลแขวงยกฟ้องมิได้ ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คดีที่อยู่ในอำนาจศาลแขวงซึ่งต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อศาลแขวงพิพากษายกฟ้องแล้วจึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้
โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยรับเงินจากลูกค้าแทนโจทก์แล้วมิได้ส่งมอบเงินแก่โจทก์ เท่ากับจำเลยครอบครองแทนโจทก์แล้วจำเลยทุจริตเอาไปเสียไม่นำส่งแก่โจทก์นั้นเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ ได้รับมอบหมายจากโจทก์ให้เก็บเงินและครอบครองเงินแทนโจทก์ ย่อมเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริง แม้จะเป็นการวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ก็เป็นการวินิจฉัยนอกเหนือไปจากข้อเท็จจริงที่ศาลแขวงฟังยุติแล้วจำเลยไม่ได้ครอบครองเงินแทนโจทก์และเบียดบังเงินของโจทก์จึงเป็นการวินิจฉัยที่มิชอบ แม้ว่าจำเลยมิได้หยิบยกปัญหาข้อนี้ขึ้นอ้างอิง ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยได้ เพราะเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยและจำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต่อไปมิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1124/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาหลอกลวงในการซื้อขายโคเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกง แม้จะอ้างว่าชำระเงินแล้ว
จำเลยติดต่อผู้เสียหายให้หาซื้อโคให้ เมื่อจำเลยขายโคได้แล้วจะนำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระให้ ผู้เสียหายซื้อโคได้แล้วมอบให้จำเลยไปจำเลยไม่นำเงินค่านายหน้าและค่าโคมาชำระ เมื่อถูกจับกุมก็ให้การว่าได้ชำระเงินให้ผู้เสียหายจนครบถ้วนแล้ว เห็นได้ว่าจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อโคอย่างแท้จริง แต่ได้วางแผนหลอกลวงผู้เสียหายกับพวกมาตั้งแต่ต้นโดยแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าจะซื้อแต่ความจริงจำเลยมิได้มีเจตนาจะซื้อและชำระราคาโค จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
of 93