พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยักยอกเงินร่วม การคืนเงินให้ผู้เสียหาย และสิทธิในเงินที่คืน
จำเลยถูกฟ้องหาว่ายักยอกเงินจำนวน 44,000 บาทซึ่งจำเลยกับผู้เสียหายเป็นเจ้าของร่วมกันคนละครึ่ง ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยให้การรับสารภาพและได้นำเงินจำนวน 44,000 บาท มาวางศาลและแถลงขอให้ผู้เสียหายมารับส่วนของผู้เสียหายจำนวน 22,000 บาทไปได้ เช่นนี้เงินจำนวน 22,000 บาท จึงเป็นของผู้เสียหาย แม้ศาลชั้นต้นจะพิพากษายกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยคืนหรือใช้เงินแก่ผู้เสียหายก็ไม่ทำให้เงินจำนวนนี้กลับกลายเป็นของจำเลย จำเลยไม่มีสิทธิมาขอรับคืน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2715/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำนำขาดอายุ ไม่ถือเป็นยักยอกทรัพย์ ผู้จำนำมีสิทธิขายทรัพย์ได้
ผู้เสียหายจำนำทรัพย์สินของตนไว้กับจำเลยโดยกำหนดเวลา ไถ่คืนไว้พ้นกำหนดเวลาไถ่คืนแล้ว ผู้เสียหายไปขอไถ่คืน จำเลยว่าจำนำขาดและนำทรัพย์ไปขายแล้วการกระทำของจำเลย ดังนี้เป็นการขาดเจตนากระทำความผิดฐานยักยอก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบเงินให้ลูกจ้างนำไปฝากธนาคาร หากลูกจ้างวางแผนให้พวกปล้นเงินระหว่างทาง เป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์
การที่ผู้เสียหายเอาเงินสดให้จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างนำไปฝากเข้าบัญชีของผู้เสียหายในธนาคารนั้น ถือว่าผู้เสียหายได้มอบเงินสด จำนวนนั้นให้อยู่ในความครอบครองของจำเลย เพราะจำเลยจะต้องถือและรักษาเงินสดจำนวนนั้นจนกระทั่งนำไปฝากธนาคารให้เรียบร้อยการที่จำเลยวางแผนให้พวกของจำเลยมาแย่งเอาเงินไป ในระหว่างทางที่ไปธนาคารการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฐานยักยอกมิใช่ความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1862/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การมอบเงินให้ลูกจ้างนำฝากธนาคาร หากลูกจ้างวางแผนให้พวกแย่งเงิน ถือเป็นการยักยอกทรัพย์
การที่ผู้เสียหายเอาเงินสดให้จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างนำไปฝากเข้าบัญชีของผู้เสียหายในธนาคารนั้น ถือว่าผู้เสียหายได้มอบเงินสด จำนวนนั้นให้อยู่ในความครอบครองของจำเลย เพราะจำเลยจะต้องถือและรักษาเงินสดจำนวนนั้นจนกระทั่งนำไปฝากธนาคารให้เรียบร้อย การที่จำเลยวางแผนให้พวกของจำเลยมาแย่งเอาเงินไป ในระหว่างทางที่ไปธนาคาร การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิด ฐานยักยอกมิใช่ความผิดฐานลักทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 205/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจ้าพนักงานรักษาทรัพย์เบียดบังเงิน: การกำหนดฐานความผิดตามมาตรา 147 แทนมาตรา 352
แม้จำเลยมีตำแหน่งอาจารย์ทำหน้าที่สอนหนังสือ แต่จำเลยก็ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ใหญ่ให้ทำหน้าที่หัวหน้าแผนกการเงินซึ่งอาจารย์ใหญ่มีอำนาจมอบหมายได้ เงินที่จำเลยได้รับและเบียดบังไปเป็นเงินค่าจำหน่ายผลิตผลและอื่น ๆ เมื่อจำเลยรับไว้แล้วมีหน้าที่ต้องนำส่งต่อคณะกรรมการรักษาเงิน อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจจำเลยจึงมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รักษาทรัพย์ เมื่อจำเลยเบียดบังเป็นของตนหรือของผู้อื่นโดยทุจริต ต้องมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 หาใช่ มาตรา 352 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษฐานลักทรัพย์ แม้ฟ้องยักยอก และการลงโทษความผิดหลายกระทง
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ศาลอุทธรณ์ย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม
ผู้ใดร่วมกับผู้อื่นเอาเอกสาร (เช็ค) ของผู้อื่นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 และเป็นความผิดตามมาตรา 335 อีกบทหนึ่งด้วย
ผู้ใดร่วมกับผู้อื่นเอาเอกสาร (เช็ค) ของผู้อื่นไปโดยทุจริต ย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 และเป็นความผิดตามมาตรา 335 อีกบทหนึ่งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 200/2528
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการลงโทษฐานลักทรัพย์ แม้ฟ้องฐานยักยอก และความผิดซ้อนจากเอกสาร
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ศาลอุทธรณ์ย่อมลงโทษจำเลยในความผิดฐานลักทรัพย์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม ผู้ใดร่วมกับผู้อื่นเอาเอกสาร (เช็ค) ของผู้อื่นไปโดยทุจริตย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188และเป็นความผิดตามมาตรา 335 อีกบทหนึ่งด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3812/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายทรัพย์สินของผู้อื่นโดยตกลงราคา ไม่เข้าข่ายตัวแทนหรือยักยอก เป็นผิดสัญญา
จำเลยรับสร้อยคอและสร้อยข้อมือทองคำของโจทก์ไปจำหน่ายโดยกำหนดราคากันไว้จะขายเกินหรือต่ำกว่าราคาที่โจทก์กำหนดก็ได้เมื่อขายได้แล้วต้องส่งเงินให้แก่โจทก์ตามราคาที่กำหนดโดยได้เปอร์เซ็นถ้าขายไม่ได้ก็นำมาคืน ดังนี้ไม่ใช่เรื่องตัวแทน หรือจำเลยได้รับมอบหมายให้รับราคาสร้อยไว้แทนโจทก์ เมื่อจำเลยไม่คืนสร้อยและว่าเอาเงินไปใช้หมดแล้ว เป็นเรื่องผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น ไม่มีความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3274/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องยักยอกทรัพย์: การบรรยายฟ้องที่ชัดเจนเพียงพอต่อการเข้าใจข้อหา
บรรยายฟ้องว่าจำเลยเป็นผู้รับฝากเสื้อผ้าของผู้เสียหายไว้หลายรายการ ต่อมาระหว่างวันที่ 14 มีนาคม 2525 ตลอดมาจนถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2525 จำเลยได้เบียดบังยักยอกเอาเสื้อผ้าที่ได้รับฝากไว้ดังกล่าวรวม 2 รายการราคา 125,000 บาท ของผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต ดังนี้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลแขวงจำกัดเฉพาะบทลงโทษไม่เกิน 3 ปี แม้มีบทหนักกว่า หากฟ้องรวมกันถือเป็นคดีนอกอำนาจ
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญา ที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปีเมื่อฟ้องของโจทก์เป็นการขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352, 354 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี และ 5 ปีตามลำดับและ เป็นกรณีที่กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิด กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทด้วยกัน ซึ่งหากพิจารณา ได้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์แล้ว ศาลก็ต้องใช้มาตรา 354 ซึ่งเป็นบทหนักมาเป็นบทลงโทษจำเลยจึงเกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาแม้ความผิดตามบทกฎหมายที่เบากว่าจะอยู่ในอำนาจศาลแขวง แต่เมื่อความผิดตามบทหนักเกินอำนาจศาลแขวงแล้ว ก็ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวงเพราะคำฟ้องของโจทก์กล่าวหาจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวไม่อาจแบ่งแยกข้อหาตามมาตรา 352 และมาตรา 354 ออกจากกันได้