คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 352

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแขวง: คดีอาญาหลายบท หากมีบทหนักเกินอำนาจ ศาลต้องถือว่าคดีเกินอำนาจ แม้บทเบาอยู่ในอำนาจ
โจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลแขวงซึ่งมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีอาญาที่มีอัตราโทษอย่างสูงตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปีเมื่อฟ้องของโจทก์เป็นการขอให้ลงโทษจำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352,354 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปีและ 5 ปีตามลำดับ และเป็นกรณีที่ กล่าวหาว่าจำเลยกระทำความผิดกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมาย หลายบทด้วยกัน ซึ่งหากพิจารณา ได้ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ แล้วศาลก็ต้องใช้มาตรา 354 ซึ่งเป็นบทหนักมาเป็นบทลงโทษจำเลย จึงเกินอำนาจศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษาแม้ความผิดตามบทกฎหมายที่เบากว่าจะอยู่ในอำนาจศาลแขวงแต่เมื่อความผิดตามบทหนักเกินอำนาจศาลแขวงแล้ว ก็ต้องถือว่าคดีนี้เป็นคดีเกินอำนาจศาลแขวงเพราะคำฟ้องของโจทก์กล่าวหาจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวไม่อาจแบ่งแยกข้อหาตามมาตรา 352 และมาตรา 354 ออกจากกันได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขุดดินในที่ดินเช่า: สภาพทรัพย์เปลี่ยนจากอสังหาริมทรัพย์เป็นสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้เช่ามีความผิดฐานลักทรัพย์
จำเลยเช่าที่ดินของโจทก์ทำไร่ แล้วจำเลยขุดเอาดินจากที่ดินนั้นไปขายโดยทุจริต จำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ไม่ผิดฐานยักยอก เพราะการเช่าที่ดินนั้น ผู้ให้เช่าให้เช่าทรัพย์สินในสภาพที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ เมื่อที่ดินถูกขุดขึ้นมาแล้วย่อมเปลี่ยนสภาพเป็นสังหาริมทรัพย์ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่เช่า ดินที่ถูกขุดขึ้นมาจึงคงอยู่ในความครอบครองของผู้ให้เช่า (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3/2527)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 391/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแจ้งความชะลอการดำเนินคดีไม่ถือเป็นการร้องทุกข์ ทำให้ฟ้องคดีเกินอายุความ
ในคดียักยอก ข้อความที่ว่า นำความมาแจ้งเพื่อชะลอการดำเนินคดีไว้ก่อน ถ้าหากจำเลยไม่ชำระเงินจะได้มาแจ้งดำเนินคดีต่อไปอีก จึงนำความมาแจ้งไว้เป็นหลักฐานดังนี้ ถือไม่ได้ว่าเป็นการร้องทุกข์ตามกฎหมาย เพราะขณะแจ้งยังไม่ประสงค์จะให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดี ครั้นพ้นกำหนด 3 เดือน นับแต่รู้เรื่องความผิด และรู้ตัวผู้กระทำผิด ผู้เสียหายจึงได้มาแจ้งความให้ดำเนินคดีกับจำเลยคดีโจทก์จึงขาดอายุความฟ้องร้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 96

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3953/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองรถเช่าซื้อของผู้ค้ำประกัน ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก เนื่องจากกรรมสิทธิ์ยังเป็นของเจ้าของ
รถยนต์ที่ผู้เสียหายเช่าซื้อจากบริษัท อ. นั้น จำเลยมีส่วนได้เสียอยู่ด้วย โดยเป็นผู้ค้ำประกันในการเช่าซื้อ และกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้ออยู่ การครอบครองรถยนต์ของจำเลยจึงเป็นการครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ ไม่ใช่เป็นการครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้เสียหายหรือซึ่งผู้เสียหายเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย การที่จำเลยนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปมอบคืนให้แก่บริษัท อ. โดยผู้เสียหายมิได้รู้เห็นยินยอมด้วย จึงไม่ใช่เป็นการเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไว้โดยทุจริต การกระทำผลจำเลยไม่เป็นความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3953/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์เช่าซื้อ: จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันและกรรมสิทธิ์ยังเป็นของเจ้าของเดิม การคืนรถจึงไม่เป็นการยักยอก
รถยนต์ที่ผู้เสียหายเช่าซื้อจากบริษัท อ. นั้น จำเลยมีส่วนได้เสียอยู่ด้วย โดยเป็นผู้ค้ำประกันในการเช่าซื้อและกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้ออยู่การครอบครองรถยนต์ของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการครอบครองทรัพย์ซึ่งเป็นของผู้เสียหายหรือซึ่งผู้เสียหายเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย การที่จำเลยนำรถยนต์ที่เช่าซื้อไปมอบคืนให้แก่บริษัท อ. โดยผู้เสียหายมิได้รู้เห็นยินยอมด้วยจึงไม่ใช่เป็นการเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไว้โดยทุจริต ไม่เป็นความผิดฐานยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3261/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกจากบทบัญญัติใหม่ที่บัญญัติถึงการรวมโทษที่เป็นคุณแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 ซึ่งเป็นบทหนักจำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือนรวม 173 กระทง เป็นโทษจำคุก 576 ปี8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 บทเดียว ส่วนกำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ซึ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้ไขการรวมกระทงลงโทษโดยให้ลดโทษจำเลยลงเหลือเพียง 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่อันเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3261/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแก้ไขโทษจำคุกจากบทบัญญัติใหม่ที่บัญญัติถึงการรวมกระทงความผิดที่เป็นคุณแก่จำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502มาตรา 4 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 แต่ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา4 ซึ่งเป็นบทหนัก จำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือนรวม 173 กระทง เป็นโทษจำคุก 576 ปี 8 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา4 บทเดียว ส่วนกำหนดโทษคงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้เป็นการแก้ไขเล็กน้อย ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ขณะที่คดีนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 ซึ่งแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาแก้ไขการรวมกระทงลงโทษโดยให้ลดโทษจำเลยลงเหลือเพียง 50 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3) ที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่อันเป็นกฎหมายที่เป็นคุณแก่จำเลยได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2689/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำผิดตลาดหลักทรัพย์: การขายหุ้นลูกค้าโดยไม่ได้รับคำสั่ง และความรับผิดของกรรมการ/ผู้บริหาร
จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทธุรกิจเงินทุนและค้าหลักทรัพย์ เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เป็นกรรมการบริหาร และจำเลยที่ 5 ที่ 6 เป็นเจ้าหน้าที่บริหาร จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้บริหารและเกี่ยวข้องโดยตรงกับการซื้อขายหลักทรัพย์และจดทะเบียนหลักทรัพย์ในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เอาหุ้นของโจทก์ซึ่งเป็นลูกค้าของจำเลยที่ 1 ไปขายโดยไม่ได้รับคำสั่งจากโจทก์โจทก์ย่อมเป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยทั้งหก โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) ฟ้องจำเลยทั้งหกในความผิดตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพ.ศ. 2517 มาตรา 21,42 วรรคสองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2689/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดตลาดหลักทรัพย์: การขายหุ้นลูกค้าโดยไม่ได้รับคำสั่ง และความรับผิดของกรรมการ/ผู้บริหาร
จำเลยที่ 1 เป็นบริษัทธุรกิจเงินทุนและค้าหลักทรัพย์ เป็นสมาชิกตลาดหลักทรัพย์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 เป็นกรรมการบริหาร และจำเลยที่ 5 ที่ 6 เป็นเจ้าหน้าที่บริหาร จำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เป็นผู้บริหารและเกี่ยวข้องโดยตรงกับการซื้อขายหลักทรัพย์และจดทะเบียนหลักทรัพย์ในนามของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 2 ถึงที่ 6 เอาหุ้นของโจทก์ซึ่งเป็นลูกค้าของจำเลยที่ 1 ไปขายโดยไม่ได้รับคำสั่งจากโจทก์โจทก์ย่อมเป็นผู้ได้รับความเสียหายเนื่องจากการกระทำผิดของจำเลยทั้งหก โจทก์จึงเป็นผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) ฟ้องจำเลยทั้งหกในความผิดตามพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพ.ศ. 2517 มาตรา 21, 42 วรรคสองได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2567/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานยักยอกและปลอมเอกสาร: การถอนฟ้องและขอบเขตความรับผิด
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 353 ระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา โจทก์ร่วมขอถอนคำร้องทุกข์ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353 ซึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) และโจทก์ไม่มีสิทธิขอให้ศาลบังคับจำเลยคืนหรือใช้เงินที่ขาดแก่โจทก์ร่วม ส่วนข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264, 265 ไม่ใช่ความผิดอันยอมความได้ สิทธิฟ้องของอัยการยังไม่ระงับ
เมื่อมีลูกค้าแต่ละรายนำเงินมาชำระ จำเลยก็ปลอมสำเนาใบเสร็จรับเงินให้มีจำนวนเงินน้อยกว่าเงินที่รับจริงแล้วยักยอกเงินส่วนที่เกินไว้นั้น การปลอมสำเนาใบเสร็จรับเงินฉบับหนึ่งแล้วยักยอกเอาเงินจำนวนที่เกินกว่าสำเนาใบเสร็จนั้นไว้ครั้งหนึ่ง ย่อมเป็นความผิดสำเร็จกรรมหนึ่งตั้งแต่เวลายักยอกเงินจำนวนนั้นแล้ว การที่จำเลยรวบรวมเงินแต่ละวันส่งให้หุ้นส่วนผู้จัดการของโจทก์ร่วม เป็นแต่เพียงการปฏิบัติตามหน้าที่ของจำเลย หาใช่เป็นการยักยอกเงินในตอนนั้นไม่
สำเนาใบเสร็จรับเงินเป็นเพียงหลักฐานแสดงว่าได้มีการออกต้นฉบับใบเสร็จรับเงินมีข้อความตรงกับสำเนาใบเสร็จเท่านั้น ไม่ใช่เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลง โอนสงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ อันจะถือว่าเป็นเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(9)
of 93