คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 352

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 924 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 457/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ ไม่ใช่การยักยอกทรัพย์ ยักยอกเงินค่าจำนำถือเป็นเรื่องบังคับชำระหนี้ ไม่เป็นความผิดอาญา
ตามฟ้องของโจทก์นี้ (ดูฟ้องโจทก์) แปลได้ว่า เป็นเรื่องที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกเงินค่าจำนำวิทยุ (ไม่ใช่ยักยอกเครื่องวิทยุ) จึงไม่มีมูลคดีอาญา (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2503)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2503 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบกุญแจตู้เก็บเงิน ไม่ถือเป็นการสละสิทธิครอบครอง ย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และได้ความจากผู้เสียหายว่า จำเลยเป็นน้องผู้เสียหาย ๆ ได้ให้จำเลยเอาเงินไปเก็บในตู้ซึ่งเป็นที่เก็บเงินและเสื้อผ่า ตู้นี้อยู่ในห้องนอนของผู้เสียหาย ๆ ได้มอบกุญแจตู้ให้จำเลยไปด้วย ข้อเท็จจริงดังนี้จะถือว่า ผู้เสียหายสละสิทธิการครอบครองเงินนั้นให้แก่จำเลยแล้ว ยังไม่ได้ ผู้เสียหายยังมีสิทธิครอบครองเงินนั้นอยู่ รูปคดีอาจะเป็นเรื่องลักทรัพย์ไม่ใช่ยักยอก ซึ่งศาลควรฟังพยานโจทก์ต่อไป ไม่ควรสั่งงดสืบพยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 301/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองทรัพย์สินของผู้รับมอบ: สิทธิการครอบครองยังไม่สละ หากไม่ได้มอบหมายอย่างชัดเจน
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์และได้ความจากผู้เสียหายว่าจำเลยเป็นน้องผู้เสียหายๆ ได้ให้จำเลยเอาเงินไปเก็บในตู้ซึ่งเป็นที่เก็บเงินและเสื้อผ้า ตู้นี้อยู่ในห้องนอนของผู้เสียหายผู้เสียหายได้มอบกุญแจตู้ให้จำเลยไปด้วย ข้อเท็จจริงดังนี้จะถือว่าผู้เสียหายสละสิทธิการครอบครองเงินนั้นให้แก่จำเลยแล้ว ยังไม่ได้ผู้เสียหายยังมีสิทธิครอบครองเงินนั้นอยู่ รูปคดีอาจเป็นเรื่องลักทรัพย์ไม่ใช่ยักยอก ซึ่งศาลควรฟังพยานโจทก์ต่อไป ไม่ควรสั่งงดสืบพยาน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 34/2503

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์ที่ได้มาโดยไม่ทราบเจ้าของ แม้ฟ้องขอลงโทษฐานยักยอก ศาลลงโทษฐานลักทรัพย์ได้หากมีเจตนาทุจริต
จำเลยเก็บขวดใส่ทองรูปพรรณของผู้เสียหายซึ่งทำตกหายที่หน้าบันไดกุฏิวัดไปโดยจำเลยไม่ทราบว่าเป็นของใครและไม่ทราบว่า เจ้าของยังติดตามหาอยู่หรือไม่ จำเลยเอาเป็นประโยชน์ของตนเสียโดยเจตนาทุจริต ต้องมีความผิดฐานเก็บทรัพย์ที่หายแล้วเบียดบังเอาเป็นของคนอันเป็นความผิดฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรค 2
(อ้างฎีกาที่ 448/2488)
เมื่อฟ้องบรรยายข้อความตามที่กล่าวข้างต้น โดยเฉพาะโจทก์ได้กล่าวข้างต้น โดยเฉพาะโจทก์ได้กล่าวไว้ในฟ้องด้วยว่าจำเลยได้เก็บเอาทองรูปพรรณซึ่งเป็นของผู้เสียหายไปโดยเจตนาทุจริต แม้ว่าโจทก์ขอให้ลงโทษฐานยักยอกของตกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 ก็ดี หากการกระทำของจำเลยฟังได้ว่า เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ ก็ยังลงโทษจำเลยตามฟ้องได้เพราะเป็นเรื่องที่โจทก์กล่าวไว้ในฟ้องอยู่แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2502

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจร้องทุกข์: หลักเกณฑ์การมอบอำนาจให้ผู้อื่นร้องทุกข์แทน และข้อจำกัดของเอกสารมอบอำนาจ
ตามธรรมดาบุคคลย่อมตั้งตัวแทนทำแทนตนได้เสมอ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษทำนองว่า ให้ต้องกระทำด้วยตนเอง หรือตามสภาพไม่เปิดช่อง ให้มอบหมายจัดการแทนกันได้
เรื่องร้องทุกข์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 3 และ 5 นั้น มิใช่หมายความว่า ห้ามขาดไม่ให้มีการมอบอำนาจกัน เป็นแต่บัญญัติให้บุคคลดังกล่าวในมาตรา 5มีอำนาจกระทำกิจการที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 3 โดยไม่ต้องมีการมอบอำนาจซึ่งกันและกัน ส่วนกิจการในมาตรา 3 กิจการใดจะมอบอำนาจกันได้หรือไม่ ต้องเป็นไปตามหลักธรรมดา สุดแต่ว่า กรณีใดมีกฎหมายห้าม หรือเป็นกรณีตามสภาพต้องกระทำเองหรือไม่ เรื่องร้องทุกข์ไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องกระทำด้วยตนเอง และตามสภาพของการร้องทุกข์ก็เป็นเรื่องเปิดช่องให้จัดการแทนกันได้ การร้องทุกข์จึงมอบอำนาจให้ร้องแทนกันได้
หนังสือถึงพนักงานสอบสวน ซึ่งมีข้อความว่า "เนื่องด้วยธนาคารมีเรื่องบางอย่างที่ต้องแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจแต่เนื่องจากข้าพเจ้า(กรรมการผู้จัดการนิติบุคคล) มีกิจจำเป็นไม่สามารถมาแจ้งความด้วยตนเองได้ โดยหนังสือฉบับนี้ข้าพเจ้าขอมอบอำนาจให้นายสุรินทร์เจ้าหน้าที่ของธนาคารเป็นผู้แจ้งความแทนข้าพเจ้า และข้าพเจ้าขอรับรองผิดชอบในการที่นายสุรินทร์ปฏิบัติแทนข้าพเจ้า" และลงชื่อกรรมการผู้จัดการนิติบุคคลนั้น ถือว่าไม่ใช่คำร้องทุกข์โดยตนเองตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 123 จะว่าเป็นการมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ก็ไม่ถนัด เพราะการแจ้งความนั้น อาจเป็นการร้องทุกข์ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้ และก็ไม่มีข้อความให้เห็นว่าให้มาแจ้งความเรื่องอะไร อันจะพอวินิจฉัยได้ว่าเป็นการมอบให้มาร้องทุกข์ถือไม่ได้ว่าเป็นเอกสารมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 755/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การมอบอำนาจในการร้องทุกข์อาญา: หลักเกณฑ์และข้อจำกัดของเอกสารมอบอำนาจที่ใช้ได้
ตามธรรมดาบุคคลย่อมตั้งตัวแทนทำแทนตนได้เสมอ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษทำนองว่า ให้ต้องกระทำด้วยตนเอง หรือตามสภาพไม่เปิดช่องให้มอบหมายจัดการแทนกันได้
เรื่องร้องทุกข์ตามที่บัญญัติไว้ใน ป.วิ.อ. มาตรา 3 และ 5 นั้น มิใช่หมายความว่า ห้ามขาดไม่ให้มีการมอบอำนาจกัน เป็นแต่บัญญัติให้บุคคลดังกล่าวในมาตรา 5 มีอำนาจกระทำกิจการที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 3 โดยไม่ต้องมีการมอบอำนาจซึ่งกันและกัน ส่วนกิจการในมาตรา 3 กิจการใดจะมอบอำนาจกันได้หรือไม่ ต้องเป็นไปตามหลักธรรมดา สุดแต่ว่า กรณีใดมีกฎหมายห้าม หรือเป็นกรณีตามสภาพต้องกระทำเองหรือไม่ เรื่องร้องทุกข์ไม่มีกฎหมายบังคับว่า ต้องกระทำด้วยตนเอง และตามสภาพของการร้องทุกข์ก็เป็นเรื่องเปิดช่องให้จัดการแทนกันได้ การร้องทุกข์จึงมอบอำนาจให้ร้องแทนกันได้
หนังสือถึงพนักงานสอบสวน ซึ่งมีข้อความว่า "เนื่องด้วยธนาคารมีเรื่องบางอย่างที่ต้องแจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจแต่เนื่องจากข้าพเจ้า (กรรมการผู้จัดการนิติบุคคล) มีกิจจำเป็นไม่สามารถมาแจ้งความด้วยตนเองได้ โดยหนังสือฉบับนี้ ข้าพเจ้าขอมอบอำนาจให้นายสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ของธนาคาร เป็นผู้แจ้งความแทนข้าพเจ้า และข้าพเจ้าขอรับรองผิดชอบในการที่นายสุรินทร์ปฏิบัติแทนข้าพเจ้า" และลงชื่อกรรมการผู้จัดการนิติบุคคลนั้น ถือว่า ไม่ใช่คำร้องทุกข์ โดยตนเองตามป.วิ.อ. มาตรา 123 จะว่าเป็นการมอบอำนาจให้ร้องทุกข์ก็ไม่ถนัด เพราะการแจ้งความนั้น อาจเป็นการร้องทุกข์ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้ และก็ไม่มีข้อความให้เห็นว่า ให้มาแจ้งความเรื่องอะไร อันจะพอวินิจฉัยได้ว่าเป็นการมอบให้มาร้องทุกข์ ถือไม่ได้ว่าเป็นเอกสารมอบอำนาจให้ร้องทุกข์
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 11/2502)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356-1521/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมคดีหลายสำนวนเพื่อลงโทษและการคำนวณโทษจำคุกที่ถูกต้อง
การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันถึง 166 ครั้ง นั้นเพื่อความสะดวกศาลแขวงจะรวมคดีทั้ง 166 สำนวนพิจารณาพิพากษารวมกันก็ได้และเมื่อศาลแขวงลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละสำนวนโดยมีกำหนดโทษซึ่งอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะลงแล้ว แม้ในที่สุดจำเลยจะต้องรับโทษถึง 2490 วัน ก็ย่อมทำได้
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึงให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1356-1521/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรวมสำนวนคดีอาญาหลายกรรมต่างวาระและการคำนวณโทษ จำเลยต้องรับโทษตามจำนวนวันจริง ไม่ใช่การทอนเป็นปีเดือน
การกระทำผิดต่างกรรมต่างวาระกันถึง 166 ครั้งนั้น เพื่อความสดวกศาลแขวงจะรวมคดีทั้ง 166 สำนวนพิจารณาพิพากษารวมกันก็ได้ และเมื่อศาลแขวงลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละสำนวนโดยมีกำหนดโทษซึ่งอยู่ในอำนาจศาลแขวงที่จะลงแล้ว แม้ในที่สุดจำเลยจะต้องรับโทษถึง 2490 วัน ก็ย่อมทำได้
การลงโทษเรียงสำนวนทั้ง 166 สำนวน พึ่งให้นับโทษติดต่อกันไปไม่จำต้องรวมโทษทุกสำนวนเข้าด้วยกันแล้วคิดทอนจากวันเป็นปีเดือน เพราะจะทำให้จำเลยต้องรับโทษจริงเกินกว่าโทษที่จะต้องรับโดยการนับโทษติดต่อ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2501

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ โคพลัดหลง - ยักยอกทรัพย์ - ความผิดทางอาญา
ผู้เสียหายเคยปล่อยโคหากินตามลำพังในตอนเช้า ตอนบ่ายจึงต้อนกลับโคหายไป รุ่งขึ้นมีคนเห็นโคอยู่ตามลำพัง รุ่งขึ้นอีกวันจึงมีผู้เห็นจำเลยพาโคนั้นไป กรณีเช่นนี้จำเลยย่อมมีผิดฐานยักยอกเก็บทรัพย์ของผู้อื่นหามีผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรไม่ (ไม่ได้ความว่าจำเลยรู้มาก่อนว่าโคเป็นของผู้เสียหาย)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1269/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกทรัพย์: โคพลัดหลง ไม่ถือเป็นการลักทรัพย์หรือรับของโจร หากจำเลยไม่ทราบว่าเป็นทรัพย์ของผู้อื่น
ผู้เสียหายเคยปล่อยโคหากินตามลำพังในตอนเช้า ตอนบ่ายจึงต้อนกลับ โคหายไป รุ่งขึ้นมีคนเห็นโคอยู่ตามลำพัง รุ่งขึ้นอีกวันจึงมีผู้เห็นจำเลยพาโคนั้นไป กรณีเช่นนี้จำเลยย่อมมีผิดฐานยักยอกเก็บทรัพย์ของผู้อื่น หามีผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจรไม่ (ไม่ได้ความว่าจำเลยรู้มาก่อนว่าโคเป็นของผู้เสียหาย)
of 93