คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 227

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3227/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามฆ่าและพยายามชิงทรัพย์: การรับฟังพยานหลักฐานและการพิจารณาความผิดสำเร็จ
แม้คืนวันเกิดเหตุจะเป็นคืนข้างแรมเดือนมืด แต่โจทก์ร่วมก็รู้จักกับจำเลยมาตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ประกอบกับจำเลยมีลักษณะพิเศษคือศีรษะมีผมขาวและรูปร่างล่ำไม่สูงขณะเกิดเหตุโจทก์ร่วมยืนยันว่าจำเลยยืนอยู่ที่มุมบ่อเลี้ยงปลาห่างจากโจทก์ร่วมเพียง 8 เมตร และไฟฉายที่ใช้ส่องไปยังจำเลยกับพวกเป็นไฟฉายขนาดถ่านไฟฉาย 3 ก้อน และถ่านที่ใช้ยังใหม่ โจทก์ร่วมสามารถเห็นจำเลยได้อย่างชัดเจนจากแสงไฟฉายที่ส่องกราดไปยังจำเลย นอกจากนี้คำเบิกความของโจทก์ร่วมก็ยังสอดคล้องกับคำเบิกความของพยานโจทก์และโจทก์ร่วม ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันเป็นญาติใกล้ชิดกับโจทก์ร่วมก็ตามแต่ทั้งโจทก์ร่วมและพยานโจทก์คนอื่น ๆ ต่างก็รู้จักคุ้นเคยกับจำเลยมาก่อน และต่างก็ยืนยันว่าไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อว่าพยานดังกล่าวได้เบิกความไปตามความเป็นจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ร่วมกับพวกลักปลาในบ่อเลี้ยงปลาของโจทก์ร่วมและใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมจริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโจทก์ร่วม และร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสโดยมีและใช้อาวุธปืน
ก่อนที่จะได้ยินเสียงทอดแหในบ่อเลี้ยงปลา โจทก์ร่วมซุ่มอยู่ที่โคนต้นขนุนมุมบ่อ เมื่อได้ยินเสียงทอดแหในบ่อเลี้ยงปลานั้นโจทก์ร่วมก็ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด เมื่อคนร้ายเพิ่งจะทอดแหในบ่อเลี้ยงปลาของโจทก์ร่วมเพียงครั้งเดียว และนอกจากปลาจำนวน 6 ตัว ซึ่งติดอยู่ในแหของคนร้ายที่จมอยู่ในบ่อเลี้ยงปลาแล้วจำเลยกับพวกยังไม่ได้ปลาอื่น ๆ ไปจากบ่อเลี้ยงปลาของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสโดยมีและใช้อาวุธปืน มิใช่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3186/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานและการพิสูจน์ความผิดทางอาญา โดยเฉพาะการระบุตัวผู้กระทำผิด
เหตุเกิดในเวลากลางคืน บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างไม่มากที่ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นเด็กหญิงอายุ 6 ปี เบิกความว่าจำเลยเอาไฟแช็กมาจุดที่ปากนั้น แม้จะมีแสงสว่างเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่ในพฤติการณ์ที่กำลังถูกประทุษร้ายเช่นนั้น ผู้เสียหายที่ 1 ซึ่งเป็นเด็กย่อมต้องตกใจกลัวยากที่จะจำหน้าคนร้ายได้แม่นยำและจากคำเบิกความของผู้เสียหายที่ 2ว่าจำเลยเป็นเพื่อนบ้านกับตนรู้จักกันมาประมาณ 10 ปีแล้ว แสดงว่าผู้เสียหายที่ 1 ต้องเคยพบเห็นจำเลยมาก่อนเพราะบ้านอยู่ใกล้เคียงกันแต่กลับมิได้บอกผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นบิดาหรือผู้ใดเลยว่าเคยเห็นหน้าคนร้ายมาก่อน ภาพคนร้ายที่ยกร่างตามคำบอกเล่าผู้เสียหายที่ 1 ก็มิได้คล้ายคลึงกับภาพของจำเลยตามภาพถ่าย คงเหมือนกันเพียงเป็นคนที่ไว้หนวดและเคราเท่านั้น การที่ผู้เสียหายที่ 1 ชี้ตัวจำเลยได้ถูกต้องในชั้นสอบสวนก็ไม่ปรากฏว่าคนที่เจ้าพนักงานตำรวจนำไปให้ผู้เสียหายที่ 1ชี้ตัวนั้นไว้หนวดและเคราทุกคนหรือไม่ น่าสงสัยว่าที่ผู้เสียหายที่ 1 อ้างว่าจำจำเลยได้นั้นจะจำได้จริงหรือไม่หรือจำได้เพียงการไว้หนวดและเคราเท่านั้น เมื่อพิจารณาประกอบกับการที่ผู้เสียหายที่ 1 เบิกความต่อศาลด้วยการพยักหน้าและส่ายหน้าเป็นส่วนใหญ่เนื่องจากการใช้คำถามนำของโจทก์เกือบทั้งหมดด้วยแล้ว ทำให้เห็นว่าคำเบิกความของผู้เสียหายที่ 1ไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3116/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือขนยาเสพติด: พฤติการณ์หลบหนี-รหัสลับซื้อขาย ยืนยันความผิดร่วม
การขนเมทแอมเฟตามีนจำนวนมาก ผู้ขนจะต้องกระทำเป็นความลับไม่ให้บุคคลที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็น เพราะความลับอาจรั่วไหลและถูกจับกุมได้การที่จำเลยที่ 2 ร่วมเดินทางมากับจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ต้นโดยเป็นผู้ขับรถยนต์ให้นั้นหากจำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้ว จำเลยที่ 1 คงจะไม่ให้ร่วมเดินทางมาในยามวิกาลเช่นนั้น ทั้งก่อนจับกุมผู้ร่วมจับกุมสืบทราบหมายเลขทะเบียนของรถยนต์กระบะที่จะใช้เป็นพาหนะขนเมทแอมเฟตามีนล่วงหน้าแล้ว นอกจากนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ขับรถยนต์กระบะมาถึงด่านสกัดของเจ้าพนักงานตำรวจ จำเลยที่ 2 ได้เลี้ยวรถเพื่อหลบการตรวจค้นของเจ้าพนักงานตำรวจ จนรถยนต์ของเจ้าพนักงานตำรวจไล่ตามทันและจับกุมได้ พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3042/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ดุลพินิจศาลในการพิจารณาคดีอาญา: พยานหลักฐานมั่นคงน่าเชื่อถือ และการไม่ยกฟ้องเพียงเพราะมีข้อขัดแย้งเล็กน้อย
บทบัญญัติตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 มีความหมายว่า ในการพิจารณาพิพากษาคดีอาญาทั้งปวง ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจวินิจฉัยว่าพยานหลักฐานใดมีน้ำหนักน่าเชื่อถือเพียงใดหรือไม่ พยานหลักฐานใดขัดต่อเหตุผลไม่น่ารับฟัง และในกรณีที่ศาลจะพิพากษาลงโทษบุคคลใด พยานหลักฐานในคดีนั้นต้องมั่นคงแน่นหนา และมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าบุคคลนั้นได้กระทำความผิดจริงตามฟ้อง หากพยานหลักฐานในสำนวนมีข้อพิรุธน่าระแวงสงสัยไม่มั่นคงพอที่จะรับฟังเป็นยุติว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ก็ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย โดยพิพากษายกฟ้องโจทก์ แต่ทั้งนี้มิได้หมายความว่าหากพยานหลักฐานของโจทก์มีข้อแตกต่างขัดแย้งกันเอง หรือมีข้อน่าสงสัยบางประการแล้ว ศาลจะต้องพิพากษายกฟ้องของโจทก์เสียทุกกรณีไป ข้อพิรุธน่าระแวงสงสัยอันจะเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์นั้นต้องเป็นข้อบกพร่องของพยานหลักฐานโจทก์ที่ทำให้น้ำหนักคำพยานเลื่อนลอยไม่มั่นคงพอที่จะรับฟังเป็นความจริงได้โดยสนิทใจ ส่วนข้อแตกต่างขัดแย้งกันในกรณีอื่นที่ไม่มีผลต่อการรับฟังข้อเท็จจริงตามคำพยานหาเป็นข้อพิรุธอันจะเป็นเหตุให้ยกฟ้องโจทก์ไม่ ข้อแตกต่างผิดเพี้ยนกันในรายละเอียดปลีกย่อยอันเป็นพลความหรือข้อพิรุธที่ไม่เกี่ยวกับการรับฟังข้อเท็จจริงที่มุ่งจะพิสูจน์ว่าจำเลยมีผิดหรือบริสุทธิ์ย่อมไม่เป็นเหตุทำลายน้ำหนักพยานหลักฐานของโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3033/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานบอกเล่า – การสนับสนุนความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด – หลักฐานไม่พอฟัง
ผู้จับกุมเห็นสายลับขับรถจักรยานยนต์ไปจอดที่หน้าร้านขายแตงโมของจำเลยแล้วสายลับเข้าไปพูดกับจำเลย จำเลยนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของสายลับไปทางบ้านของจำเลย อีก 10 นาทีต่อมา สายลับขับรถจักรยานยนต์กลับมาส่งจำเลยที่ร้านขายแตงโม แล้วสายลับนำเมทแอมเฟตามีน 3 เม็ดมามอบให้ผู้จับกุมโดยบอกว่า จำเลยพอสายลับไปบ้านจำเลยพบ ส. จำเลยนำเมทแอมเฟตามีน 3 เม็ดจาก ส. ส่งให้สายลับ สายลับส่งธนบัตรให้ ส. คำเบิกความของผู้จับกุมไม่ได้ความว่าได้ยินการพูดจาระหว่างสายลับกับจำเลยทั้งไม่รู้เห็นเหตุการณ์ขณะที่สายลับอ้างจำเลยเอาเมทแอมเฟตามีนจาก ส. ส่งมอบให้สายลับ แล้วสายลับส่งธนบัตรให้ ส. โดยโจทก์ไม่ได้นำสายลับผู้รู้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าวมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงในฐานะประจักษ์พยานต่อศาล ลำพังคำเบิกความของผู้จับกุมที่ฟังมาจากสายลับจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า ฟังได้แต่เพียงว่า จำเลยนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่สายลับขับออกจากร้านขายแตงโมของจำเลยไปนานประมาณ 10 นาที สายลับก็ขับรถจักรยานยนต์มาส่งจำเลยลงที่หน้าร้านขายแตงโมของจำเลยเท่านั้น โดยในชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธตลอดมา ทั้งการตรวจค้นบ้านจำเลยก็ไม่พบเมทแอมเฟตามีนแต่อย่างใด จึงไม่อาจรับฟังว่าการกระทำของจำเลยเป็นการสนับสนุนหรือให้ความช่วยเหลือ ส. ให้กระทำผิดมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายดังฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012-3013/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันลักลอบนำเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักร: บทบาทผู้จัดหาและลูกเรือ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 8 รู้ว่าถุงปุ๋ยจำนวน 7 ถุง ภายในบรรจุเฮโรอีนและได้ร่วมกันลำเลียงมาจากบ้านของ ส. ลงเรือเพื่อส่งให้กับเรือใหญ่ในน่านน้ำสากลเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 อยู่บนเรือพร้อมจะออกเดินทางสู่น่านน้ำสากลได้ทุกเมื่อการที่จำเลยคนใดคนหนึ่งซึ่งอยู่บนเรือได้แกะเชือกที่หัวเรือออก เป็นการลงมือเพื่อส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายแล้ว จึงมีความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย หาจำต้องให้เรือแล่นสู่น่านน้ำสากลเสียก่อนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3012-3013/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายและพยายามส่งออกนอกราชอาณาจักร แม้เรือยังไม่แล่นพ้นชายฝั่งก็ถือเป็นความผิดสำเร็จ
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และที่ 8 รู้ว่าถุงปุ๋ยจำนวน 7 ถุง ภายในบรรจุเฮโรอีนและได้ร่วมกันลำเลียงมาจากบ้านของ ส.ลงเรือเพื่อส่งให้กับเรือใหญ่ในน่านน้ำสากลเป็นความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 8 อยู่บนเรือพร้อมจะออกเดินทางสู่น่านน้ำสากลได้ทุกเมื่อ การที่จำเลยคนใดคนหนึ่งซึ่งอยู่บนเรือได้แกะเชือกที่หัวเรือออก เป็นการลงมือเพื่อส่งเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายแล้ว จึงมีความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย หาจำต้องให้เรือแล่นสู่น่านน้ำสากลเสียก่อนไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2936/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน: เจตนา, พฤติการณ์, และการแบ่งหน้าที่
สิบตำรวจตรี ว. ได้เจรจาตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยที่ 2 ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุและนัดสถานที่ส่งมอบในวันรุ่งขึ้น ต่อมาสิบตำรวจตรี ว. กับสายลับได้มาพบจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ยังทำหน้าที่ประสานงานติดต่อโดยขับรถพาไปพบจำเลยที่ 1 และ ช. เพื่อจะไปเอาของกลาง โดยให้ ช. พาสิบตำรวจตรี ว. กับสายลับไปที่ทาวน์เฮาส์แห่งหนึ่ง จากนั้นจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์นำของกลางมามอบให้สิบตำรวจตรี ว. เจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าจับกุมได้เมทแอมเฟตามีนของกลางส่วนหนึ่ง และติดตามจับจำเลยที่ 2 ได้โดยพบเมทแอมเฟตามีนจากกระเป๋าสะพายของจำเลยที่ 2 อีกจำนวนหนึ่ง ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 2มิใช่เป็นเพียงคนกลางติดต่อซื้อขายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น แต่ยังร่วมกับจำเลยที่ 1 และ ช. จัดหาเมทแอมเฟตามีนจำนวนที่ตกลงกันไว้ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อยู่ด้วยในขณะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนก็ตาม การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2931/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย: พฤติการณ์เชื่อมโยงความร่วมมือ
แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 แต่การที่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมสืบทราบว่ามีการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่บ้านของจำเลยที่ 1 และวางแผนให้สายลับไปล่อซื้อ จำเลยที่ 1 ตกลงนัดเวลาให้มารับเมทแอมเฟตามีนในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น ในเวลาประมาณ 2 นาฬิกา ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจกระจายกำลังเข้าล้อมบ้านของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 มาพบจำเลยที่ 1 และออกจากบ้านไปพร้อมกับจำเลยที่ 1 ซึ่งมีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน ย่อมแสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ร่วมรู้เห็นในการกระทำผิดด้วย เพราะหากจำเลยที่ 2 ไม่ได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 แล้ว จำเลยที่ 1 ซึ่งจะไปซื้อเมทแอมเฟตามีนมาเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ย่อมจะต้องกระทำอย่างลับ ๆ เพื่อปกปิดไม่ให้ผู้อื่นล่วงรู้ได้ การที่จำเลยที่ 1 ชักชวนให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจร่วมไปด้วย พฤติการณ์แห่งคดีจึงเชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2845/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานเพียงพอเชื่อได้ว่าจำเลยกระทำความผิดลักทรัพย์ ศาลฎีกาพิพากษากลับ
จ. ไม่เคยรู้จักผู้เสียหายและจำเลยมาก่อน ทุกครั้งที่ จ. ได้พบเห็นจำเลยก็ได้บอกกล่าวยืนยันตลอดมาว่า จำเลยเป็นคนร้ายลักกระเป๋าสตางค์ของผู้เสียหาย จ. กับจำเลยไม่เคยมีเรื่องโกรธเคืองกันมาก่อน จึงไม่มีเหตุที่จะเบิกความใส่ร้ายจำเลยโดยปราศจากมูลความจริง จ. เห็นการกระทำของจำเลยหลายครั้งหลายหนรวมทั้งที่มีอากัปกิริยาเป็นพิรุธ ซึ่งเชื่อว่าจดจำจำเลยได้แม่นยำไม่ผิดพลาด พยานหลักฐานโจทก์มีเหตุผลและน้ำหนักให้รับฟัง คำเบิกความของพยานโจทก์ระหว่างตัวผู้เสียหายกับ จ. ที่เบิกความแตกต่างกันไปบ้าง ถือว่าเป็นข้อแตกต่างในส่วนที่เป็นสิ่งประกอบเล็กน้อย แต่มิใช่เรื่องอันเป็นข้อสำคัญเกี่ยวกับการบ่งบอกหรือบ่งชี้ถึงลักษณะอาการของจำเลยโดยตรงหรือขัดกันระหว่างประจักษ์พยานโจทก์สองปากที่รู้เห็นรูปลักษณ์หรือวิธีการกระทำผิดของจำเลยที่แตกต่างกันหรือขัดกัน จึงไม่ถือเป็นข้อพิรุธอันน่าสงสัยและไม่ทำให้น้ำหนักของพยานหลักฐานโจทก์ที่รับฟังได้ต้องลดน้อยลง
โรงอาหารของมหาวิทยาลัยที่ซึ่งนักศึกษาหรือประชาชนอื่นใดผู้ที่เข้ามาติดต่อราชการกับมหาวิทยาลัยอันมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปนั่งรับประทานอาหารได้เป็นที่ซึ่งอยู่ภายในบริเวณรั้วของมหาวิทยาลัย แต่เป็นบริเวณนอกอาคารเรียนหรือนอกสถานที่ตั้งอันเป็นที่ปฏิบัติงานของราชการหรือข้าราชการตามปกติ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) คงมีความผิดตามมาตรา 334
of 119