คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 227

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายในคดีฆ่า: การกระทำของผู้ถูกกระทำรุนแรงและการป้องกันสิทธิของคู่สมรส
ผู้ตายเคยกอดปล้ำข่มขืนกระทำชำเราล. ภริยาจำเลยมาครั้งหนึ่งแล้วจำเลยก็ไม่เอาเรื่องครั้นถูกจำเลยต่อว่าผู้ตายยังพูดสบประมาทจำเลยกับภริยาอีกวันเกิดเหตุผู้ตายมาพูดขอล. ไปเป็นภริยาจากฉ. และท. ซึ่งเป็นพ่อตาแม่ยายจำเลยการที่ผู้ตายจับแขนล.ดึงเข้ามาหาตัวแม้มิได้เจตนาจะทำร้ายก็ตามแต่ถือได้ว่ามีเจตนากระทำอนาจารล. เมื่อผู้ตายกระทำการละเมิดต่อกฎหมายและศีลธรรมอย่างร้ายแรงจำเลยย่อมมีสิทธิตามกฎหมายที่จะกระทำการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงและเสรีภาพของล. ผู้เป็นภริยาของตนได้โดยชอบขณะเกิดเหตุจำเลยไม่มีอาวุธใดหากจำเลยจะเข้าช่วยเหลือล.ภริยาจองตนด้วยการเข้าทำร้ายผู้ตายด้วยมือเปล่าก็อาจถูกผู้ตายชักอาวุธปืนมายิงได้ในภาวะเช่นนั้นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากแย่งอาวุธปืนจากผู้ตายแล้วยิงผู้ตายถ้าเพียงจะใช้อาวุธปืนตีผู้ตายปืนอาจลั่นไปถูกคนอื่นหรือผู้ตายอาจแย่งคืนมายิงเอาได้จำเลยแย่งอาวุธปืนได้ก็ยิงทันทีโดยไม่เลือกว่าจะถูกตรงไหนแล้วทิ้งอาวุธปืนวิ่งหนีการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำไปพอสมควรแก่เหตุจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา68ไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้ตายด้วยเหตุบันดาลโทสะ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 771/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยาน, พฤติการณ์ผิดปกติ, และการยกประโยชน์แห่งความสงสัยในคดีวางเพลิง
พฤติการณ์ของพยานที่ยินยอมออกจากบ้านไปกับจำเลยในยามค่ำมืดล่วงเลยกำหนดเวลาที่บุคคลทั่วไปจะรับประทานขนมโดยยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งของจำเลยทุกประการไม่ว่าจำเลยจะสั่งให้ขับรถจักรยานยนต์ไปในทิศทางใดและจอดหยุดรอณที่ใดแม้จะให้นำรถจักรยานยนต์ไปซ่อนไว้ในคูข้างถนนและเฝ้ารถจักรยานยนต์ไว้ขณะที่จำเลยกับพวกนำถึงปุ๋ยเข้าไปในโรงเรียนที่เกิดเหตุพยานก็ยินยอมปฏิบัติตามโดยดีอีกทั้งไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นตกใจเมื่อไฟไหม้โรงเรียนแต่กลับขับรถจักรยานยนต์พาจำเลยกับพวกไปส่งยังสถานที่ซึ่งจำเลยซ่อนรถจักรยานยนต์ของตนไว้ทั้งๆที่ทราบดีว่าจำเลยกับพวกวางเพลิงพฤติการณ์ดังกล่าวจึงเป็นการผิดปกติวิสัยของบุคคลผู้ถูกหลอกลวงให้เดินทางไปกับคนร้ายและพบการกระทำความผิดที่ร้ายแรงเพราะโดยสัญชาตญาณของผู้ที่ประสบเหตุร้ายแรงดังกล่าวและในฐานะที่เป็นชาวมุสลิมเช่นเดียวกับประชาชนส่วนใหญ่ในละแวกที่เกิดเหตุพยานน่าที่จะร้องตะโกนบอกให้ประชาชนเหล่านั้นทราบเพื่อจะได้ช่วยกันดับเพลิงและแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทราบในโอกาสต่อมาแต่ไม่ปรากฏว่าพยานได้ดำเนินการใดๆคงเก็บงำไว้เป็นเวลานานถึง2วันจึงเล่าให้ส. เพื่อนร่วมงานฟังเป็นการผิดปกติวิสัยของบุคคลผู้อยู่ในภาวะเช่นพยานจะพึงกระทำจึงเป็นการส่อพิรุธว่าพยานอาจจะไม่รู้เหตุการณ์ดังที่เบิกความในคืนเกิดเหตุนอกจากจะมีการวางเพลิงโรงเรียนที่เกิดเหตุแล้วยังมีการวางเพลิงโรงเรียนอื่นในเขตจังหวัดสงขลายะลาปัตตานีและนราธิวาสในเวลาเดียวกันได้ใช้วิธีการและวัสดุเชื้อเพลิงเหมือนๆกันอีกถึง37แห่งเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการก่อการร้ายเดียวกันซึ่งดำเนินงานอย่างมีระบบโดยวางแผนกำหนดตัวบุคคลวิธีการปฏิบัติตลอดถึงวัสดุเชื้อเพลิงที่ใช้ไว้อย่างรอบคอบและรัดกุมงานก่อการร้ายจึงสำเร็จลุล่วงไปได้ตัวบุคคลผู้ดำเนินงานจึงน่าจะเป็นผู้ที่อยู่ในขบวนการเดียวกันและไว้วางใจได้ไม่มีเหตุอันใดที่จะชักชวนบุคคลอื่นซึ่งอยู่นอกขบวนการให้เข้ามาทำงานเพราะอาจทำให้แผนงานที่กำหนดไว้เสียหายและยังเป็นการเปิดเผยความลับของขบวนการแก่บุคคลภายนอกอีกด้วยฉะนั้นคำเบิกความของพยานจึงขัดต่อเหตุผลไม่น่าเชื่อถือพยานหลักฐานโจทก์มีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเป็นคนร้ายรายนี้หรือไม่จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา227วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 728/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง: พยานหลักฐานสอดคล้อง การยินยอมไม่สมเหตุสมผล
จำเลยที่2และผู้เสียหายรู้จักกันมาก่อนจำเลยทั้งสองชวนผู้เสียหายไปรับประทานอาหารด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยกันเช่นนี้จึงเป็นธรรมดาที่ผู้เสียหายจะเชื่อถือและไว้วางใจจำเลยที่2ไม่คิดว่าจะถูกจำเลยที่2พาไปข่มขืนกระทำชำเราเมื่อผู้เสียหายนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปจึงยังไม่รู้และไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือและเมื่อไปถึงบริเวณทุ่งนาที่เปลี่ยวจำเลยที่2ทำร้ายร่างกายโดยตบหน้าผู้เสียหายและพูดขู่ว่าถ้าไม่ยอมให้ร่วมประเวณีก็จะพาเพื่อนอีก10คนมาร่วมกันข่มขืนผู้เสียหายจึงเกิดความกลัวไม่กล้าขัดขืนและร้องขอความช่วยเหลือและหากผู้เสียหายยินยอมจริงแล้วก็ไม่มีเหตุผลใดที่ทันทีที่พบบิดาผู้เสียหายผู้เสียหายก็เล่าเรื่องให้บิดาฟังและพาบิดาไปตามหาจำเลยที่2จนพบและแจ้งเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยที่2จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 714/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พยานหลักฐานจากคำรับสารภาพและผลการตรวจค้นเชื่อถือได้
พยานโจทก์ผู้จับกุมทั้งสามปากไม่เคยรู้จักจำเลยที่3มาก่อนไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าแสร้งเบิกความปรักปรำจำเลยที่3ต่อสู้ว่าคำรับสารภาพชั้นจับกุมเกิดจากการข่มขู่ทำร้ายของเจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่มีน้ำหนักเพราะหากมีการข่มขู่ทำร้ายจริงเจ้าพนักงานตำรวจก็น่าจะกระทำต่อจำเลยที่2ด้วยเพราะก็ถูกแจ้งข้อหาเดียวกันแต่จำเลยที่2ให้การปฏิเสธและที่อ้างว่าจำเลยที่2นำของกลางมาใส่กระเป๋าเสื้อของจำเลยที่3โดยจำเลยที่3ไม่รู้ว่าของกลางเป็นเมทแอมเฟตามีนนั้นก็น่าจะให้การต่อผู้จับกุมแต่แรกที่มาให้การต่อสู้ต่อพนักงานสอบสวนและเบิกความต่อศาลภายหลังโดยได้มีเวลาไตร่ตรองเป็นเวลานานหลังถูกจับเป็นข้อต่อสู้ที่ไร้น้ำหนักพยานหลักฐานโจทก์จึงเพียงพอที่จะฟังว่าจำเลยที่3ร่วมกับจำเลยที่1และที่2กระทำความผิดตามคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 682/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดจากพยานหลักฐานและคำเบิกความสอดคล้อง, การยืนยันตัวผู้ต้องหาจากผู้เสียหาย
เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนต่างไม่เคยรู้จักจำเลยและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อนไม่มีเหตุน่าระแวงว่าจะให้การปรักปรำจำเลยทั้งจับจำเลยกับพวกได้ในเวลาใกล้ชิดกับเวลาเกิดเหตุลักษณะของจำเลยกับพวกสีเสื้อผ้าหมวกที่พบอยู่กับจำเลยล้วนตรงกับที่ผู้เสียหายและธ.ได้แจ้งความไว้สภาพรถที่จำเลยขับขี่ตรงกับสภาพรถที่ผู้เสียหายและธ. ได้แจ้งไว้ด้วยแม้จำเลยนำสืบอ้างว่าเจ้าพนักงานตำรวจให้ผู้เสียหายชี้ตัวหลายครั้งแต่ก็ได้ความจากผู้เสียหายตอบโจทก์ถามติงว่าครั้งแรกที่ไปดูเจ้าพนักงานตำรวจบอกว่าให้ไปดูก่อนยังไม่ต้องบอกว่าใช่หรือไม่เพราะไม่ต้องการให้ชี้ต่อหน้าคนร้ายแต่มาบอกภายหลังดูคนร้ายเสร็จแล้วซึ่งเป็นเรื่องที่พนักงานสอบสวนประสงค์ให้ผู้เสียหายมีความแน่ใจเสียก่อนจึงค่อยชี้ตัวจำเลยหาใช่เรื่องที่ผู้เสียหายเกิดความลังเลใจแต่ประการใดไม่พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ได้ร่วมกระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 673/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ รับของโจร: การครอบครองอะไหล่รถจักรยานยนต์ที่ได้มาโดยไม่รู้แหล่งที่มา ถือว่าไม่มีความผิด
เจ้าพนักงานตำรวจพบชิ้นส่วนอะไหล่รถจักรยานยนต์ของกลางวางอย่างเปิดเผยในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ของจำเลยโดยมิได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงสภาพของกลางดังกล่าวเลยทั้งจำเลยยังมีบิลเงินสดที่แสดงว่าจำเลยรับของกลางไว้เพื่อทำการซ่อมซึ่งเป็นฉบับซึ่งแทรกอยู่กับใบเสร็จฉบับอื่นจึงยากที่จำเลยจะทำเพิ่มเติมได้พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยรับของกลางไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 623/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: หลักฐานมัดตัวจำเลยจากสายลับ, การรับสารภาพ, และความน่าเชื่อถือของคำให้การ
สถานีรถไฟที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านหากเจ้าพนักงานตำรวจไม่ได้รับข้อมูลจากสายลับแล้วก็ยากที่จะจับคนร้ายได้เมื่อจำเลยเป็นผู้หิ้วกระเป๋าหนังสีดำซึ่งภายในมีเสื้อผ้าของจำเลยและเฮโรอีนของกลางบรรจุอยู่โดยเฉพาะม้านั่งที่จำเลยนั่งและนำกระเป๋าไปวางนั้นไม่มีบุคคลอื่นใดนั่งปะปนอยู่ด้วยประกอบกับหลังจากทำบันทึกการจับกุมแล้วได้มีการถ่ายรูปจำเลยพร้อมของกลางไว้เป็นหลักฐานจึงน่าเชื่อว่าจำเลยได้ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมด้วยความสมัครใจหาใช่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจบังคับให้ลงชื่อในบันทึกจับกุมโดยยังไม่ได้กรอกข้อความไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 519/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของทรัพย์และการกระทำโดยทุจริต
การที่พนักงานสอบสวนให้ผู้เสียหายแสดงวิธีวาดอวนหรือผูกอวนติดกับทุ่นเพื่อทำการวาดภาพไว้เป็นหลักฐานเป็นวิธีการสอบสวนเพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือพิสูจน์ความผิดและเพื่อที่จะเอาตัวผู้กระทำผิดมาฟ้องลงโทษไม่จำเป็นต้องกระทำต่อหน้าจำเลย ในชั้นสอบสวนจำเลยโต้เถียงว่าอวนของกลางเป็นของจำเลยโดยมิได้บอกว่าอวนของกลางมีตำหนิพิเศษอย่างไรที่แสดงว่าเป็นของจำเลยหรือนำอวนของจำเลยมาเปรียบเทียบกับอวนของกลางว่ามีลักษณะอย่างเดียวกันกับของจำเลยแม้ในชั้นศาลจำเลยก็มิได้พิสูจน์ให้เห็นว่าอวนของกลางเป็นของจำเลยแต่กลับอ้างว่าอวนที่โจทก์อ้างส่งเป็นพยานวัตถุเป็นอวนของผู้เสียหายที่นำมามอบให้พนักงานสอบสวนในภายหลังส่วนอวนของกลางที่ยึดได้เป็นของจำเลยมีเศษปูติดอยู่และยังคงเก็บอยู่ที่สถานีตำรวจซึ่งในข้อนี้พนักงานสอบสวนเบิกความยืนยันว่าอวนที่โจทก์อ้างส่งเป็นพยานวัตถุต่อศาลเป็นอวนของกลางที่ยึดได้จากจำเลยโดยไม่ปรากฎว่ายังมีอวนของกลางเก็บอยู่ที่สถานีตำรวจอีกข้อกล่าวอ้างลอยๆของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ส่วนที่จำเลยอ้างว่าอวนของกลางมีลักษณะการเย็บอวนหรือเข้าอวนไม่เหมือนกับของผู้เสียหายและไม่มีทุ่นปิดนั้นย่อมเห็นได้ชัดว่าเมื่อจำเลยสาวอวนขึ้นเรือจำเลยน่าจะทราบดีว่าอวนดังกล่าวเป็นของผู้อื่นมิใช่ของตนประกอบกับตามพฤติการณ์แห่งคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยเอาอวนของผู้เสียหายไปโดยสำคัญผิดว่าเป็นอวนของตนเองหรือเป็นการเอาไปโดยถือวิสาสะหากแต่เป็นการเอาไปในลักษณะแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายถือได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ของผู้อื่นไปโดยทุจริตจำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 505/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ศาลพิจารณาพยานหลักฐานและข้ออ้างเรื่องป้องกันตัว
โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นว่าจำเลยเป็นคนใช้ขวานฟันทำร้ายผู้ตายแต่มีพยานพฤติเหตุแวดล้อมที่ใกล้ชิดกับขณะเกิดเหตุที่ยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ใช้ขวานฟันทำร้ายผู้ตายโดยจำเลยไม่พอใจผู้ตายมาก่อนเกิดเหตุทั้งจำเลยได้พาเจ้าพนักงานตำรวจไปเอาขวานของกลางที่บ้านพ่อตาจำเลยชั้นสอบสวนจำเลยก็รับสารภาพโดยนำชี้ที่เกิดเหตุและมีการถ่ายรูปไว้ด้วยส่วนที่จำเลยอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันตนเนื่องจากผู้ตายจะทำร้ายจำเลยนั้นก็อ้างเอาฝ่ายเดียวไม่ได้ซักค้านพยานโจทก์ไว้ก่อนทั้งในชั้นสอบสวนก็ไม่ได้ให้การต่อสู้ในเรื่องนี้ไว้และช. พยานโจทก์ที่เบิกความว่าขณะประคองผู้ตายกลับบ้านผู้ตายมีพฤติการณ์เป็นทำนองว่าผู้ตายจะไปเอาเรื่องกับจำเลยอีกครั้งก็ไม่มีน้ำหนักเพราะช. ไม่ได้ให้การไว้เช่นนั้นในชั้นสอบสวนพยานหลักฐานโจทก์จึงรับฟังได้อย่างมั่นคงว่าการกระทำของจำเลยมิใช่เพื่อป้องกันตัว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 502/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความยินยอมในการร่วมประเวณี: พฤติการณ์สมัครใจไม่มีข่มขืน ไม่เป็นความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา
ผู้เสียหายมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับจำเลยและรู้จักกันก่อนเกิดเหตุประมาณ2ปีพฤติการณ์ที่ผู้เสียหายยินยอมตามจำเลยไปที่ห้องพักของจำเลยมีการพูดคุยกันในห้องสองต่อสองยินยอมให้จำเลยเล้าโลมกอดจูบและร่วมประเวณีถึง3ครั้งเชื่อว่าผู้เสียหายสมัครใจทุกครั้งแต่ผู้เสียหายเบิกความบ่ายเบี่ยงไปว่าเมื่อจำเลยกอดจูบและจับตัวผู้เสียหายนอนหงายกับพื้นแล้วนั่งคร่อมบริเวณลำตัวของผู้เสียหายจับตัวผู้เสียหายพลิกคว่ำและใช้ผ้าเช็ดหน้ามัดมือทั้งสองข้างไว้แล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายนั้นสืบเนื่องมาจากความปรากฎแก่พี่สาวและพี่ชายผู้เสียหายเมื่อตกลงกันไม่ได้เรื่องจึงบานปลายกลายเป็นเรื่องร้องทุกข์ไปถึงสถานีตำรวจแม้จำเลยจะให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพแต่ก็เป็นเพียงพยานบอกเล่าไม่อาจนำมารับฟังประกอบเพื่อลงโทษได้เมื่อข้อเท็จจริงเป็นอันยุติว่าผู้เสียหายยินยอมให้จำเลยร่วมประเวณีโดยสมัครใจไม่ได้มีการข่มขืนขู่เข็ญหรือใช้กำลังประทุษร้ายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด
of 119