คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 227

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลดโทษจำเลยในคดีอาญา: พฤติการณ์หลังเกิดเหตุและหลักการสันนิษฐานในคำบอกเล่า
ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยทั้งห้าแม้เรียงกระทงลงโทษแล้วก็คงให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งห้าและหากจะฟังข้อเท็จจริงว่าเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายต้องด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา289(5)ก็ตามศาลฎีกาก็ไม่อาจจะวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาของศาลล่างเป็นอย่างอื่นให้ลงโทษหนักไปกว่านี้ได้ดังนั้นการที่โจทก์ฎีกาว่าการกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระทำทารุณโหดร้ายจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249วรรคแรกประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา15ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์ในขณะที่จำเลยทั้งห้ากระทำผิดพฤติการณ์ที่จ.และต. เบิกความถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าจะเกิดเหตุว่าจำเลยที่1ถึงที่5มาร่วมดื่มสุราด้วยกันที่บ้านของพยานส่วนบ. เบิกความว่าวันเกิดเหตุเวลา15นาฬิกาจำเลยที่1ถึงที่4ไปหาพยานที่บ้านแล้วบอกให้พยานล้างรถให้เพราะในรถเปื้อนเลือดและอ. กับส. เบิกความว่าเย็นวันเกิดเหตุจำเลยที่2ขับรถกระบะที่ได้จากการปล้นพาจำเลยที่1ไปที่บ้านบอกว่าได้ฆ่าคนมา5คนขอให้อ. ช่วยขายรถคันดังกล่าวให้ล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์หลังเกิดเหตุแล้วเป็นคำบอกเล่าของจำเลยที่อาจให้ยันจำเลยได้อยู่แล้วเพราะตามธรรมดาบุคคลทั่วๆไปย่อมจะไม่กล่าวความใดอันทำให้ตนเสียหายเมื่อมีการบอกเล่าเช่นนั้นก็ย่อมสันนิษฐานได้ว่าคำบอกเล่านั้นเป็นจริงแต่มิใช่เรื่องที่จำนนต่อหลักฐานดังที่โจทก์ฎีกาฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองลดโทษให้แก่จำเลยทั้งห้ามานั้นชอบแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 362/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส พยานหลักฐานสนับสนุนการกระทำผิด
ผู้เสียหายถูกทำร้ายอยู่เป็นเวลาประมาณ5ถึง10นาทีผู้เสียหายรู้จักจำเลยทั้งสามและพวกมาก่อนในบริเวณที่เกิดเหตุมีแสงไฟฟ้าสว่างผู้เสียหายย่อมจะเห็นคนร้ายได้ชัดเจนผู้เสียหายมีบาดแผลที่ศีรษะไหล่และที่หลังตรงตามที่ผู้เสียหายเบิกความว่าถูกฟันส่วนน. พยานโจทก์อีกปากหนึ่งแม้ไม่ได้เบิกความว่าจำเลยคนใดมีอาวุธแต่ก็ยังยืนยันว่าจำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายและตามคำให้การชั้นสอบสวนจำเลยที่1รับว่าใช้มีดฟันผู้เสียหายส่วนจำเลยที่2รับว่าเข้าไปชกผู้เสียหายนอกจากนี้มารดาจำเลยที่1และบิดาจำเลยที่2และที่3ทำบันทึกตกลงชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายโดยรับว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำร้ายผู้เสียหายพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 327/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากการกระทำรุนแรงต่อเด็กเล็กจนถึงแก่ความตาย
นอกจากโจทก์จะมีมารดาผู้ตายเป็นประจักษ์พยานแล้วยังมีแพทย์ผู้รักษาผู้ตายเบิกความสนับสนุนว่าวันเกิดเหตุมารดาผู้ตายแจ้งว่าผู้ตายถูกจำเลยจับโยนและพนักงานสอบสวนเบิกความว่าหลังจากผู้ตายถึงแก่ความตายจำเลยได้มอบตัวและให้การรับสารภาพโดยนำไปชี้ที่เกิดเหตุซึ่งพยานโจทก์สอดคล้องกันมีน้ำหนักน่าเชื่อจำเลยเองก็เบิกความรับว่าวันเกิดเหตุได้ผลักผู้ตายเข้าไปหามารดาผู้ตายจริงจึงเจือสมกับพยานโจทก์และเมื่อผู้ตายตายเพราะกระดูกต้นคอท่อนที่7เคลื่อนที่ไปข้างหลังจากการกระทำของจำเลยทำให้ภาวะการหายใจล้มเหลวมิได้ตายเพราะโรคเลือดคั่งในสมองกำเริบอันเป็นอาการบาดเจ็บที่มีอยู่เดิมซึ่งแม้จำเลยจะไม่มีเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายโดยตรงแต่ก็มีสาเหตุกับมารดาผู้ตายการที่จำเลยจับผู้ตายซึ่งเป็นเด็กอายุเพียง3ปีโยนใส่มารดาผู้ตายหลายครั้งจนศีรษะผู้ตายกระแทกตะกร้ากระดูกต้นคอเคลื่อนย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจเป็นต้นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายได้จำเลยจึงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 316/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีปล้นทรัพย์โดยอาศัยพยานหลักฐานที่ไม่น่าเชื่อถือ ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกายกฟ้องจำเลยที่ 4
ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนคนร้ายซึ่งมีจำนวนหลายคนบังคับให้ผู้เสียหายทั้งสองนอนคว่ำหน้าลงกับพื้นโอกาสที่ผู้เสียหายทั้งสองจะเห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจนจึงเป็นไปได้น้อยมากแม้ผู้เสียหายทั้งสองจะเบิกความว่าคนร้ายที่ตนจำได้คือจำเลยที่4แต่คนร้ายดังกล่าวสวมหมวกไอ้โม่งปิดถึงหน้าผากยิ่งทำให้ยากแก่การจดจำเพราะไม่ปรากฏว่าคนร้ายดังกล่าวมีหน้าตาเป็นตำหนิผิดแผกแตกต่างไปจากบุคคลทั่วไปคำเบิกความของผู้เสียหายทั้งสองจึงมีน้ำหนักน้อยนอกจากนี้ผู้เสียหายทั้งสองยังเบิกความแตกต่างขัดแย้งกันแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายทั้งสองจำคนร้ายสับสนเพราะมีด้วยกันหลายคนเมื่อคำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์ดังกล่าวมีพิรุธสงสัยลำพังคำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่4จึงนำมารับฟังลงโทษจำเลยที่4ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 287/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานรับของโจร โจทก์ต้องพิสูจน์ว่าจำเลยรู้ว่าทรัพย์สินนั้นได้มาจากการกระทำความผิด
คดีเกี่ยวกับความผิดฐานรับของโจรนั้นข้อสำคัญโจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์สินอันได้มาโดยการกระทำความผิดกรณีของจำเลยเมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมายืนยันให้เห็นว่าจำเลยได้รับรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักเอาไปไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์อันได้มาโดยการกระทำความผิดจะอาศัยพฤติการณ์ที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายมาจากบ้านของส. โดยคิดหรือคาดคะเนเอาว่าจำเลยได้ครอบครองหรือช่วยจำหน่ายรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายแล้วฟังประกอบบันทึกการตรวจยึดว่าจำเลยมีรถจักรยานยนต์อันเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิดนั้นหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 277/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองยาเสพติดในรถยนต์: พฤติการณ์บ่งชี้ผู้กระทำต้องมีเวลาและโอกาสในการซ่อนยา
เมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนถึง170เม็ดถูกบรรจุไว้ในถุงพลาสติกผูกมัดติดกับสายไฟใต้คัสซีแสดงว่าผู้กระทำการดังกล่าวต้องมีเวลาและโอกาสอยู่กับรถยนต์คันเกิดเหตุมากหากผู้กระทำประสงค์จะกลั่นแกล้งจำเลยแล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ของกลางจำนวนมากและนำไปผูกมัดซ่อนอยู่ในที่เร้นลับเช่นนั้นที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยอาจถูกส. กลั่นแกล้งนั้นคงมีแต่จำเลยเท่านั้นที่เบิกความเป็นพยานทั้งสาเหตุโกรธเคืองระหว่างจำเลยกับส.ก็เกิดก่อนเกิดเหตุถึง1ปีมาแล้วยากที่จะรับฟังเป็นความจริงได้ยิ่งกว่านั้นพ. นายจ้างของจำเลยยังเคยเตือนจำเลยว่าอย่ามีของผิดกฎหมายไว้ในรถยนต์คันเกิดเหตุแสดงว่านายจ้างของจำเลยเองก็ยังไม่มีความไว้วางใจจำเลยเช่นกันเมื่อพยานหลักฐานจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้จำเลยจึงมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 275/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพและพยานหลักฐานสนับสนุนการกระทำผิดคดียาเสพติด ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
พยานโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนในคดีเป็นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่1น่าเชื่อว่าเบิกความไปตามความจริงชั้นจับกุมจำเลยที่1ให้การรับสารภาพและชั้นสอบสวนจำเลยที่1ให้การว่าในชั้นจับกุมจำเลยที่1ยอมรับว่าได้ร่วมกับจำเลยที่2ขายเมทแอมเฟตามีนโดยแบ่งปันผลประโยชน์ซึ่งเป็นกำไรคนละครึ่งโดยมิได้โต้แย้งว่าคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมไม่ถูกต้องบันทึกจับกุมดังกล่าวสอดคล้องกับพฤติการณ์ของจำเลยที่1ตามคำเบิกความของพยานโจทก์ผู้ร่วมตรวจค้นจับกุมจึงสนับสนุนกันให้พยานโจทก์ที่นำสืบมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานขัดแย้ง ขาดประจักษ์พยานยืนยันการกระทำความผิด จำเลยมีสิทธิได้รับการยกฟ้อง
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานเห็นขณะคนร้ายลักทรัพย์คงมีแต่พยานแวดล้อมจ. พยานโจทก์คนหนึ่งซึ่งเบิกความว่าจำเลยได้นำของกลางมาขายให้จ. โดยบอกว่าผู้เสียหายให้เป็นค่าแรงก็ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดและจับของกลางได้จากจ. ซึ่งชั้นจับกุมให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลักทรัพย์ด้วยตนเองและท. พยานโจทก์เองก็เบิกความว่าเห็นชายสองคนเข็นรถบรรทุกวงกบบานประตูไปจากบ้านที่เกิดเหตุโดยจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยพยานโจทก์ทั้งสองปากนี้สอดคล้องกับคำเบิกความของจำเลยที่ว่าไม่ได้กระทำความผิดส. พยานโจทก์อีกปากเบิกความว่าเห็นจำเลยเข็นรถบรรทุกบานประตูของกลางในเวลากลางคืนซึ่งไฟฟ้ามีแสงสว่างเพียงลางๆไม่แน่นอนว่าจะเห็นคนร้ายและจำได้ว่าเป็นจำเลยและของกลางนั้นเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายหรือไม่ส่วนว. ก็เป็นลูกจ้างจ. เบิกความขัดกับคำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมของจ. สำหรับส. พยานโจทก์อีกปากหนึ่งก็ไม่ได้เป็นผู้เห็นเหตุการณ์คำพูดของสามีจำเลยก็ไม่ได้ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายลักทรัพย์พยานโจทก์ขัดกันและเลื่อนลอยจึงไม่มีน้ำหนักพอฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 196/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิสูจน์ความผิดฐานครอบครองยาเสพติด: พยานหลักฐานไม่เพียงพอต่อการรับฟังว่าจำเลยเป็นเจ้าของเฮโรอีน
บริเวณที่ตรวจค้นพบเฮโรอีนของกลางเป็นที่นั่งพักผ่อนของผู้ต้องขังทั่วไปและขณะที่ตรวจค้นก็มีผู้ต้องขังทำงานอยู่บริเวณใกล้เคียงประมาณ100คนโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยเอาเฮโรอีนของกลางไปซ่อนไว้ในที่ค้นพบทั้งไม่มีคนเห็นว่าจำเลยได้ขายเฮโรอีนให้ภ. คำซัดทอดของภ. เป็นพยานบอกเล่าสำหรับธนบัตรจำนวน472บาทกับยาชนิดแคปซูล39เม็ดและใบเลื่อยตัดเหล็ก1ใบที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อที่ตรวจค้นพบเฮโรอีนของกลางนั้นก็มีผู้ต้องขังอื่นอีก2คนแสดงตนเป็นเจ้าของส่วนใบเลื่อยกับยาแคปซูลก็ไม่ปรากฎว่าเป็นของจำเลยการที่พยานโจทก์เบิกความว่าจำเลยเป็นผู้นำตรวจค้นและรับว่าเสื้อยืด3ตัวที่วางทับขวดซึ่งมีเฮโรอีนซ่อนอยู่เป็นของตนซึ่งหากจำเลยเป็นคนเอาเฮโรอีนไปซ่อนไว้ตรงนั้นก็คงไม่กล้าพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นใต้กองเสื้อนั้นน่าจะพาไปตรวจค้นยังจุดอื่นทั้งเสื้อที่กองอยู่ก็ไม่มีชื่อจำเลยติดอยู่หากจำเลยซ่อนเฮโรอีนไว้และถูกจับได้ก็สามารถปฏิเสธได้ว่ามิใช่เสื้อของจำเลยแต่เมื่อจำเลยยอมรับว่าเป็นเสื้อของตนโดยดีแสดงว่ามีความบริสุทธิ์ใจและไม่รู้ว่ามีคนเอาเฮโรอีนไปซ่อนไว้ใต้เสื้อพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังไม่มีน้ำหนักพอให้รับฟังว่าเฮโรอีนของกลางเป็นของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 180/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานยืนยันจำเลย 2 คือคนร้ายชิงทรัพย์ฆ่าผู้ตาย ศาลฎีกายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 2 แต่แก้เรื่องค่าชดใช้
แม้โจทก์มีบ. ประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันชิงทรัพย์และฆ่าผู้ตายเพียงปากเดียวแต่บ. มีโอกาสเห็นคนร้ายหลายครั้งและเห็นจำเลยที่2ในตลาดซึ่งแสงไฟฟ้าส่องสว่างบ.มีอาชีพเป็นยามมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยในตลาดย่อมมีความระมัดระวังและต้องใช้ความสังเกตเป็นพิเศษเพราะจำเลยที่2ขับรถจักรยานยนต์มาวนเวียนอยู่ที่ตลาดหลายเที่ยวในเวลายามวิกาลเป็นการผิดปกติโดยเฉพาะตอนที่บ. เดินไปตีระฆังบอกเวลาได้เดินสวนกับจำเลยที่2ซึ่งนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ที่ซึ่งมีแสงไฟนีออนส่องสว่างเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวจำเลยที่2มาให้ดูหลังเกิดเหตุประมาณ19ชั่วโมงบ. ก็ยืนยันทันทีโดยไม่ลังเลว่าจำเลยที่2เป็นคนร้ายทั้งระบุด้วยว่าเพื่อนจำเลยที่2ที่ถูกจับมาด้วยอีกคนหนึ่งไม่ใช่คนร้ายบ. ไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่2มาก่อนคำพยานมีเหตุผลและมีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่าจำเลยที่2ได้ไม่ผิดตัว
of 119