คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 227

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขาย: จำเลยไม่มีส่วนร่วม จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย
จำเลยที่2ไม่ได้อยู่ร่วมด้วยในขณะที่จำเลยที่1และที่3ติดต่อขาย เมทแอมเฟตามีนให้นายดาบตำรวจ ก. กับสายลับที่ไปล่อซื้อและไม่พบสิ่งของที่ผิดกฎหมายที่ตัวจำเลยที่2อีกทั้งไม่มีพยานที่รู้เห็นว่าจำเลยที่2มีส่วนร่วมในการนำ เมทแอมเฟตามีนของกลางไปซุกซ่อนในรถยนต์กระบะที่จำเลยทั้งสามนั่งมาด้วยกันอย่างไรหรือไม่คดียังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่2ได้ร่วมกับจำเลยที่1และที่3กระทำความผิดหรือไม่ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 185/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด ศาลรับฟังพยานหลักฐานเชื่อมโยงจำเลยที่ 2-3 มีส่วนร่วม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนและนำสืบการวางแผนจับโดยให้เจ้าพนักงานตำรวจปลอมตัวเป็นผู้ซื้อเป็นการสืบตามฟ้องหาเป็นการนอกฟ้องไม่ จำเลยคดีอาญามีสิทธินำพยานเข้าสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้โดยไม่ต้องซักค้านพยานโจทก์ไว้ก่อนแต่จะรับฟังได้หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลและไม่มีกฎหมายห้ามรับฟังข้อนำสืบต่อสู้คดีของจำเลยอื่น การจำหน่ายเฮโรอีนเป็นการกระทำผิดกฎหมายมีโทษสูงซึ่งผู้กระทำผิดย่อมปกปิดเป็นความลับถ้าจำเลยที่2และที่3มิได้มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดก็ไม่มีเหตุที่ผู้กระทำผิดจะกล้าให้ร่วมรู้เห็นด้วย พยานโจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการไปตามหน้าที่และไม่รู้จักจำเลยมาก่อนไม่มีเหตุจะปรักปรำใส่ร้ายเมื่อเบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นจนจับจำเลยได้จึงมีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 184/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานไม่เพียงพอ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 4 มีส่วนร่วมกับจำเลยอื่นในการครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่าย ศาลฎีกายกฟ้อง
พันตำรวจโท อ. พยานโจทก์ได้ติดตามเฝ้าดูพฤติการณ์ของจำเลยที่2มาโดยตลอดเนื่องจากได้รับแจ้งว่าเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเฮโรอีนให้กับพวกเพื่อนำไปจำหน่ายในต่างประเทศและเห็นจำเลยที่2ติดต่อกับจำเลยที่1อยู่เสมอทั้งก่อนเข้าตรวจค้นและจับกุมจำเลยที่1ถึงที่3ก็อยู่ในห้องที่ตรวจพบเฮโรอีนด้วยกันประกอบกับเมื่อจำเลยที่2และที่1ทราบว่าพันตำรวจโท อ. เป็นเจ้าพนักงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดก็ตกใจพากันวิ่งหนีออกทางระเบียงหลังห้องกระโดดจากชั้น3ลงไปชั้นล่างทันทีโดยยอมเสี่ยงต่ออันตรายเป็นพฤติการณ์ส่อพิรุธของจำเลยที่2รูปคดีมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยที่2ได้ร่วมกับพวกมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและสำหรับจำเลยที่3นั้นเมื่อถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับจากห้องที่เกิดเหตุแล้วถูกนำตัวไปตรวจค้นที่ห้องที่จำเลยที่3เช่าพักก็พบเฮโรอีนของกลางอีก2ถุงถุงหนึ่งอยู่ในแฟ้มหนังซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอนอีกถุงหนึ่งห่อถุงพลาสติกอยู่ในถุงพลาสติกวางอยู่ในตู้เสื้อผ้าซึ่งได้มีการถ่ายภาพไว้โดยจำเลยที่3ก็ได้ลงชื่อรับรองในภาพถ่ายและบันทึกการตรวจค้นด้วยชั้นสอบสวนก็ให้การรับว่าจำเลยที่1และที่2นำเฮโรอีนที่พบในห้องพักของตนนั้นมาฝากไว้จึงมีเหตุให้น่าเชื่อว่าจำเลยที่3ได้ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่1และที่2ด้วยส่วนจำเลยที่4นั้นคำเบิกความของประจักษ์พยานโจทก์เกี่ยวกับพฤติการณ์ที่อ้างว่าจำเลยที่4มีส่วนร่วมกับพวกกระทำความผิดนั้นยังขัดแย้งแตกต่างกันอีกทั้งพยานพฤติเหตุแวดล้อมก็ยังไม่ชัดแจ้งมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่4ได้ร่วมกับจำเลยที่1ถึงที่3มีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่4

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 182/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานลักทรัพย์ ปลอมเอกสารใช้เอกสารปลอม จำเลยต้องได้รับการยกประโยชน์แห่งความสงสัยเมื่อโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานยืนยัน
โจทก์ไม่มีพยานที่รู้เห็นว่าจำเลยลักเอาสมุดฝากเงินธนาคารและหนังสือใบสุทธิประจำตัวของผู้เสียหายและปลอมเอกสารใบถอนเงินและหนังสือมอบฉันทะให้รับเงินจากธนาคารไปโดยคำเบิกความของผู้เสียหายที่ว่าจำเลยกระทำความผิดดังกล่าวก็เป็นเพียงการคาดคะเนส่วนพฤติการณ์ที่จำเลยไม่สามารถนำ จ.ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของผู้เสียหายตามที่ได้กล่าวอ้างว่า จ. ได้ไปพบจำเลยโดยนำเอกสารและหลักฐานดังกล่าวของผู้เสียหายไปให้จำเลยช่วยถอนเงินให้โดยบอกว่าผู้เสียหายป่วยหรือหลังจากจำเลยเบิกเงินแล้วไม่รีบนำเงินไปมอบให้ผู้เสียหายทันทีและเมื่อถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดมารดาบุญธรรมจำเลยก็ยินยอมคืนเงินให้ผู้เสียหายโดยดีก็จะถือเป็นข้อพิรุธและฟังเป็นผลร้ายหาได้ไม่จึงมีเหตุสงสัยตามควรว่าจำเลยกระทำความผิดหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 115/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หลักการ 'ประโยชน์แห่งความสงสัย' เมื่อหลักฐานไม่ชัดเจนเพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหา
แม้ผู้ตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐานกรมตำรวจลงความเห็นว่าลายนิ้วมือแฝงที่ฝาตู้กระจกซึ่งใส่วิทยุเทปของผู้เสียหายที่ถูกลักไปในบ้านของผู้เสียหายกับลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยจะเป็นลายนิ้วมือบุคคลเดียวกันแต่เมื่อได้ความว่าช่องฝากั้นห้องระหว่างห้องผู้เสียหายและห้องจำเลยที่ถูกงัดออกมีขนาดเล็กซึ่งจำเลยไม่สามารถลอดช่องดังกล่าวได้ทั้งการตรวจค้นห้องของจำเลยก็ไม่พบทรัพย์สินของผู้เสียหายจึงมีเหตุแห่งความสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 24/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อสงสัยในคำรับสารภาพและพยานหลักฐานที่ไม่เชื่อมโยงกัน ศาลฎีกายกฟ้องคดีรับของโจร
แม้ พ. จะเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่าได้ซื้อยางจากจำเลยอันมีลักษณะตรงกับรหัสพิเศษของยางที่ถูกคนร้ายลักไปแต่ พ.ก็มีฐานะเป็นผู้ต้องหาเช่นเดียวกับจำเลยในตอนแรกแต่ต่อมาภายหลังได้มีคำสั่งไม่ฟ้องจึงเป็นพิรุธชวนสงสัยเพราะมีลักษณะเป็นการซัดทอดความผิดให้จำเลยอีกทั้งพยานเอกสารที่โจทก์นำสืบมิได้เชื่อมโยงให้กระชับจึงไม่อาจยันจำเลยได้ว่าจำเลยได้ขายยางที่ถูกคนร้ายลักไปให้แก่ พ. พยานหลักฐานโจทก์เหลือเพียงคำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนซึ่งเมื่อขัดแย้งกับบันทึกสัญญาประกันตัวผู้ต้องหาที่เจ้าพนักงานตำรวจเป็นผู้ทำขึ้นโดยมีข้อความระบุชัดแจ้งว่าจำเลยได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อหาจึงเป็นข้อพิรุธว่าจำเลยอาจมิได้รับสารภาพจริงดังที่จำเลยต่อสู้พยานหลักฐานโจทก์จึงมีข้อสงสัยตามสมควรว่าจำเลยอาจมิได้กระทำผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 21/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: จำเลยที่ 2 มีเจตนาและครอบครองรถที่ถูกขโมย ส่วนจำเลยที่ 1 ซื้อโดยสุจริตและไม่มีส่วนรู้เห็น
จำเลยที่2ครอบครองรถยนต์กระบะของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปแล้วนำไปขายให้จำเลยที่1แต่จำเลยที่2กลับปฏิเสธว่าไม่ได้ขายโดยไม่ยอมเปิดเผยความจริงว่าจำเลยที่2ได้รถยนต์คันดังกล่าวมาด้วยวิธีใดเป็นการผิดปกติวิสัยทั้งไม่มีหลักฐานเอกสารใดๆในการได้รถยนต์นั้นมาเชื่อว่าจำเลยที่2ได้รถยนต์มาโดยรู้ว่าถูกคนร้ายลักมาจึงมีความผิดฐานรับของโจรส่วนจำเลยที่1นั้นซื้อรถยนต์คันดังกล่าวจากจำเลยที่2ตามราคาท้องตลาดและได้แสดงความบริสุทธิ์ตั้งแต่แรกโดยแจ้งความจริงแก่จ่าสิบตำรวจ จ.ในทันทีที่เข้าสอบถามอีกทั้งยังใช้รถอย่างเปิดเผยโดยไม่ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลงสภาพรถเชื่อว่าจำเลยที่1ไม่รู้ว่าเป็นรถที่ถูกคนร้ายลักมาส่วนที่จำเลยที่1ไม่ได้ทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรหรือเรียกเอาเอกสารหลักฐานใดๆจากจำเลยที่2จนกระทั่งถูกจับคงเป็นเพราะเชื่อถือจำเลยที่2ซึ่งเป็นคู่เขยว่าเมื่อผ่อนชำระราคาครบถ้วนแล้วจำเลยที่2ก็จะโอนทะเบียนรถให้รวมทั้งจำเลยที่2จะต่อทะเบียนรถประจำปีให้ด้วยไม่พอถือเป็นข้อพิรุธจำเลยที่1จึงไม่มีความผิดฐานรับของโจรแม้จำเลยที่1มิได้ฎีกาแต่เมื่อฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1กระทำความผิดและเป็นข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกับจำเลยที่2ซึ่งฎีกาศาลฎีกาจึงมีอำนาจยกฟ้องจำเลยที่1

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 17/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยายามฆ่า: พยานหลักฐานไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนายิงประทุษร้ายผู้เสียหาย
คำเบิกความของผู้เสียหายทั้งสี่กับ ร. และ ส. ไม่ปรากฏว่าก่อนและขณะเกิดเหตุผู้เสียหายทั้งสี่แสดงกิริยาหรือวาจาอันเป็นเหตุให้จำเลยโกรธเคืองหรือไม่พอใจผู้เสียหายทั้งสี่และได้ความจากผู้เสียหายทั้งสี่ด้วยว่าไม่เคยมีเหตุโกรธเคืองกับจำเลยอีกทั้งสภาพบริเวณเกิดเหตุที่ผู้เสียหายทั้งสี่นั่งล้อมวงคุยกันเป็นทุ่งนาโล่งกว้างต่ำกว่าจุดที่จำเลยอยู่และใกล้วิถีกระสุนปืนซึ่งง่ายต่อการถูกกระสุนปืนที่จำเลยยิงมาอยู่มากแต่กระสุนปืนที่จำเลยยิงไป1นัดก็ไม่ถูกผู้ใดและไม่ปรากฏร่องรอยกระสุนปืนที่พื้นดินบริเวณนั้นด้วยนอกจากนี้ยังคงมีกระสุนปืนเหลืออยู่ในแม็กกาซีนถึง7นัดในสภาพพร้อมยิงได้ทันทีแต่จำเลยไม่ได้ใช้ยิงเลยโดยไม่ปรากฏสิ่งใดขัดขวางประกอบกับเหตุเกิดกระทันหันในเวลากลางคืนโดยจำเลยใช้อาวุธปืนสั้นยิงออกไปคนละทางกับ ร.ผู้ขับรถจักรยานยนต์เลี้ยวตัดหน้ารถจำเลยซึ่งก่อเหตุการณ์ให้จำเลยยิงปืนโอกาสที่พยานจะไม่ทันสังเกตว่าจำเลยจ้องปืนไปทางใดย่อมมีอยู่มากพฤติการณ์ที่กล่าวมาแสดงว่าจำเลยใช้ปืนยิงไปคนละทางกับผู้เสียหายทั้งสี่โดย ไม่มี เจตนายิงประทุษร้ายไปทางผู้เสียหายทั้งสี่ซึ่งเจือสมกับคำเบิกความของจำเลยที่ว่าจำเลยยิงปืนขึ้นฟ้า พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยฐาน พยายามฆ่าผู้เสียหายทั้งสี่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8/2539

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ด้วยสิ่งเทียมอาวุธปืน: การรับฟังพยานหลักฐาน การกระทำความผิด และการกำหนดโทษ
คำเบิกความของผู้เสียหายที่ยืนยันในเบื้องต้นว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ชิงเอาสร้อยคอของผู้เสียหายไปโดยมีสิบตำรวจเอก ป.ผู้จับจำเลยเบิกความสนับสนุนว่าชั้นจับกุมผู้เสียหายได้แจ้งความดังกล่าวให้พยานทราบอีกทั้งผู้เสียหายยังให้การดังกล่าวต่อพนักงานสอบสวนโดยมีสาระสำคัญสอดคล้องกับคำเบิกความซึ่งเป็นการกระทำทันทีหลังจากเกิดเหตุแล้วใหม่ๆโดยไม่มีโอกาสคิดไตร่ตรองเพื่อปรักปรำให้ร้ายจำเลยทั้งการที่ผู้เสียหายลงชื่อรับรองไว้ในบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้ายกับบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้ายได้คืนแสดงว่าเจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดสร้อยคอของผู้เสียหายที่ถูกจำเลยชิงเอาไปได้จากจำเลยจริงและให้ผู้เสียหายรับคืนไปโดยเหตุที่สิบตำรวจเอก ป. และพันตำรวจตรี ศ. พนักงานสอบสวนได้ปฏิบัติการไปตามหน้าที่ไม่มีเหตุให้ต้องทำบันทึกตามเอกสารที่กล่าวมาเพื่อกลั่นแกล้งจำเลยพยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงรับฟังลงโทษจำเลยได้แต่ ปืนไฟแช็กที่จำเลยได้ใช้จี้ผู้เสียหายนั้นเป็น สิ่งเทียมอาวุธปืน มิใช่ อาวุธปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯจึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา340ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6655/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยานผู้พิการและการไม่คัดค้านการเลื่อนสืบพยาน
ศาลชั้นต้นให้โจทก์ใช้คำถามนำในการซักถามผู้เสียหายที่เป็นพยานโจทก์ซึ่งเป็นอัมพาตไม่อาจพูดจาหรือเปล่งเสียงได้ แต่ตอบคำถามโดยวิธีพยักหน้า ยักคิ้ว หรือการนิ่งเฉย เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยป.วิ.พ. มาตรา 118 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15
ทนายจำเลยถามค้านพยานปากผู้เสียหายบ้างแล้ว ผู้เสียหายหลับไป ศาลชั้นต้นบันทึกไว้ว่า ทนายจำเลยหมดคำถามก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยคัดค้านว่ายังมีคำถามและขอถามค้านต่อไป หรือขอเลื่อนไปถามค้านต่อนัดหน้าก็ได้ เมื่อโจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานที่เหลือนัดหน้าจำเลยก็ไม่ค้าน ศาลรับฟังคำเบิกความของผู้เสียหายได้หาเป็นการขัดต่อกฎหมายไม่
of 119