คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 227

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 193/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับของโจร: พยานหลักฐานไม่เพียงพอต้องฟังว่าจำเลยทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์
คำเบิกความของพยานโจทก์ไม่สามารถยืนยันว่าจำเลยได้รับไว้ซึ่งทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักมาอย่างไรและจำเลยทราบหรือไม่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์พยานหลักฐานโจทก์จึงไม่สามารถฟังได้โดยปราศจากความสงสัยว่าจำเลยเป็นคนร้ายรับของโจร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ได้มาจากการสอบสวนฝ่ายเดียวมีน้ำหนักน้อย ต้องมีพยานหลักฐานอื่นประกอบจึงจะลงโทษจำเลยได้
คำให้การรับสารภาพของจำเลยใน ชั้นสอบสวนเป็น พยานบอกเล่าพนักงานสอบสวนดำเนินการไปฝ่ายเดียวโดยฝ่ายจำเลยไม่มีโอกาสโต้แย้งคัดค้านแม้ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้รับฟังแต่ก็ มีน้ำหนักน้อยโจทก์จะต้องมีพยานอื่นมาสืบประกอบจึงจะมีน้ำหนักเพียงพอลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย: ผู้ถูกทำร้ายมีสิทธิป้องกันตนเองเมื่อถูกทำร้ายก่อน
ฝ่ายผู้เสียหายเป็นฝ่ายหาเหตุ และเป็นฝ่ายเข้าตีทำร้ายร่างกายฝ่ายจำเลยทั้งสี่ก่อน เมื่อผู้เสียหายกับพวกเข้าทำร้ายก่อนโดยละเมิดต่อกฎหมายเช่นนี้ จำเลยทั้งสี่ย่อมมีสิทธิที่จะป้องกันตัวให้พ้นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายอันเป็นภัยที่ใกล้จะถึงเช่นนั้นได้ เมื่อฝ่ายจำเลยทั้งสี่มีจำนวนคนน้อยกว่าฝ่ายผู้เสียหาย ประกอบกับอาวุธที่ใช้กันก็เป็นพลั่ว จอบเสียม และมีด อันมีสภาพเป็นเครื่องมือสำหรับชาวนาใช้ในการทำนา ซึ่งปกติมีติดตัวอยู่ และบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับก็ไม่ร้ายแรงมากนัก จึงถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่กระทำไปพอสมควรแก่เหตุ จำเลยทั้งสี่จึงไม่มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 295และ 297
ปรากฎตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยทั้งสี่แถลงหมดพยานบุคคล คงติดใจที่จะขอให้นำสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่2558-2559/2533 ของศาลชั้นต้นมาผูกรวมติดเข้ากับสำนวนคดีนี้ ศาลชั้นต้นอนุญาต ดังนี้ เมื่อจำเลยทั้งสี่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้วและยังสืบพยานจำเลยทั้งสี่ไม่เสร็จ จำเลยทั้งสี่ย่อมมีสิทธิต่อสู้คดีอย่างเต็มที่โดยอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้อีกแม้จำเลยทั้งสี่จะมิได้ระบุอ้างสำนวนคดีอาญาดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานโดยยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมไว้ แต่การที่จำเลยทั้งสี่แถลงดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นถึงเจตนาของจำเลยทั้งสี่อย่างแจ้งชัดว่าประสงค์จะอ้างสำนวนคดีอาญานั้นทั้งสำนวนเป็นพยานหลักฐานของจำเลยในคดีนี้ด้วย เมื่อศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้นำสำนวนคดีอาญาดังกล่าวมาผูกติดกับสำนวนคดีนี้ สำนวนคดีอาญานั้นจึงเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้แล้ว เมื่อคำเบิกความของ พ. อยู่ในสำนวนคดีอาญานั้นด้วย คำเบิกความของ พ.คดีดังกล่าวจึงเป็นพยานหลักฐานในคดีนี้ ชอบที่ศาลจะนำมาฟังประกอบการวินิจฉัยคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 148/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทของเจ้าหน้าที่รถไฟที่ไม่กั้นถนน ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
พยานโจทก์ทั้งหมดไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่1มาก่อนไม่มีเหตุน่าระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยที่1เชื่อว่าเบิกความไปตามความเป็นจริง จำเลยที่1มีหน้าที่ปิดกั้นถนนซึ่งมีทางรถไฟผ่านได้เปิดสวิตช์สัญญาณไฟ5ดวงและให้สัญญาณโคมไฟสีเขียวแก่จำเลยที่2ผู้ขับขบวนรถไฟเพื่อผ่านแต่ไม่ได้นำแผงกั้นถนนไปปิดกั้นถนนเป็นสาเหตุทำให้รถยนต์โดยสารแล่นข้ามชนตู้โดยสารรถไฟเป็นเหตุให้คนตายการกระทำของจำเลยที่1จึงเป็นการ กระทำโดยประมาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 147/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การกระทำหลายกรรมต่างกัน และการปรับบทลงโทษในคดีอาญา
ผู้เสียหายเบิกความเป็นขั้นตอนเชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุผลโอกาสที่ผู้เสียหายจะจำจำเลยที่2และที่3ได้มีอยู่มากและการที่ผู้เสียหายตรงเข้าชกจำเลยที่2และที่3ด้วยความโกรธในทันทีที่พบกันตอนชี้ตัวย่อมแสดงให้เห็นว่าผู้เสียหายจำหน้าจำเลยที่2และที่3ได้โดยปราศจากการลังเลพยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงเชื่อได้ว่าจำเลยที่2และที่3กับพวกร่วมกันล่อลวงพาผู้ตายและผู้เสียหายมาทำร้าย แม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานเห็นคนร้ายทำร้ายผู้ตายแต่การที่ผู้ตายตกอยู่ในวงล้อมการทำร้ายของจำเลยที่2ที่3และ ฮ.ซึ่งมีชะแลงเหล็กเป็นอาวุธและเมื่อผู้ตายหลบหนีก็ปรากฏว่ามีบาดแผลจนถึงแก่ความตายในคืนเดียวกันเหตุการณ์เชื่อมโยงบ่งชี้ให้เห็นว่าผู้ตายถูกจำเลยที่2ที่3และ ฮ. ร่วมกันใช้ชะแลงเหล็กตีทำร้ายผู้ตาย จำเลยที่2และที่3อุทธรณ์ว่ามิใช่คนร้ายที่กระทำผิดตามฟ้องจึงครอบคลุมไปถึงข้ออุทธรณ์ว่าไม่มีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอยู่ด้วย ผู้ตายและผู้เสียหายไม่เคยรู้จักหรือมีเหตุโกรธเคืองจำเลยที่2ที่3และ ฮ.มาก่อนทั้งโจทก์ก็มิได้นำสืบว่าจำเลยที่1มีความสัมพันธ์กับจำเลยที่2และที่3ประการใดพอที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นเหตุจูงใจให้จำเลยที่2และที่3กับพวกต้องฆ่าผู้ตายการที่จำเลยที่2ที่3และพวกล่อลวงผู้ตายกับผู้เสียหายมายังที่เกิดเหตุจุดแรกพร้อมกันและตรงเข้าทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายพร้อมกันแต่ผู้ตายหลบหนีไปได้เสียก่อนในตอนแรกแสดงให้เห็นว่าเจตนาของจำเลยที่2ที่3และ ฮ.ที่มีต่อผู้ตายและผู้เสียหายในขณะนั้นเป็นเจตนาเดียวกันคือเจตนาทำร้ายการที่จำเลยที่2ที่3และ ฮ. ติดตามไปทันและฆ่าผู้ตายในภายหลังต่อเนื่องกันไปย่อมเห็นได้ว่าเพิ่งมีเจตนาฆ่าผู้ตายในขณะนั้นจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่2ที่3กับ ฮ. มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การกระทำของจำเลยที่2และที่3ต่อผู้ตายและผู้เสียหายเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันแต่เมื่อโจทก์มิได้ฎีกาศาลฎีกาจึงไม่อาจลงโทษจำเลยที่2และที่3อีกกรรมหนึ่งได้เพราะจะเป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา212ประกอบมาตรา225แต่ศาลฎีกามีอำนาจปรับบทลงโทษให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 143/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานเบิกความขัดแย้งจากอาการเมาสุรา และไม่มีพยานประกอบ ศาลยกฟ้องคดีฆ่า
โจทก์มีพยานที่รู้เห็นขณะเกิดเหตุรวม6ปากเบิกความเป็นทำนองเดียวกันว่าไม่เห็นใครเป็นผู้ยิงผู้ตายทั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีก็ไม่มีเหตุบ่งชี้ว่าจะเบิกความบ่ายเบี่ยงข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือจำเลยประกอบกับขยะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนซึ่งขณะนั้นพยานโจทก์ทั้งหกมีอาการเมาสุรามากคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งหกจึงมีน้ำหนักเชื่อได้ว่าเบิกความไปตามจริงยิ่งกว่าคำให้การชั้นสอบสวนที่ยืนยันว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายซึ่งเป็นพยานบอกเล่าและจำเลยไม่มีโอกาสได้ซักค้านเมื่อโจทก์ไม่มีพยานอื่นมาประกอบจึงไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 114/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองเฮโรอีนเพื่อจำหน่ายในปริมาณมากและการลงโทษที่เหมาะสม
พยานโจทก์ทั้งสามปากต่างเป็นเจ้าพนักงานซึ่งไม่ปรากฏว่าเคยรู้จักจำเลยมาก่อนไม่มีเหตุที่จะทำให้ระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งคำเบิกความก็สอดคล้องและเชื่อมโยงกันมีน้ำหนักฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯมาตรา15วรรคสองบัญญัติว่าการมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท1คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ตั้งแต่20กรัมขึ้นไปถือว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเมื่อจำเลยมีเฮโรอีนซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท1ไว้ในครอบครองคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้1,302กรัมจึงต้องถือว่าจำเลยมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยมียาเสพติดให้โทษเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เป็นจำนวนมากถึง1,302กรัมการที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์กำหนด โทษประหารชีวิตและ ลดโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา78ประกอบมาตรา52คง จำคุกจำเลยตลอดชีวิตนั้นจึงเป็นการใช้ ดุลพินิจในการลงโทษที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 113/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันมียาเสพติดไว้เพื่อขาย และการใช้บทกฎหมายใหม่ที่มีผลต่อโทษ
พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกันมั่นคงโดยเห็นการกระทำของจำเลยที่2ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งหิ้วถุงพลาสติกซึ่งบรรจุยาม้าของกลางไปส่งให้จำเลยที่1นำไปซุกไว้ที่ใต้เบาะที่นั่งคนขับรถยนต์ของ ส.ชั้นจับกุมจำเลยที่2ก็ให้การรับสารภาพโดยเขียนบันทึกคำให้การด้วยตนเองแม้จำเลยที่2 จะให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน แต่ก็รับว่า บันทึกคำให้การดังกล่าวเป็นลายมือของจำเลยที่2 พยานหลักฐานของโจทก์ มีน้ำหนักและ เหตุผลฟังได้ว่าจำเลยที่2 กับพวก ร่วมกันมียาม้าของกลางไว้เพื่อขาย หลังจากที่จำเลยที่2กระทำความผิดได้มีพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท(ฉบับที่3)พ.ศ.2535แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ.2518โดยเพิ่มเติมมาตรา13ทวิห้ามมิให้ผู้ใดผลิตขายนำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท2แยกจากเดิมซึ่งบัญญัติรวมไว้ในมาตรา13และแก้ไขโทษปรับขั้นสูงให้ต่ำลงถือว่าเป็นคุณแก่จำเลยจึงต้องใช้บทบัญญัติกฎหมายที่แก้ไขเพิ่มเติมใหม่มาปรับแก่คดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา3

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 70/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน – คดีข่มขืนกระทำชำเรา – ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
ผู้เสียหายเป็น ประจักษ์พยานเพียงปากเดียวและได้เบิกความว่าได้เล่าเรื่องที่จำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายให้นาง อ.ร.และนาง อ.น. ฟังแตกต่างจากนาง อ.ร. และนาง อ.น. ที่เบิกความว่าผู้เสียหายมิได้เล่าเรื่องเช่นนั้นทำให้น่าสงสัยว่าผู้เสียหายถูกจำเลยข่มขืนกระทำชำเราจริงหรือไม่พยานหลักฐานของโจทก์จึงยังมี ข้อน่าสงสัยต้อง ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา227วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 69/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย ศาลเชื่อพยานหลักฐานสอดคล้องและพฤติการณ์บ่งชี้ความร่วมมือ
พยานโจทก์ทั้งสี่ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยที่1มาก่อนไม่มีเหตุที่จะเบิกความปรักปรำจำเลยที่1ทั้งเบิกความได้สอดคล้องเชื่อมโยงกันเชื่อได้ว่าพยานโจทก์ทั้งสี่เบิกความตามความเป็นจริงฟังได้ว่าจำเลยที่1เดินทางเข้ามาในประเทศไทยแล้วมาพักอยู่กับจำเลยที่2และที่3ตลอดจนไปไหนมาไหนด้วยกันโดยจำเลยที่1เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายค่าอาหารกับค่าบริการต่างๆให้จำเลยที่2และที่3ด้วยเป็นการชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่1เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่2และที่3ตรงตามที่พยานโจทก์ได้ทราบจากสายลับก่อนแล้ว
of 119