คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.อ. ม. 227

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,185 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 49/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีหน้าที่แบ่งแยกชัดเจน และคำรับสารภาพชั้นสอบสวนที่ยืนยันการกระทำความผิด
โจทก์มีพยานเบิกความประกอบกันยืนยันว่าจำเลยที่4ขับรถยนต์กระบะติดตามรถยนต์บรรทุกกุ้งตั้งต้นจนถึงปลายทางและในชั้นสอบสวนจำเลยที่4ให้ การรับสารภาพว่าได้ ร่วมวางแผน ปล้นทรัพย์ โดยจำเลยที่4ทำหน้าที่ขับรถยนต์กระบะดูเส้นทางและรถยนต์บรรทุกกุ้งคันที่ทำการปล้นอันเป็นการ แบ่งหน้าที่กันทำจึงฟังได้โดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยที่4ได้ ร่วมกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 48/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีอาญาอุกฉกรรจ์ พยานหลักฐานโจทก์ไม่หนักแน่นเพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดจำเลยได้ ศาลฎีกายกฟ้อง
คดีอุกฉกรรจ์มีโทษหนักถึง ประหารชีวิต พยานหลักฐานโจทก์จะต้องชัดแจ้งหนักแน่นมั่นคงโดยไม่มีข้อตำหนิใดๆให้เป็นที่ประจักษ์ได้เมื่อโจทก์ ไม่มีประจักษ์พยานคงมีแต่พยานเหตุผลแวดล้อมกรณีซึ่งเบิกความไม่สอดคล้องกันจึงไม่น่าเชื่อถือประกอบกับจำเลยให้ การปฏิเสธตลอดมาตั้งแต่ต้นคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 47/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่น โดยมีพยานหลักฐานยืนยันการกระทำผิดและคำรับสารภาพ
ประจักษ์พยานทั้งสามของโจทก์เบิกความได้สอดคล้องต้องกันและรับกันเป็นอย่างดีไม่มีตอนใดขัดต่อเหตุผลหรือขัดกันเองโดยเฉพาะการรู้เห็นของพยานทั้งสามมิได้เห็นเหตุการณ์ตลอดหมดทุกคนแต่เหตุการณ์คนละตอนกันเหตุการณ์ตอนใดที่พยานคนใดไม่รู้เห็นก็ไม่เบิกความถึงคำเบิกความจึงน่าเชื่อถือประกอบกับชั้นจับกุมและสอบสวนจำเลยทั้งสี่ก็ให้การรับสารภาพโดยมีรายละเอียดเจือสมพยานโจทก์เมื่อฟัง คำให้การชั้นสอบสวน ประกอบกับ คำเบิกความของ ประจักษ์พยานโจทก์แล้วเชื่อโดยปราศจากสงสัยว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมเป็นคนร้าย จำเลยทั้งสี่กับพวกมาด้วยกันและหลบหนีไปด้วยกันแม้จำเลยทุกคนจะไม่ได้ลงมือยิงและพวกของจำเลยคนอื่นเอาทรัพย์สินของผู้ตายกับผู้เสียหายไปแต่ก็มีจำเลยที่1รวมอยู่ในกลุ่มคนร้ายที่เข้ามาในบ้านจำเลยที่2เป็นผู้ขับรถพาคนร้ายมาและพาคนร้ายหลบหนีจำเลยที่3ใช้ปืนจี้บังคับ จ.ไว้และจำเลยที่4รวมอยู่ในกลุ่มคนร้ายที่หน้าบ้านขณะเกิดเหตุเป็นการคุมเชิงอยู่ใกล้ๆในลักษณะที่พร้อมช่วยเหลือกันได้ทันทีเป็นลักษณะการ แบ่งหน้าที่กันทำถือได้ว่า ร่วมกระทำผิดด้วยกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 37/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี: ปัญหาอายุผู้เสียหาย, พยานหลักฐาน, และการพิพากษาลงโทษ
แม้โจทก์ ไม่มีประจักษ์พยาน แต่ก็ มีคำรับสารภาพของจำเลยทั้ง ชั้นจับกุมและ สอบสวนซึ่งรับว่าได้ กระทำชำเรา ผู้เสียหายเมื่อฟังประกอบกับหลักฐานที่ฟังได้ว่าผู้เสียหายได้บอกว่าถูกจำเลยกระทำชำเราจริงแล้วจึง ฟังได้ว่าผู้เสียหายถูกจำเลยกระทำชำเราจริง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7562/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนต้องมีพยานหลักฐานประกอบอื่นที่ไม่ใช่คำของพนักงานสอบสวนจึงจะใช้ลงโทษจำเลยได้
พยานหลักฐานประกอบตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 176 จะต้องไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพ การรับฟังคำรับชั้นสอบสวนซึ่งจำเลยปฏิเสธในชั้นพิจารณามาใช้ลงโทษจำเลยโจทก์ต้องมีพยานประกอบว่าจำเลยกระทำผิดจริงโดยพยานประกอบนั้นต้องมิใช่คำของเจ้าพนักงานตำรวจผู้สอบสวนคำรับนั้น ส่วนบันทึกการจับกุม คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลย บันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและภาพถ่ายประกอบการนำชี้ที่เกิดเหตุแม้จะมีภาพจำเลยและมีข้อความระบุว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายแต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนไม่ใช่พยานหลักฐานที่จะนำมารับฟังประกอบคำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเพื่อให้เห็นว่าจำเลยกระทำความผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7073/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือและการปรับบทลงโทษ
คำเบิกความของพนักงานสอบสวนที่ว่าในชั้นจับกุมจำเลยที่ 1ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำผิด เป็นคำบอกเล่าจากจำเลยที่ 1เมื่อประจักษ์พยานเบิกความว่าไม่เห็นจำเลยที่ 2 ในคืนเกิดเหตุ คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจึงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้
เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ที่ศาลล่างลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายโดยใช้ยานพาหนะจึงไม่ชอบ และเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7073/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ และการปรับบทลงโทษฐานชิงทรัพย์
คำเบิกความของพนักงานสอบสวนที่ว่าในชั้นจับกุมจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 กระทำผิดเป็นคำบอกเล่าจากจำเลยที่ 1 เมื่อประจักษ์พยานเบิกความว่าไม่เห็นจำเลยที่ 2 ในคืนเกิดเหตุ คำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 2 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจึงยังไม่พอฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กาย ที่ศาลล่างลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายโดยใช้ยานพาหนะจึงไม่ชอบ และเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยแม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6314/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยในการแก้ไขคำให้การก่อนศาลพิพากษา และการปรับบทลงโทษอาวุธปืนไม่มีทะเบียน
ในคดีอาญา จำเลยย่อมยื่นคำร้องขอแก้หรือเพิ่มเติมคำให้การของจำเลยก่อนศาลพิพากษา ศาลมีอำนาจจะอนุญาตหรือไม่ก็ได้สุดแต่ศาลจะเห็นสมควร ในตอนแรกจำเลยให้การปฏิเสธหลังจากศาลชั้นต้นได้สืบพยานโจทก์ไปแล้ว 2 ปาก จำเลยก็ขอเพิกถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการ โจทก์จึงแถลงไม่ติดใจสืบพยานที่เหลืออีกต่อไปและศาลชั้นต้นสั่งว่าคดีเสร็จการพิจารณา ให้รอฟังคำพิพากษาในวันเดียวกัน แต่ต่อมาจำเลยกลับขอให้การใหม่อีก เป็นรับสารภาพเพียงข้อหาเดียวเท่านั้น ดังนี้ การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้แก้ไขเพิ่มเติมคำให้การดังกล่าวจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์บรรยายฟ้องในข้อหามีอาวุธปืนว่า จำเลยได้มีอาวุธปืนสั้นขนาด .38 ไม่ปรากฏว่ามีเครื่องหมายทะเบียนประจำอาวุธปืนของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่จำนวน 1 กระบอก ไว้ในครอบครองของจำเลยโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามกฎหมายจำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยฟังคำรับสารภาพของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ซึ่งไม่เป็นการแน่นอนว่า อาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองนั้นเป็นอาวุธปืนมีหมายเลขทะเบียนของเจ้าพนักงานประทับไว้หรือไม่ จึงต้องฟังข้อเท็จจริงในส่วนนี้ให้เป็นคุณแก่จำเลยว่าอาวุธปืนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองและพาไปโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5724/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับฟังพยานหลักฐานประกอบการวินิจฉัยความรับผิดในคดีขับรถประมาท และการรับฟังคำให้การชั้นสอบสวน
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ง. ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้ตายได้รับอันตรายสาหัส ง. จะต้องเปิดประตูรถยนต์ออกมาเพื่อจะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ส่วนจำเลยได้รับอันตรายสาหัสและเมาสุราจำเลยจะต้องออกจากรถยนต์หลังจากที่ ง. ออกมาจากรถยนต์ก่อนแล้วเป็นการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยอาศัยหลักเหตุผลที่ว่าบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บมากย่อมจะต้องออกมาจากรถยนต์ช้ากว่าบุคคลที่ได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย จึงเป็นการชอบด้วยการรับฟังพยานหลักฐานแล้วหาเป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือไปจากพยานหลักฐานในสำนวนไม่ คำให้การชั้นสอบสวนไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไม่ให้รับฟังประกอบเป็นข้อพิจารณาของศาลแต่ประการใด เมื่อปรากฏว่า ส.ให้การต่อพนักงานสอบสวนหลังเกิดเหตุไม่นานและ ส. เป็นพยานคนกลางไม่มีส่วนได้เสียกับฝ่ายใด จึงน่าเชื่อว่า ส. ให้การไปตามความจริงที่รู้เห็นมา ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์รับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของ ส. ประกอบพยานหลักฐานอื่นของโจทก์ นั้น จึงหาเป็นการขัดต่อกฎหมายไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5493/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพและการพิสูจน์ความผิดฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แม้ไม่มีพยานยืนยัน
แม้โจทก์จะไม่ได้นำประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีน คงมีแต่คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม และขณะศาลสอบคำให้การ ซึ่งจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธในชั้นพิจารณา แต่โจทก์ก็มีพยานหลักฐานอื่นนอกจากคำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมมาประกอบให้เห็นว่า คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและขณะศาลสอบคำให้การของจำเลยทั้งสองเป็นความจริงและโดยสมัครใจ พยานหลักฐานอื่นของโจทก์ดังกล่าวประกอบกันฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง
of 119