พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 900/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีเกี่ยวข้องยาเสพติด: พยานหลักฐานไม่เพียงพอและขาดเจตนาขัดขวางเจ้าพนักงาน
พยานโจทก์ไม่มีใครรู้เห็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ได้ช่วยจำเลยที่ 4 แบ่งบรรจุเฮโรอีนใส่หลอดพลาสติกและพยานที่สืบสวนมาก็ไม่ได้ความว่าสืบมาอย่างไร จากใคร เมื่อรู้ก่อนนานแล้วทำไมไม่ดำเนินการจับกุม เหตุใดต้องรอมาจนถึงวันเกิดเหตุ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ถูกกล่าวหา จึงน่าเป็นเพราะอยู่ด้วยกับจำเลยที่ 4 ในบ้านเกิดเหตุ เฮโรอีนของกลางอาจบรรจุหลอดพลาสติกมาก่อนแล้วก็ได้และตามวิสัยการกระทำผิดอันร้ายแรงเช่นนี้ ชอบที่จำเลยที่ 4 กับพวกต้องปิดบังไว้ไม่น่าให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ที่ 3 ล่วงรู้ไปได้ พยานหลักฐานโจทก์จึงมีเหตุสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 จะได้กระทำผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ส่วนความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่นั้น เมื่อไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ที่ 4 กระทำอื่นใดนอกเหนือไปจากจำเลยที่ 4 ไม่ยอมเปิดประตูและจำเลยที่ 1 พูดห้ามมิให้เปิดกับเรียกจำเลยที่ 4 เข้าไปในบ้าน หลังจากนั้นไฟฟ้าภายในบ้านก็ดับลงไม่ทราบว่าใครเป็นคนดับและจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้กระทำการอันใดบ้าง การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 4 จึงยังถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน และการที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 อยู่ภายในบ้านเกิดเหตุด้วย จะถือว่าได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 ที่ 4 ไม่ให้ความสะดวกแก่เจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่ไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีอาญาที่พยานหลักฐานชี้ว่าจำเลยกระทำโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แม้ฟ้องในความผิดฐานฆ่าโดยเจตนา
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์มาเป็นพยานในชั้นพิจารณา คงมีแต่นาง ร. และเจ้าพนักงานตำรวจมาเบิกความรับรองคำให้การของ นางสาว บ. นางสาว ค.นางสาวม.และนายส.ซึ่งให้การไว้ในชั้นสอบสวนสอดคล้องต้องกันว่า วันเกิดเหตุจำเลยได้ว่าจ้างนางสาว ม. นางสาว ค. และผู้หญิงอีก 3 คน ซึ่งเป็นนักร้องให้ไปร้องเพลง โดยนั่งรถยนต์คันที่ผู้ตายขับไปด้วยกันจำเลยนั่งตอนหน้าทางด้านซ้ายผู้ตาย โดยนางสาว ม. และนางสาว ค.นั่งถัดจำเลยไปทางด้านซ้าย ส่วน ส. และคนอื่นนั่งอยู่กระบะหลังเมื่อรถยนต์หยุดตรงที่เกิดเหตุมีเสียงปืนดัง 1 นัด จากบริเวณหน้ารถจำเลยหลบหนีไปกับพวก และปรากฏตามบันทึกคำให้การของจำเลยชั้นสอบสวนว่า จำเลยนัดแนะกับผู้ตายว่า จำเลยจะทำทีเอาอาวุธปืนออกมาจี้ผู้ตายให้ผู้ตายหยุดรถ แล้วจำเลยจะฉุดนักร้องหญิง 1 คนไป แต่อาวุธปืนเกิดลั่นขึ้น 1 นัด ทั้งจำเลยเบิกความยอมรับว่า พนักงานสอบสวนไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน และลงชื่อไว้ในคำให้การจริง ดังนี้ เชื่อได้ว่า นางสาว บ. นางสาว ค. นางสาว ม.และนาย ส. รู้เห็นเหตุการณ์ตามที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวน แม้คำให้การในชั้นสอบสวนจะเป็นพยานบอกเล่า จะรับฟังดังคำเบิกความของพยานในชั้นพิจารณาไม่ได้ แต่ไม่ปรากฏว่า พนักงานสอบสวนและพยานดังกล่าวมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าพนักงานสอบสวนและพยานจะแกล้งปรักปรำจำเลย พยานหลักฐานโจทก์ประกอบกันฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยอยู่ในที่เกิดเหตุและเป็นผู้ทำให้ปืนลั่น กระสุนปืนถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่า แต่ทางพิจารณาปรากฏว่าจำเลยทำปืนลั่นขึ้นโดยไม่มีเจตนาฆ่า แต่เป็นการกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายอันเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง แต่ข้อแตกต่างดังกล่าวมิใช่ข้อสาระสำคัญ ทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยในข้อหาดังกล่าวตามข้อเท็จจริงที่ได้ความนี้ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสอง และวรรคสาม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 840/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในคดีอาญา: พยานที่เบิกความนอกศาลและคำรับสารภาพที่ถูกโต้แย้ง
พยานโจทก์เข้าเบิกความในคดีอีกสำนวนหนึ่งก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งรวมพิจารณาพิพากษากับคดีนี้โดยที่โจทก์ไม่สามารถนำตัวพยานปากนี้มาเบิกความอีกได้จนศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งตัดพยานปากนี้การเบิกความของพยานปากนี้จึงมิได้กระทำต่อหน้าจำเลยในคดีนี้ไม่อาจรับฟังเพื่อวินิจฉัยคดีในทางเป็นโทษสำหรับจำเลยในคดีนี้ได้ คำเบิกความของพยานในชั้นพิจารณาย่อมเป็นพยานชั้นหนึ่งชอบที่ศาลจะรับฟังคำเบิกความในชั้นพิจารณาเป็นสำคัญ คำให้การชั้นสอบสวนของพยานปากนั้นซึ่งเป็นพยานชั้นสอง จึงมีน้ำหนักน้อย จำเลยให้การในชั้นสอบสวนว่า จำเลยเดินตามหลังผู้ตายกับกลุ่มพวกจำเลยไปห่าง ๆ ต่อมากลุ่มผู้ตายกับกลุ่มพวกจำเลยเข้าทำร้ายซึ่งกันและกัน ผู้ตายจะเข้าทำร้ายน้องชายจำเลย จำเลยจึงเข้าไปช่วยและได้ชกทำร้ายผู้ตายไป 1 ครั้ง และพวกในกลุ่มพวกจำเลยจึงเข้ามาช่วยไล่ชกไล่ตีกลุ่มผู้ตาย จำเลยไม่ได้ติดตามไปด้วยหากแต่เดินเข้าบ้านไป คำให้การของจำเลยเช่นนี้ยังไม่พอฟังว่าจำเลยให้การรับสารภาพว่าได้ร่วมกันฆ่าผู้ตายดังที่โจทก์นำสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 767/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำรับสารภาพที่ไม่น่าเชื่อถือ และพยานหลักฐานที่ไม่สอดคล้องกัน ทำให้ศาลยกฟ้องคดีอาญา
ตามคำของ พ. ได้ความว่า เห็นจำเลยเดินวนเวียนอยู่ในที่เกิดเหตุ และตามคำของ ส.ก็คงได้ความว่าเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุเห็นผู้ตายกับผู้เสียหายถูกทำร้ายนอนอยู่ มีจำเลยถือไม้เดินอยู่บริเวณนั้น แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นคนทำร้ายด้วยสาเหตุอะไร ส่วน ณ.แม้จะเบิกความว่าเห็นจำเลยใช้ไม้เข้าร่วมชุลมุนตีกันด้วย แต่ก็ตอบคำซักค้านของทนายจำเลยว่าไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ตีทำร้ายผู้เสียหายเพราะตีกันยุ่งไปหมดทั้งตามคำของพนักงานสอบสวนประกอบรายงานการชันสูตรพลิกศพก็ได้ความว่าคนร้ายที่ร่วมกันทำร้ายผู้ตายกับผู้เสียหายคือ อ.กับพวก ไม่มีจำเลยร่วมทำร้ายด้วย คำของ ณ.ไม่แน่นอนขัดแย้งกับคำของพนักงานสอบสวน ไม่น่าเชื่อว่า ณ.รู้เห็นว่าจำเลยเป็นคนร้ายจริงโจทก์จึงมีเพียงคำรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเท่านั้น ซึ่งจำเลยโต้เถียงอยู่ว่าถูกบังคับขู่เข็ญให้รับสารภาพ คดีฟังลงโทษจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการปล้นทรัพย์: พยานหลักฐานต้องแสดงการกระทำที่ช่วยเหลือหรือสนับสนุนก่อนหรือขณะกระทำความผิด
โจทก์ไม่มีพยานอื่นมาสืบสนับสนุนให้เห็นว่า จำเลยที่ 6ได้สนับสนุนจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ปล้นทรัพย์อย่างไร คงมีแต่บันทึกคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 และคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 6 ว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยทั้งหกได้ร่วมกันวางแผนที่จะปล้นทรัพย์ผู้เสียหาย คำให้การของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ที่ให้การถึงจำเลยที่ 6 เป็นคำซัดทอดผู้ต้องหาด้วยกันเอง ลำพังเพียงคำให้การชั้นสอบสวนจึงมีน้ำหนักน้อยไม่สามารถฟังลงโทษจำเลยที่ 6 ได้ หลังวันเกิดเหตุแล้ว จำเลยที่ 6 ช่วยพาจำเลยที่ 1 ไปขายอาวุธปืนที่จำเลยที่ 1 ได้มาจากการปล้นทรัพย์ ไม่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิด จำเลยที่ 6 ไม่มีความผิดฐานสนับสนุนผู้อื่นกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จเรื่องข่มขืน ศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นการกลั่นแกล้งและมีเหตุผลเชื่อว่าเป็นการร่วมประเวณีโดยสมัครใจ
จำเลยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่าโจทก์ร่วมข่มขืนกระทำชำเราจำเลยนั้น เป็นพฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องพักของโรงแรมไม่มีผู้ใดรู้เห็น เมื่อโจทก์ร่วมกับจำเลยเบิกความโต้แย้งกันอยู่ จึงต้องฟังเหตุผลและพยานพฤติเหตุแวดล้อมประกอบกัน เมื่อพนักงานโรงแรมเบิกความว่า ในวันเกิดเหตุตนเองเป็นผู้บริการเปิดม่านรูดให้โจทก์ร่วมและจำเลยขับรถเข้าไปจอดในโรงแรม และเปิดม่านรูดเมื่อรถยนต์ของโจทก์ร่วมและจำเลยจะออกไป จำเลยมิได้ร้องขอความช่วยเหลือประกอบกับข้อเท็จจริงว่าโจทก์ร่วมมิได้ใช้กำลังบังคับหรือใช้อาวุธขู่เข็ญจำเลยเพราะจะร่วมประเวณี พฤติการณ์ดังกล่าวจึงมีเหตุผลน่าเชื่อว่าโจทก์ร่วมกับจำเลยร่วมประเวณีกันโดยสมัครใจ เมื่อจำเลยแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในเวลาต่อมาว่าโจทก์ร่วมข่มขืนกระทำชำเราจำเลย จึงเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 487/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสำคัญผิดในความผิดอาญา: การทำร้ายผู้อื่นโดยเข้าใจผิดว่าเป็นบุคคลอื่น และเจตนาในการกระทำ
จำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้เสียหาย เหตุที่จำเลยฟันทำร้ายผู้เสียหายเนื่องจากเข้าใจผิดว่าผู้เสียหายเป็นนาย ค.ซึ่งมีเหตุวิวาทกันมาก่อนจำเลยจะยกเอาความสำคัญผิดเป็นข้อแก้ตัวไม่ได้ ต้องถือว่าจำเลยมีเจตนาที่จะกระทำต่อนายค.เช่นใด ก็ต้องรับผิดในผลของการกระทำที่เกิดขึ้นแก่ผู้เสียหายเช่นนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 61 การที่จำเลยหยิบฉวยมีดอีโต้ในบ้านที่เกิดเหตุ ไม่ใช่อาวุธที่ตระเตรียมมาก่อน ฟันทำร้ายผู้เสียหายเพียงครั้งเดียวโดยมิได้เจาะจงว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยเฉพาะ ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บง่ามมือซ้ายฉีกเกือบขาด อาจเป็นเพราะส่วนนั้นไม่มีส่วนแข็งหรือกระดูกที่ป้องกันคมมีดได้ดีสาเหตุที่ทำร้ายนายค.ก็เป็นเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเสมอในวงสุรา จำเลยจึงไม่มีเจตนาจะฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นเพียงผิดฐานทำร้ายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
รับของโจร: พฤติการณ์น่าสงสัยบ่งชี้ความรู้ว่าทรัพย์สินได้มาจากการลักทรัพย์ แม้ประกอบอาชีพสุจริต ศาลให้รอการลงโทษ
อ. เป็นลูกค้านำรถจักรยานยนต์มาซ่อมกับจำเลย จำเลยย่อมจะจำได้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมาซ่อม และขายชิ้นส่วนเป็นรถของ อ.หรือไม่การที่อ.นำรถจักรยานยนต์มาซ่อมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่ จำเลยอ้างว่าไม่มีทุนซื้ออะไหล่มาเปลี่ยนให้แต่เมื่อ อ. บอกขายชิ้นส่วนอะไหล่ จำเลยกลับมีเงินซื้อ ปกติรถจะต้องมีป้ายทะเบียน แต่ขณะที่ อ. เอารถจักรยานยนต์มาให้จำเลยซ่อมและขายชิ้นส่วน กลับไม่ปรากฏว่ามีป้ายทะเบียน ประกอบกับรถจักรยานยนต์ที่ อ.นำมานั้นชิ้นส่วนยังดีอยู่ไม่น่าที่อ.จะถอดขาย พฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ที่ อ. นำมานั้น เป็นรถที่ถูกลักมา จำเลยจึงมีความผิดฐานรับของโจร จำเลยประกอบอาชีพสุจริตตลอดมา ไม่ปรากฏว่าเคยกระทำความผิดอาญามาก่อน การกระทำผิดของจำเลยน่าจะเกิดจากความโลภควรรอการลงโทษจำเลยไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดีต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 426/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ชิงทรัพย์โดยมีพยานหลักฐานยืนยันการกระชากสร้อยคอของผู้เสียหาย แม้จำเลยอ้างพยานเบิกความแตกต่างกัน ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม
ผู้เสียหายกับภริยาต่างยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้กระชากสร้อยคอผู้เสียหายไป ผู้เสียหายและภริยาต่างรู้จักกับจำเลย มีบ้านอยู่ในซอยเดียวกัน และไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน หลังเกิดเหตุผู้เสียหายไปแจ้งความ พาเจ้าพนักงานตำรวจมาที่เกิดเหตุ และตามจับจำเลยได้ พยานหลักฐานโจทก์มั่นคงรับฟังได้ว่า จำเลยกระชากสร้อยคอผู้เสียหายจริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายและครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย: พยานหลักฐานสอดคล้องและหนักแน่นเพียงพอ
โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ไปซุ่มดูและเข้าตรวจค้นจับกุมจำเลยมาเบิกความเป็นพยานสอดคล้องต้องกัน มีเหตุผลเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งเบิกความไปตามหน้าที่ ไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองจำเลยมาก่อน ส่วนจำเลยมีเพียงจำเลยปากเดียวเบิกความลอย ๆไม่มีพยานหลักฐานอื่นสนับสนุน ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์จึงฟังว่าจำเลยมีเฮโรอีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเฮโรอีนตามฟ้องได้ คำเบิกความของ ธ. พยานโจทก์ที่เบิกความว่าเข้าไปตรวจค้นบ้านจำเลยพบเฮโรอีน 1 ห่อ ซุกซ่อนในช่องอิฐบล็อก ส่วนบันทึกการตรวจค้นจับกุมระบุว่าผลการตรวจค้นพบผงสีขาวคล้ายเฮโรอีน2 ห่อ ซุกซ่อนในซอกกำแพงฝาห้องนอนนั้น เมื่อได้ความว่ากำแพงห้องนอนทำด้วยอิฐบล็อก จึงไม่แตกต่างกันและที่บันทึกว่าตรวจค้นพบเฮโรอีน 2 ห่อ แต่ได้ความว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฮโรอีนจากสายลับ 1 ห่อ จากการตรวจค้นบ้านอีก 1 ห่อ รวมเป็น 2 ห่อการจดบันทึกการตรวจค้นจับกุมอาจผิดพลาดได้ จึงเป็นข้อแตกต่างเล็กน้อยที่ไม่เป็นสาระสำคัญสำหรับกระปุกออมสินแม้จะทำไว้สำหรับใส่เงินเหรียญ แต่ก็สามารถใส่ธนบัตรได้จำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่ากระปุกออมสินดังกล่าวเล็กจนไม่สามารถใส่ธนบัตรได้ คำพยานโจทก์ในส่วนนี้จึงไม่ขาดเหตุผล.