พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,185 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีชิงทรัพย์โดยพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของพยานผู้เสียหายและระยะเวลาระหว่างเกิดเหตุกับจับกุม
นับแต่วันเกิดเหตุชิงทรัพย์ถึงวันที่จำเลยถูกจับเป็นระยะเวลาห่างกันร่วม 8 ปี ผู้เสียหายไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าคนร้ายมาก่อนเพิ่งเห็นในวันเกิดเหตุเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะจำคนร้ายได้ และผู้เสียหายก็เบิกความกลับไปกลับมาไม่อยู่กับร่อง กับรอย ยิ่งกว่านั้นผู้เสียหายยังเบิกความแตกต่างกับพยานอื่นเป็นข้อพิรุธ จำเลยก็ให้การปฏิเสธตลอดมา พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเป็นคนร้ายหรือไม่ ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 235/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: พฤติการณ์สนับสนุนการเป็นตัวการร่วม แม้ถูกข่มขู่
ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายทั้งเจ็ดเล่นการพนันที่บ้านของผู้เสียหายที่ 1 จำเลยมากับผู้เสียหายที่ 7 จำเลยได้กลับไปนำเงินที่บ้านของผู้เสียหายที่ 7 รวม 2 ครั้ง ในครั้งที่ 2 จำเลยไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมงยังไม่กลับมาผู้เสียหายที่ 7 จึงไปเอาเงินที่บ้านด้วยตนเอง ต่อมาจำเลยกลับมายังบ้านที่เกิดเหตุพร้อมกับคนร้ายกดแตรรถจักรยานยนต์เป็นสัญญาณ และขานรับเมื่อผู้เสียหายที่ 1ถามชื่อผู้เสียหายที่ 1 จึงเปิดประตูเมื่อเห็นจำเลยกับคนร้ายผู้เสียหายที่ 1 จะปิดประตูแต่ปิดไม่ได้เพราะจำเลยใช้หัวรถจักรยานยนต์ดันเข้ามา จำเลยกับพวกเข้ามาในบ้านได้ คนร้ายได้บังคับผู้เสียหายทั้งเจ็ดและจำเลยนอนคว่ำ แล้วตรวจค้นเอาทรัพย์สินไป เว้นแต่จำเลยไม่ได้ถูกตรวจค้น พฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยเป็นตัวการร่วมกับคนร้ายปล้นทรัพย์จริง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 227/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐานในคดีอาญา: เหตุการณ์ไม่สมเหตุสมผลบ่งชี้ความผิดสงสัย
จุดที่พยานเห็นจำเลยอยู่หน้าปั๊มน้ำมันซึ่งอยู่ใกล้กับที่จอดรถบรรทุก ดังนั้น หากจำเลยเป็นคนร้ายเมื่อพบพยานเช่นนั้นก็น่าจะรีบขับรถบรรทุกออกจากปั๊มน้ำมันหลบหนีไป ไม่มีเหตุที่จำเลยจะหยุดรถเพื่อเปลี่ยนป้ายที่หน้ารถบรรทุก เพราะขณะนั้นเป็นเวลากลางคืน แม้ป้ายหน้ารถบรรทุกจะไม่ถูกเปลี่ยนก็ไม่เป็นที่ผิดสังเกต พยานโจทก์จึงมีพิรุธน่าสงสัย ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227วรรคสอง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือพยานหลักฐาน – คดีปล้นทรัพย์ – ความขัดแย้งผลประโยชน์ – ยกประโยชน์แห่งความสงสัย
แม้โจทก์มีผู้เสียหายเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความว่า จำเลยทั้งสามกับพวกล้อมบังคับให้ผู้เสียหายนั่งและจับผู้เสียหายนอนลงโดยมีคนใช้เท้าเหยียบขาผู้เสียหาย และมีคนหยิบเงินจำนวน 6,500 บาทไปจากผู้เสียหาย แต่ก็ได้ความจากผู้เสียหายว่า ผู้เสียหายรู้จักกับจำเลยทั้งสามมาก่อน เคยย้ายมาพักอาศัยอยู่กับทางฝ่ายจำเลยและเคยยืมเงินจำเลยที่ 2 กับวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 บอกให้ผู้เสียหายย้ายไปจากกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้น เจือสมกับข้อนำสืบของจำเลยว่า ผู้เสียหายย้ายมาขออาศัยอยู่กับฝ่ายจำเลย ฝ่ายจำเลยให้การช่วยเหลือผู้เสียหายด้านการเงิน และยอมให้ผู้เสียขายโรตี บริเวณที่จำเลยที่ 1 เคยขายมาก่อน โดยให้ขายเพียง 1 เดือน แต่ผู้เสียหายไม่ยอมย้าย คืนเกิดเหตุจำเลยทั้งสามไปพบผู้เสียหายเพื่อขอให้ย้ายที่ขายโรตี ซึ่งผู้เสียหายไม่ยอม และจำเลยที่ 2 ทวงเงินผู้เสียหาย จึงเกิดโต้เถียงกัน ส่อแสดงว่าผู้เสียหายกับฝ่ายจำเลยมีข้อขัดแย้งผลประโยชน์กัน ทั้งผู้เสียหายยังเบิกความกลับไปกลับมาในเรื่องบริเวณที่ขายโรตีของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 และเรื่องการยืมเงินของจำเลยที่ 2 ในที่เกิดเหตุคำพยานผู้เสียหายมีพิรุธ กับหลังเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ยังคงอยู่ในที่เกิดเหตุจนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมได้ ส่วนจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่ถูกจับได้ในคืนเกิดเหตุ แต่ตรวจค้นไม่พบเงินของผู้เสียหายจากจำเลยทั้งสามพยานหลักฐานโจทก์ดังกล่าวมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยทั้งสามได้กระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 207/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐานในคดีอาญา: การพิจารณาความขัดแย้งของคำเบิกความและเหตุการณ์ในเวลากลางคืน
เหตุเกิดในเวลากลางคืน ผู้เสียหายอ้างว่าเห็นและจำหน้าคนร้ายได้ในขณะที่คนร้ายขับรถจักรยานยนต์แซงรถจักรยานยนต์คันที่ผู้เสียหายนั่งซ้อนท้าย ป. มา โดยอาศัยแสงไฟรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายและแสงไฟรถจักรยานยนต์ที่แล่นสวนมากับแสงจันทร์แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วแสงไฟรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายย่อมพุ่งไปข้างหน้าจึงไม่สว่างพอที่จะทำให้ผู้เสียหายเห็นหน้าคนร้ายที่ขับและนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่แซงรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายได้ส่วนแสงจันทร์ก็มีความสว่างน้อยไม่พอจะเห็นหน้าคนร้ายได้ ผู้เสียหายชี้ตัวจำเลยว่าเป็นคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์แต่กลับเบิกความตอบคำถามค้านว่าตอนที่ชี้ตัวนั้นเพิ่งรู้ว่าจำเลยเป็นคนที่ตนรู้จักมาก่อน ดังนี้หากผู้เสียหายจำคนร้ายได้จริงก็น่าจะบอกชื่อคนร้ายได้ในวันเกิดเหตุ คำเบิกความของผู้เสียหายจึงมีพิรุธไม่น่าเชื่อ ช่วงเวลาที่คนร้ายที่นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ลงจากรถมาถีบรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายทันทีจน ป. พยานและรถตกลงไปในคูน้ำข้างทาง ทำให้โอกาสที่ ป. จะเห็นและจำหน้าคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์มีน้อย เมื่อพยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยเป็นคนร้ายกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 178/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานเพียงพอสนับสนุนคำเบิกความของประจักษ์พยานและคำรับสารภาพของผู้ร่วมกระทำความผิด ทำให้ฟังได้ว่าจำเลยร่วมฆ่าผู้ตาย
เหตุเกิดเวลากลางวัน แม้โจทก์มีประจักษ์พยานเพียงปากเดียวแต่ขณะเกิดเหตุพยานอยู่ห่างคนร้ายประมาณ 1 วา และน่าเชื่อว่าพยานไม่ตกใจถึงกับจะไม่รับรู้เหตุการณ์ คนร้ายปฏิบัติการอยู่นานมีการยิงซ้ำผู้ตาย พยานวิ่งไปประมาณ 10 เมตร แล้วได้หันกลับมามองเห็นจำเลยยิงผู้ตายซ้ำ ในชั้นสอบสวนพยานให้การยืนยันว่าจำคนร้ายได้ และให้การถึงรูปพรรณคนร้ายในคดีที่ จ. ถูกฟ้องว่าเป็นคนร้ายคนหนึ่ง พยานก็ได้เบิกความยืนยัน เมื่อจับตัวจำเลยได้แล้วพยานก็ชี้ตัวจำเลยได้ถูกต้องไม่ลังเลใจ และได้ลงชื่อรับรองความถูกต้องของบันทึกการชี้ตัวไว้ในชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพโดยสมัครใจ นอกจากนี้ในคดีที่ จ. ถูกฟ้อง จ. รับสารภาพว่าร่วมกับจำเลยและ พ. กระทำผิด แม้ตามปกติคำซัดทอดระหว่างผู้ต้องหาด้วยกันจะไม่มีน้ำหนักที่จะรับฟัง แต่เมื่อฟังประกอบกับคำประจักษ์พยานโจทก์แล้ว ย่อมสนับสนุนคำของประจักษ์พยานให้มีน้ำหนักยิ่งขึ้น ดังนี้พยานหลักฐานของโจทก์ดังกล่าวแล้ว จึงมีน้ำหนักเพียงพอฟังได้โดยมั่นคงว่าจำเลยร่วมกับ จ. และพวกเป็นคนร้ายฆ่าผู้ตาย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 173/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน: พยานเบิกความขัดแย้ง ทำให้เกิดความสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดจริงหรือไม่
พยานโจทก์ 2 ปาก ซึ่งเป็นผู้ตรวจค้นและจับกุมจำเลยร่วมกันแต่เบิกความถึงการสืบสวนเบื้องต้น การตรวจค้นจับกุม ลักษณะของยาเม็ดของกลางตลอดจนลักษณะสำคัญของบ้านจำเลยแตกต่างกันทุกขั้นตอนโดยตลอดเป็นพิรุธ ถือว่า พยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำหรือไม่ต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 227 วรรคสอง.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับฟังพยานหลักฐานในคดีวางเพลิง: ศาลรับฟังพยานบุคคลประกอบเหตุผลน่าเชื่อถือ แม้มีพยานเพียงปากเดียว
แม้ขณะเกิดเหตุจะเป็นเวลากลางคืน แต่เมื่อได้ความว่าคนร้ายยืนห่างจากประจักษ์พยานโจทก์เพียง 6 เมตร และคนร้ายเป็นผู้ที่ประจักษ์พยานรู้จักมาก่อน บริเวณที่คนร้ายยืนอยู่มีแสงสว่างจากไฟฟ้าที่หน้าร้าน และจากโป๊ะจอดเรือส่องถึงพอที่จะเห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจน และจำได้ว่าเป็นจำเลย ทั้งพยานโจทก์ปากนี้ก็ไม่ได้มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน จึงไม่มีข้อระแวงว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย เชื่อได้ว่าได้เบิกความไปตามความจริง ส่วนที่จำเลยนำสืบว่า พยานโจทก์เป็นคนหลังค่อม เมื่อยืนหลังตู้เย็นย่อมไม่สามารถมองเห็นหน้าคนร้ายได้ชัดเจนนั้น ความพิการดังกล่าว ไม่ถึงกับเป็นอุปสรรคในการมองเห็นเหตุการณ์ และที่โจทก์ไม่นำ บ.ลูกจ้างผู้เสียหายอีกคนหนึ่งที่นอนอยู่กับพยานมาเบิกความ ก็เป็นเรื่องดุลยพินิจของโจทก์ที่จะนำสืบพยานของตนมากน้อยเพียงใดไม่ถือเป็นข้อพิรุธ ทั้งที่อ้างว่าการจุดไฟที่ถุงพลาสติกเปลวไฟจะลุกลามอย่างรวดเร็ว คนร้ายย่อมไม่มีเวลาพอที่จะโยนถุงเข้าไปในร้านผู้เสียหายนั้น ก็เป็นเพียงการคาดคะเนของจำเลยเท่านั้น ดังนั้น แม้โจทก์จะมีประจักษ์พยานเพียงปากเดียวแต่พยานดังกล่าวก็เบิกความมีเหตุผลน่าเชื่อถือ ศาลรับฟังประกอบพยานอื่นลงโทษจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจากทะเลาะวิวาทหลังเมาสุรา ศาลฎีกายืนยันคำรับสารภาพชั้นสอบสวนมีเหตุบรรเทาโทษ
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นเหตุการณ์ แต่จำเลยแสดงกิริยาอาการพิรุธคือหลังเกิดเหตุ เมื่อจำเลยนำผู้ตายส่งโรงพยาบาลแต่ไม่ยอมอยู่แจ้งรายละเอียดต่อแพทย์ จำเลยบอกผู้อื่นว่าผู้ตายยิงตัวตายบ้าง ถูกคนร้ายลอบยิงบ้าง ตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามตัวจำเลยเดินออกมาจากป่าหลังบ้านและแจ้งว่าไปถ่ายอุจจาระแต่ก็ไม่พบร่องรอย ชั้นสอบสวนจำเลยแจ้งว่านำอาวุธปืนไปทิ้งในถ้ำข้างบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นก็พบอาวุธปืน และพบร่องรอยการต่อสู้ที่ลานดินหน้าบ้าน เสื้อของจำเลยมีรอยฉีกขาดคล้ายถูกฟันด้วยใบเลื่อย มีรอยจุดแดง ๆ ที่หลังของจำเลยตรงกับรอยฉีกขาดของเสื้อปลอกกระสุนปืนและลูกกระสุนปืนของกลางใช้ยิงมาจากอาวุธปืนของกลางซึ่งเป็นของจำเลย จากลักษณะบาดแผลของผู้ตายกว้างประมาณ5-6 นิ้ว ไม่มีเขม่าดินปืนติดตัว ผู้ตายถูกยิงในระยะห่างไม่น้อยกว่า1 เมตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ตายจะยิงตัวเอง พฤติการณ์และรูปคดีและพยานหลักฐานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังกล่าวประกอบกับคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลย จึงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย คำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ สมควรลดโทษให้ตามมาตรา 78 แม้ศาลชั้นต้นไม่ลดโทษให้ ศาลฎีกามีอำนาจลดโทษให้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความน่าเชื่อถือของพยานหลักฐาน: ข้อขัดแย้งในคำเบิกความและบันทึกการจับกุม ทำให้เกิดความสงสัยในความผิด
ประจักษ์พยานโจทก์ซึ่งเป็นผู้จับกุมจำเลยเบิกความยืนยันว่าเห็นจำเลยนอนเสพฝิ่นกับ ส. แต่ในบันทึกการจับกุมและบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุต่างระบุตรงกันว่า เป็นเรื่องมีฝิ่นไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต มิได้ระบุข้อกล่าวหาว่าจำเลยเสพฝิ่น นอกจากนี้พยานเบิกความถึงเหตุการณ์ตอนจับกุมจำเลยขัดกับที่ได้บันทึกไว้ในบันทึกการจับกุม และข้อหาฐานเสพฝิ่นพนักงานสอบสวนได้แจ้งเพิ่มเติมภายหลัง ดังนี้ พยานหลักฐานโจทก์มีความสงสัยตามสมควร ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลย.