คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 339 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 29 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2716/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยข่มขู่ด้วยการแสดงอาวุธและท่าทางข่มขู่ ผู้เสียหายกลัวจึงมอบเงินให้
จำเลยทั้งสองเดินเข้ามาหาผู้เสียหายทั้งสองและจำเลยที่ 1พูดขอเงิน 5 บาท ผู้เสียหายที่ 1 บอกว่าไม่ค่อยมีเงิน จำเลยคนหนึ่งก็พูดว่ามีเท่าไรก็เอามาเถอะ พร้อมกับที่จำเลยทั้งสองเดินเข้ามาหาผู้เสียหายทั้งสอง จำเลยที่ 2 ถือของแข็งยาวประมาณ1 แขน ห่อด้วยกระดาษและเคาะของแข็งกับฝ่ามืออีกข้างหนึ่ง ส่วนจำเลยที่ 1 ยกขาข้างหนึ่งขึ้นมาและใช้มือข้างหนึ่งตบที่ขากางเกงข้างนั้น ผู้เสียหายทั้งสองกลัว จึงให้เงินแก่จำเลยที่ 1 ไป ดังนี้การกระทำและคำพูดของจำเลยทั้งสองถือได้ว่าเป็นการขู่เข็ญผู้เสียหายทั้งสองว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อให้ผู้เสียหายทั้งสองส่งเงินให้แก่จำเลยทั้งสองนั่นเอง จำเลยทั้งสองจึงมีความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์ตั้งแต่สองคนขึ้นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1410/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืน: การเพิ่มโทษตามมาตรา 340 ตรี
จำเลยขอเงินผู้เสียหาย 1,000 บาท ผู้เสียหายว่าไม่มี จำเลยจึงชี้ไปที่สร้อยคอของผู้เสียหายพร้อมกับเปิดชายเสื้อให้ดูอาวุธปืนสั้นที่เหน็บอยู่ที่เอวจำเลย จากนั้นจำเลยก็กระชากสร้อยคอผู้เสียหายหลุดติดมือไป ผู้เสียหายแย่งคืนได้ จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง โดยมีอาวุธปืน กรณีจึงต้องระวางโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1228/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการพยายามชิงทรัพย์: การกระทำสนับสนุนและอยู่ในที่เกิดเหตุพร้อมช่วยเหลือ
คำให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ให้ด้วยความสมัครใจเป็นข้อสนับสนุนคำเบิกความของผู้เสียหายให้มีน้ำหนักรับฟังได้ จำเลยกับ ว. คบคิดกันจะขอเงินผู้เสียหาย 20 บาท หากผู้เสียหายไม่ให้จะใช้มีดจี้ขู่เอาเงิน ดังนั้นการที่จำเลยบอกให้ว. ใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายหลังจากที่ผู้เสียหายไม่ยอมให้เงินตามที่จำเลยกับ ว. พูดขอถือว่าเป็นการกระทำส่วนหนึ่งของการที่ว. ใช้มีดจี้ขู่ผู้เสียหายตามที่ได้คบคิดกันมาก่อนแล้ว และจำเลยยังอยู่ในที่เกิดเหตุในลักษณะพร้อมจะช่วยเหลือ ว. แต่เมื่อจำเลยไม่ได้ทรัพย์สินไปจากผู้เสียหาย จำเลยจึงมีความผิดฐานร่วมกับว. พยายามชิงทรัพย์ผู้เสียหาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 446/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน: การแบ่งหน้าที่ของพวกจำเลยเป็นตัวการร่วม
พวกของจำเลยเป็นผู้ขับรถจักรยานยนต์โดยมีจำเลยนั่งซ้อนท้ายไปจอดเยื้องหน้าบ้านผู้เสียหาย พวกของจำเลยลงจากรถเดินมาซื้อน้ำอัดลมที่บ้านของผู้เสียหายซึ่งเปิดเป็นร้ายขายของ และได้สอบถามถึงสามีผู้เสียหายกับพูดคุยอยู่ประมาณ 5-10 นาทีแล้วเดินกลับมาที่รถ จำเลยจึงได้เดินมาซื้อน้ำอัดลมและขณะที่ผู้เสียหายดึงลิ้นชักโต๊ะเก็บเงินเพื่อหยิบเงินทอนให้จำเลย จำเลยได้ใช้อาวุธปืนจี้และเอาทรัพย์ของผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยวิ่งไปนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวหลบหนีไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยกับพวกเป็นลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ พวกของจำเลยจึงเป็นตัวการร่วมกระทำการชิงทรัพย์กับจำเลยไม่ใช่เป็นเพียงผู้สนับสนุน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3084/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิพากษาคดีชิงทรัพย์ที่ไม่สามารถพิสูจน์การกระทำความผิดได้ และการฟ้องที่ไม่ชัดเจน
โจทก์บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน แต่ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองร่วมลักทรัพย์และใช้อาวุธปืนจี้ขู่เข็ญผู้เสียหาย โจทก์มิได้บรรยายฟ้องและขอให้ลงโทษในข้อหาตาม ป.อ. มาตรา 392 มาด้วยเมื่อการกระทำตามมาตรา 392 มิใช่การกระทำอันรวมอยู่ในความผิดฐานชิงทรัพย์ จึงลงโทษจำเลยทั้งสองตามมาตรา 392 ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ: การกระทำต่อเนื่องและขอบเขตความผิด
จำเลยยืนอยู่นอกรถยนต์โดยสารประจำทาง ใช้กำลังประทุษร้ายดึงตัวผู้เสียหายให้ลงมาจากรถแล้วบังคับเอาทรัพย์จากผู้เสียหาย เช่นนั้น การชิงทรัพย์ได้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายในขณะที่ผู้เสียหายยังอยู่บนรถซึ่งเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันไม่ขาดตอนกับการบังคับเอาทรัพย์จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสองประกอบกับมาตรา 335(9).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1084/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ: การกระทำต่อเนื่องจากบนรถถึงนอกรถถือเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะ
จำเลยยืนอยู่นอกรถยนต์โดยสารประจำทาง ใช้กำลังประทุษร้ายดึงตัวผู้เสียหายให้ลงมาจากรถแล้วบังคับเอาทรัพย์จากผู้เสียหาย เช่นนั้น การชิงทรัพย์ได้เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่จำเลยใช้กำลังประทุษร้ายในขณะที่ผู้เสียหายยังอยู่บนรถซึ่งเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องกันไม่ขาดตอนกับการบังคับเอาทรัพย์ จำเลยจึงมีความผิดฐานชิงทรัพย์ในยวดยานสาธารณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสองประกอบกับมาตรา 335 (9).

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1926/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำชิงทรัพย์ต้องเกิดขึ้นก่อนการทำร้ายร่างกาย การกระทำที่เกิดจากทะเลาะวิวาทไม่ถือเป็นการชิงทรัพย์
จำเลยทำร้าย ส. เนื่องจากทะเลาะโต้เถียงกัน ไม่ใช่เป็นการทำร้ายเพื่อประสงค์จะเอาทรัพย์จาก ส.จำเลยเพิ่งมีเจตนาที่จะเอาทรัพย์ไปในตอนที่ ส. ใช้กระบอกตั๋วรถเมล์ตีจำเลยเมื่อจำเลยแย่งกระบอกตั๋วมาได้ก็มิได้ขู่เข็ญว่าจะประทุษร้าย ส. แต่อย่างใด การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1814/2500

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษชิงทรัพย์ก่อนใช้ประมวลกฎหมายอาญา: ศาลฎีกาเห็นควรคงโทษเดิมตามกฎหมายลักษณะอาญา
การชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปก่อนวันที่ประมวลกฎหมายอาญาใช้บังคับ(1 มกราคม 2500) และศาลล่างวางบทลงโทษ ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 299 มีกำหนด 3 ปีนั้น เมื่อศาลฎีกาเห็นควรลงโทษเท่าเดิมก็ไม่มีเหตุที่จะใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง โดยอ้างว่าเป็นคุณแก่จำเลย (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 3)
of 3