พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,432 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 210/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบรรยายฟ้องความผิดหลายกรรม และการลงโทษตามบทกฎหมายที่โจทก์ประสงค์ แม้ไม่ได้อ้างมาตราลงโทษโดยตรง
โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ในตอนต้นแล้วว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดหลายกรรม แม้โจทก์จะไม่ได้อ้างมาตราอันเป็นบทลงโทษไว้ด้วยก็เห็นเจตนาได้ว่าข้อเท็จจริงซึ่งจำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพแล้วนั้นเป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยทั้งสาม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและลงโทษจำเลยไม่เกิน 5 ปีจำเลยต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 151/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอนุญาตฎีกาข้อยกเว้น แม้คดีห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง หากผู้พิพากษาเห็นว่าเป็นปัญหาสำคัญ
แม้คดีจะต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่เมื่อผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกา ก็ต้องรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 221
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3608/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยใช้อาวุธปืนข่มขืนใจผู้อื่นและหลบหนี แม้ไม่มีเจตนาชิงทรัพย์ แต่ผิดฐานข่มขืนใจและบุกรุก
ความผิดตาม พ.ร.บ. อาวุธปืนฯ และ ป.อ. มาตรา 371 ซึ่งเป็นความผิดสองกรรมแรก ศาลชั้นต้นให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไม่รับอนุญาตจำคุก 6 เดือนและความผิดตาม ป.อ. มาตรา 335(3)(7) วรรคสาม ประกอบด้วยมาตรา 80,83 มาตรา 364,365 ซึ่งเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งศาลชั้นต้นให้ลงโทษบทหนักตามมาตรา 335 วรรคสามประกอบด้วยมาตรา 80,83 จำคุก 1 ปี นั้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลดโทษลง 1 ใน 3 เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยความผิดทั้งสามกรรมดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยใช้อาวุธปืนยิง ท. แล้วใช้อาวุธปืนจี้เอารถจักรยานยนต์ของ ร.ขับหลบหนีไป แล้วจำเลยนำรถจักรยานยนต์นั้นไปทิ้งไว้ข้างทางห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 20 กิโลเมตร จำเลยไม่ได้นำรถจักรยานยนต์ดังกล่าวไปเป็นประโยชน์ของตนหรือผู้อื่นพฤติการณ์ของจำเลยไม่มีเจตนาประสงค์จะเอาทรัพย์คืนรถจักรยานยนต์นั้นแต่ประการใด คงมีเจตนาเพียงต้องการใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อหลบหนีเท่านั้น จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่การกระทำของจำเลยดังกล่าวก็เป็นการใช้อาวุธปืนข่มขืนใจ ร.ให้มอบรถจักรยานยนต์โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย อันเป็นความผิดต่อเสรีภาพ ตาม ป.อ. มาตรา 309วรรคสอง ศาลฎีกามีอำนาจลงโทษจำเลยตามทางพิจารณาที่ได้ความได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกานับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นโดยโจทก์ไม่ได้มีคำขอท้ายฟ้องหรือขอแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องเสียก่อนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นเพิ่งจะมาขอหลังจากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแล้วและจำเลยฎีกาต่อมา จึงไม่อาจนับโทษจำเลยต่อจากคดีอื่นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3345/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกคำให้การ, ความหมายของการครอบครองตาม พ.ร.บ.ป่าไม้, และการกระทำความผิดหลายกรรม
ฎีกาว่าศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกเหนือจากคำให้การของพยานและเสริมแต่งข้อสันนิษฐานพยานหลักฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยโดยไม่ได้บรรยายว่านอกเหนือจากคำให้การของพยานในข้อไหนอย่างไร และได้เสริมแต่งให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยอย่างไรเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้งทั้งเป็นฎีกาเพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงแตกต่างไปจากศาลล่างทั้งสองวินิจฉัย จึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 "การครอบครอง" ตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 หาได้มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า "สิทธิครอบครอง" ตาม ป.พ.พ.ไม่ แต่มีความหมายกว้างกว่าโดยหมายความรวมถึงครอบครองเพื่อตนและครอบครองแทนผู้อื่นด้วย ทั้งนี้เพราะไม่มีบทกฎหมายใดจำกัดว่าต้องเป็นการครอบครองเพื่อตนเองเท่านั้น การตัดไม้หวงห้ามและมีไม้หวงห้ามไว้ในครอบครองในคดีก่อนเป็นการกระทำต่างสถานที่กับคดีนี้ และไม้คนละจำนวนกัน จึงเป็นการกระทำผิดหลายกรรมต่างกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3053/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและการป้องกันตัว การพิจารณาพยานหลักฐานและเหตุบรรเทาโทษ
โจทก์มีนาง ท.ซึ่งเป็นน้องภริยาจำเลยกับนางต. ป้าจำเลยเป็นพยานเบิกความประกอบบันทึกคำให้การชั้นสอบสวนว่า เห็นจำเลยถือมีดยืนท้าทายผู้ตาย แล้วถูกผู้ตายยิง แต่จำเลยหลบทัน กระสุนเลยพลาดไปถูก นาง ส. แม้พยานทั้งสองจะมิได้เบิกความถึงเหตุการณ์ต่อมาตอนที่ผู้ตายถูกยิง แต่พยานทั้งสองเคยให้การในชั้นสอบสวนว่าเห็นจำเลยเป็นคนยิงผู้ตาย แม้จะให้การหลังเกิดเหตุถึง 1 เดือนเศษก็ไม่ปรากฏว่าพยานทั้งสองมุ่งปรักปรำจำเลย แต่กลับมุ่งช่วยจำเลยว่าเป็นการยิงป้องกันตัว เพราะเป็นญาติกับจำเลย คำให้การชั้นสอบสวนแม้เป็นพยานบอกเล่าก็อาจนำไปฟังประกอบกับพยานหลักฐานอื่นได้ ความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น โดยลงโทษจำคุกจำเลย 1 เดือนคดีโจทก์เฉพาะความผิดฐานนี้จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก แม้ศาลชั้นต้นจะรับฎีกาฐานนี้ไว้ ศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัยให้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2963/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
พยานหลักฐานขัดแย้ง-รับสารภาพไม่สมัครใจ ศาลฎีกายกฟ้องข้อหาจ้างวานฆ่า-มีอาวุธปืน
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำคุกกระทงละ 1 ปีจึงห้ามมิให้จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 218 วรรคแรก พยานหลักฐานโจทก์มีข้อแตกต่างขัดแย้งกันหลายประการและเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดด้วยกัน อีกทั้งยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนด้วยความสมัครใจ จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานจ้าง วานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนได้ และเมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 กระทำความผิดฐานจ้าง วาน ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ศาลฎีกามีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2 ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา185 วรรคแรก เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2963/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องอาญาเนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ขัดแย้งและไม่เพียงพอต่อการพิสูจน์ความผิดฐานจ้างวานฆ่าและการครอบครองอาวุธปืน
ความผิดฐานมีอาวุธปืนและฐานพาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำคุกกระทงละ 1 ปีจึงห้ามมิให้จำเลยที่ 2 ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก จำเลยที่ 2ฎีกาได้เฉพาะความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน แต่เมื่อพยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้จ้างวานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนโดยมอบอาวุธปืนให้คนร้ายไปยิงผู้ตายศาลฎีกาย่อมมีอำนาจยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานมีและพาอาวุธปืนของจำเลยที่ 2 ได้ตามมาตรา 185 วรรคแรก เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2918/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานแจ้งความเท็จและการกระทำของเจ้าพนักงานผู้รับแจ้ง การกระทำของจำเลยยังคงเป็นความผิดแม้เจ้าพนักงานจะใช้ให้ทำ
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแจ้งความต่อห. กำนัน ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำหน้าที่ ให้จดข้อความอันเป็นเท็จลงในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 จำเลยฎีกาว่า ห.เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำความผิดเสียเอง มิใช่เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ ทั้งยังใช้จำเลยเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด โดยใช้ให้จำเลยเป็นผู้ลงข้อความเป็นเท็จลงไปการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด ดังนี้ฎีกาของจำเลยเท่ากับเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยเป็นยุติไว้แล้ว เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่า ห. เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่หรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ห. เป็นนายทะเบียนมีหน้าที่รับแจ้งการย้าย และได้ลงชื่อเป็นผู้รับแจ้งข้อความตามที่ปรากฏในเอกสารใบแจ้งการย้ายที่อยู่ท.ร.17 ซึ่งเป็นข้อความเท็จตามที่จำเลยมาแจ้งแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิด การที่ ห. ใช้ให้จำเลยหรือบุคคลใดเป็นผู้เขียนหรือจดข้อความลงในใบแจ้งการย้ายที่อยู่ ท.ร.17 แทนห. ไม่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 267
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2918/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานแจ้งเท็จ: เจ้าพนักงานผู้รับแจ้งลงชื่อรับรองข้อความเท็จ ไม่ทำให้การแจ้งเท็จของผู้อื่นขาดความผิด
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 267ลงโทษจำคุก 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาว่า ห.เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำผิดเสียเอง มิได้เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ทั้งยังใช้จำเลยเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดนั้น เป็นการประสงค์จะให้ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงใหม่ว่า เจ้าพนักงานเป็นผู้กระทำผิดเสียเองอันเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยเป็นยุติไว้แล้วทั้งนี้เพื่อนำไปสู่ปัญหาข้อกฎหมายว่า ห. เป็นเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่หรือไม่ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก เมื่อ ห. เป็นนายทะเบียนมีหน้าที่รับแจ้งการย้าย และได้ลงชื่อเป็นผู้รับแจ้งข้อความซึ่งเป็นข้อความเท็จตามที่จำเลยมาแจ้งแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิด การที่ ห. จะใช้ให้บุคคลใดเป็นผู้เขียนหรือจดข้อความแทน หาใช่เป็นสาระสำคัญอันจะทำให้การกระทำของจำเลยขาดองค์ประกอบไม่เป็นความผิดตามป.อ. มาตรา 267 แต่อย่างใดไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2831/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าและผลิตอาหารปลอมเป็นคนละกระทง แม้จำเลยรับสารภาพ ศาลฎีกายืนตามอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นเรียงกระทงลงโทษฐานปลอมเครื่องหมายการค้า ใช้เครื่องหมายการค้าปลอมและผลิตอาหารปลอม รวมจำเลยที่ 2 จำคุก3 ปี จำเลยที่ 3 ปรับ 11,000 บาท ศาลอุทธรณ์แก้เป็น ฐานปลอมและใช้เครื่องหมายการค้าปลอมเป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษฐานปลอมเครื่องหมายการค้า ตาม ป.อ. มาตรา 273 ซึ่งเป็นบทหนักโดยลดโทษแล้ว จำเลยที่ 2 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 3 ปรับ 500 บาท เป็นกรณีแก้ไขเล็กน้อย และยังคงจำคุกไม่เกินห้าปี คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แม้ผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ลงชื่อในคำพิพากษาอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ข้อเท็จจริงนั้นก็ต้องยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ความผิดฐานปลอมเครื่องหมายการค้าและผลิตอาหารปลอมลักษณะของการกระทำผิดแยกจากกัน เมื่อมีการปลอมเครื่องหมายการค้าและนำไปใช้ก็เป็นความผิดสำเร็จกระทงหนึ่ง เมื่อนำอาหารที่ส่วนประกอบไม่ใช่สูตรของแท้มาปิดเครื่องหมายการค้าปลอมเพื่อให้ผู้บริโภคหลงเชื่อว่าเป็นอาหารสูตรของแท้ก็เป็นความผิดฐานผลิตอาหารปลอมอีกกระทงหนึ่ง.